"โรคอีสุกอีใส" ช่วงอากาศหนาว ต้องระวังโรคแทรกซ้อน ควรรักษาตามแพทย์ให้คำแนะนำ
"โรคอีสุกอีใส" ช่วงอากาศหนาว ต้องระวังโรคแทรกซ้อน ควรรักษาตามแพทย์ให้คำแนะนำ
MED HUB NEWS - โรคในช่วงฤดูหนาวอีกโรคที่ต้องระวัง แม้ว่าอากาศหนาวเย็น หลายคนจะคิดถึงโรคหวัด โรคปอดบวม หรือแม้แต่โรคท้องเสียท้องร่วง แต่รู้ไหมว่า โรคอีสุกอีใส เป็นอีกหนึ่งโรคที่จะต้องระวังและติดตามสังเกตอาการอีสุกอีใสกันให้ดี
ไม่ใช่แค่สังเกตอาการโรคอีสุกอีใสที่เกิดกับเด็กๆ เท่านั้น เพราะผู้ใหญ่อย่างเราหรือพ่อแม่ที่มั่นใจว่าฉีดวัคซีนโรคอีสุกอีใสมาแล้วตั้งแต่เด็ก มั่นใจว่าเคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาแล้วจะไม่เป็นอีก
ลบความคิดนั้นออกไปได้เลย เพราะโรคอีสุกอีใส แม้จะได้รับวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสแล้วและเคยเป็นแล้ว
แต่ก็เป็นอีกได้ แถมโรคอีสุกอีใสในผู้ใหญ่ค่อนข้างรุนแรง ทิ้งรอยแผลเป็นจากโรคอีสุกอีใสให้กลุ้มใจอีก
เว็บไซต์ medhubnews.com ข่าวสุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยว วาไรตี้ และ เพจ sasook รายงานว่า นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ และ โฆษกกรมการแพทย์ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ โรคอีสุกอีใสว่า
โรคอีสุกอีใส คือทางผิวหนังที่ทำให้ร่างกายเกิดผื่นคัน มีตุ่มนูนขนาดเล็ก หรือตุ่มน้ำใส ๆ ทั่วร่างกาย ส่วนใหญ่โรคอีสุกอีใส มักเกิดขึ้นได้บ่อยในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี
อย่างไรก็ตามโรคอีสุกอีใส สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย และ โรคอีสุกอีใส แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว
การดูแลคนโรคไข้อีสุกอีใสจึงมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะทำให้ลดการแพร่กระจายของโรค และลดภาวะเสี่ยงจากโรคแทรกซ้อนจากโรคอีสุกอีใสต่างๆ ที่อาจทำให้เสียชีวิต
เช่น โรคปอดบวม โรคสมองอักเสบ ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ ดังนั้น ผู้ป่วยที่เป็นเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 1 ปี สตรีตั้งครรภ์ โดยเฉพาะถ้าพบมีไข้ขึ้นสูง หรือเป็นไข้ติดต่อนานกว่า 4 วัน ไอ หอบ เหนื่อย ต้องรีบพบแพทย์
ด้านแพทย์หญิงสาวสวย มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ ระบุว่า โรคอีสุกอีใสเกิดจากเชื้อไวรัส Varicella zoster virus
ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคงูสวัดสามารถติดต่อได้ด้วย การไอ จาม หายใจรดกัน หรือโดยการสัมผัส ตลอดจนการใช้ของใช้ร่วมกับผู้เป็นโรค
โดยโรคอีสุกอีใส ปกติจะมีระยะฟักตัวประมาณ 2-3 สัปดาห์ มักจะระบาดในช่วงปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน
โรคอีสุกอีใส พบได้ทุกเพศทุกวัยแต่พบมากในกลุ่มเด็กอายุ 5-12 ปี อาการจะมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย และเบื่ออาหาร
ส่วนผู้ใหญ่มักมีไข้สูง มีอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวคล้ายไข้หวัด ขณะเดียวกันจะมีผื่นขึ้นพร้อมๆ กับวันที่เริ่มมีไข้ และกลายเป็นตุ่มนูนมีน้ำใสๆ อยู่ข้างใน ดูคล้ายตุ่มหนอง และมีอาการคัน 2-4 วัน
ต่อมาจะค่อยๆ ตกสะเก็ด ตุ่มจากโรคอีสุกอีใส มักหายกลายเป็นแผลเป็นหลุม โดยเฉพาะถ้าแกะเกาจนติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซิ้น
โรคอีสุกอีใส นี้เมื่อหายแล้ว มักจะมีเชื้อหลบอยู่ตามปมประสาท ซึ่งอาจเป็นโรคงูสวัดภายหลังได้
โรคอีสุกอีใส เป็นโรคที่หายเองได้โดยมีไข้อยู่เพียงไม่กี่วัน ส่วนตุ่มจะตกสะเก็ดและค่อยๆ หายใน 1-3 สัปดาห์ ดังนั้นผู้ป่วยควรพักผ่อนและดื่มน้ำมากๆ ถ้ามีไข้สูงให้ใช้ ยาลดไข้ ห้ามใช้ยาแอสไพริน
เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยเด็กถึงแก่ชีวิตได้ ควรใช้สบู่อ่อนๆ อาบน้ำ ควรตัดเล็บให้สั้นและหลีกเลี่ยงการแกะหรือเกาตุ่ม ในรายที่มีอาการคันมาก
อาจให้ยาช่วยลดอาการคันหรือใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำเกลือล้างและปิดบาดแผล ทั้งนี้โรคอีสุกอีใสใน ผู้ใหญ่และคนที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำจะมีอาการรุนแรง แพทย์จะพิจารณาให้ยาต้านไวรัสในการรักษา
ข้อมูลเพิ่มเติม
นอกจากนี้ เว็บไซต์ medhubnews.com รายงานว่า ปัจจุบันความเชื่อในผู้ใหญ่บางกลุ่มที่ให้ลูกหลานทานยาเขียวนั้น แม้ว่าวิทยาการทางการแพทย์ปัจจุบันมียาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพ แพทย์มักให้คำแนะนำการรักษาที่ถูกต้อง
สำหรับ ยาเขียว ที่ได้มาตรฐานตามร้านขายยาทั่วไป สามารถใช้รักษา บรรเทาอาการได้เช่นกัน ถือเป็นการรักษาตามศาสตร์การแพทย์ทางเลือกได้
เมดฮับ นิวส์ medhubnews.com
เว็บไซต์สุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ วาไรตี้ โรคอีสุกอีใส ฯลฯ
ติดตามข่าวสารจาก medhubnews.com
ได้จาก Facebook : sasook ของเรา
08 มกราคม 2562
ผู้ชม 3134 ครั้ง
แสดงความคิดเห็น