ดีกรีนางสาวไทย เมื่อปี 2543 โน้น !! ผ่านมากี่ปี “ดร.บุ๋ม ปนัดดา” ยังสวยปัง กาลเวลาทำอะไรเธอ ไม่ได้จริงๆ
ดีกรีนางสาวไทย เมื่อปี 2543 โน้น !! ผ่านมากี่ปี “ดร.บุ๋ม ปนัดดา” ยังสวยปัง กาลเวลาทำอะไรเธอ ไม่ได้จริงๆ
คนในแวดวงบันเทิงสมัยนี้มีความโชคดี ที่ได้อยู่ในยุคนวัตกรรมความงามเจริญก้าวหน้าสุดขีดของธุรกิจบริการความงาม กระทั่งเมืองไทย กลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจบริการเชิง
“ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำอะไรเธอได้ แถมยังคงความสวยไว้เสมอ เสมือนหยุดอายุสมกับดีกรีนางสาวไทยปี 2543
ดร.บุ๋ม ผู้ซึ่งในความสำคัญกับการดูแลใบหน้าเป็นอย่างมาก เธอบอกว่านอกจากดูแลด้วยตนเอง ยังต้องปรึกษาแพทย์ความงามเพื่อเติมเต็มความสวยอีกด้วย โดยเฉพาะแพทย์ผู้รู้ใจอย่าง หมอเกรซ พญ.เสาวภาคย์ พงศ์ศศิธร แห่ง Doctorgrace Clinic
เธอบอกว่า การได้สนทนากับคุณหมอทำให้ได้รับความรู้ใหม่ ๆว่า สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าและดวงตาส่องประกายมีเสน่ห์ชวนให้สะดุดตามากขึ้นนั้นมาจาก ดวงตาที่กลมโตดูสดใส ไร้ริ้วรอย ไม่เป็นร่องลึก
หากแต่ใครที่มีปัญหาร่องใต้ตาลึก มีรอยคล้ำ ริ้วรอยที่เห็นได้ชัดเจนบริเวณรอบดวงตา ก็อาจจะทำให้สูญเสียความมั่นใจเป็นธรรมดา หลายๆคนก็คงหาวิธีที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้อยู่
โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดร่องใต้ตาลึกนั้นมีมาจากทางกายภาพ จะแบ่งได้เป็นในคนอายุน้อย เกิดได้จากโครงกระดูกช่วงเบ้าตาและใต้ตาที่เจริญเติบโตไม่ดี ทำให้ไม่มีตัวค้ำยันเนื้อเยื่อใต้ตา เกิดให้เห็นเป็นถุงใต้ตาและร่องใต้ตาได้เห็มคนที่มีอายุมาก แต่มีลักษณะของผิวที่ยังตึงไม่หย่อนยาน
ในคนอายุมากมีได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเกิดจากการยุบตัวของกระดูกเบ้าตา , การยุบตัวของชั้นเนื้อเยื่ออ่อนทั้งชั้นไขมันและกล้ามเนื้อ , การหย่อนของผิวหนังชั้นบนและการยืดออกของชั้นกล้ามเนื้อรอบดวงตา , การยืดออกของเส้นเอ็นที่ยึดผิวหนังไว้กับกระดูกเบ้าตา
ดร.บุ๋ม เล่าว่า หมอเกรซ แนะนำ วิธีการแก้ไขปัญหาร่องใต้ตาลึก คือ ในกรณีที่ไม่อยากทำการเติมเต็มหรือศัลยกรรมใดๆ ก็มีทางออกได้โดยการแต่งหน้าโดยการใช้เบสปรับสภาพผิวบริเวณรอบดวงตา
เริ่มจากแตะเนื้อครีมไปยังบริเวณรอบดวงตาแล้วทำการเกลี่ยเบาๆให้เนื้อเบสเรียบเนียน จะช่วยกลบปัญหาร่องตาลึกและปรับสีผิวรอบดวงตาให้ดูสดใสได้ช่วยคราว
นอกจากนี้ยังมีการใช้วิธีการผ่าตัด จะได้ผลดีหากเกิดมากจากสาเหตุมีการเคลื่อนตัว ทะลักของถุงไขมันใต้ลูกตาออกมามาก ร่วมกับมีการยืดยายออกของผิวหนังทำให้มีผิวหนังเกิน
แต่ถ้าหากมีการเอาไขมันบริเวณใต้เปลือกตาล่างออกมากจนเกินไป รวมไปถึงการตัดแต่งเปลือกตาบน ก็อาจส่งผลให้เกิดปัญหาร่องตาลึกหรือเบ้าตาโบ๋ตามมาได้เช่นกัน
เนื่องจากการตัดหนังที่ชั้นเปลือกตาบนออกมาเกินจะทำให้เสียรูป ส่งผลทำให้ใต้ตาเป็นร่องยุบลึกลงไปและเปลือกตาบนก็มีชั้นตาที่ลึกมากเกินไปคล้ายสระอิ หางตาดูเหมือนจะตกลง ทำให้ใบหน้าดูอิดโรยไม่สดใส อีกด้วย
หมอเกรซ กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีการใช้สารเติมเต็มว่าเหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องใต้ตาไม่ลึกหรือกว้างมากนัก โดยนำสารสังเคราะห์ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้ใกล้เคียงกับสารที่มีอยู่ในร่างกายอย่าง ไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) เติมเต็มเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณใต้ตาที่มีปัญหาร่องลึก
ด้วยเทคนิค Dermo Touch Eye Filler Technique นั่นเอง เทคนิคนี้จะเป็นการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาทีละน้อยๆ เพียงจุดละ 0.01 cc. เท่านั้น เทคนิคนี้จะทำให้เกิดการกระจายตัวฟิลเลอร์ในการฉีดไม่ให้กระจุกเป็นก้อน รวมถึงมีการใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่น้อยลง
ประกอบกับเทคนิคที่ฉีดบริเวณชั้นผิวหนังที่ตื้นเท่านั้น ทำให้ผลข้างเคียงหรือปัญหาที่ตามมานั้น แทบไม่พบเจอเลย จากเทคนิคเดิมๆ ที่ฉีดแล้วฟิลเลอร์เป็นก้อน ไหลไปตามจุดต่างๆ หรือมีการฉีดเข้าไปในส่วนที่ลึกเกิน ทำให้เส้นเลือดอุดตัน ส่งผลทำให้เสี่ยงต่ออาการตาบอดได้ง่าย
แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะเลือกใช้แนวทางการแก้ไขด้วยวิธีใดควรศึกษาข้อมูลและเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชียวชาญเฉพาะทาง เพื่อให้ผลลัทธ์ออกมาสวยงามและปลอดภัยได้อย่างที่ต้องการ
29 เมษายน 2566
ผู้ชม 8330 ครั้ง