#กลิ่นกาสะลองep4 ปลูกฝีก็ฟิน กาสะลอง รักหมอทรัพย์ ยอมทำทุกอย่าง แม้กระทั่งปลูกฝีป้องกันโรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ เว็บไซต์สุขภาพ สาธารณสุข อุตสาหกรรมท่องเที่ยว

บทความ

#กลิ่นกาสะลอง ep 4 ปลูกฝีก็ฟิน กาสะลอง รักหมอทรัพย์ ยอมทำทุกอย่าง แม้กระทั่งปลูกฝีป้องกันโรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ

กลิ่นกาสะลอง ep 4 , กาสะลอง ep3 , กลิ่นกาสะลองep3 , กลิ่นกาสะลองep 3 , กลิ่นกาสะลอง ep3 , กลิ่นกาสะลอง EP3 , กลิ่นกาสะลอง - ฉากปลูกฝีแบบโบราณ

โรคฝีดาษ – อาการ , สาเหตุ , การรักษา  , ฝีดาษ ไข้ทรพิษ โรคระบาดวายร้าย , cowpox คือ , โรคฝีดาษ คือ , โรคฝีดาษสุกร , โรคฝีดาษสุนัขบ้า , โรคฝีดาษไก่ , poxvirus การระบาด , การสร้างวัคซีน, เอดเวิร์ด เจนเนอร์ , ฝีดาษที่มือ

การปลูกฝีครั้งแรก , ประกาศความปลอดจากโรคฝีดาษขององค์การอนามัยโลก โรคฝีดาษ pantip , โรคฝีดาษสุนัขบ้า , โรคฝีดาษนก , โรคฝีดาษลิง , ปลูกฝีดาษ , ฝีดาษ หมายถึง

News Update วันพุธที่ 19 มิถุนายน 62 : เรื่องราวของ กลิ่นกาสะลอง  ใน กลิ่นกาสะลองep4 อย่างที่ทราบว่า เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๗

หมอหนุ่มเชื้อสายจีนอย่าง ทรัพย์ เรียนวิชาการแพทย์สมัยใหม่ และได้มาประจำอยู่ที่โรงพยาบาลมิชชันนารี ที่มณฑลพายับ “เชียงใหม่”

เว็บไซต์เมดฮับนิวส์ดอทคอม ( MEDHUBNEWS.COM ) และ เพจ sasook รายงานว่า กลิ่นกาสะลองep4 มีความสนุก ไม่แพ้  กลิ่นกาสะลอง ep1 กลิ่นกาสะลองep2  และ คลิ๊กอ่าน กลิ่นกาสะลองep3

โดยฉากที่ประทับใจเกี่ยวข้องกับ นายหมอทรัพย์ กับการปลูกฝี ป้องกันโรคฝีดาษให้กาสะลอง

กลิ่นกาสะลอง - ฉากปลูกฝีแบบโบราณ

โรคฝีดาษ หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินชื่อนี้ แต่ก็อาจไม่รู้จักอย่างชัดเจนว่าเป็นโรคอะไร มีอาการอย่างไร และเกิดขึ้นจากอะไร เนื่องจากไทยได้ประกาศว่าโรคนี้ได้ถูกกวาดล้างไปจนหมดสิ้นแล้ว

ปลูกฝี หรือ ผูกสัมพันธ์   

โรคฝีดาษ หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ไข้ทรพิษ   อุบัติขึ้นในประเทศไทยมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีการปรากฎขึ้นตั้งแต่ครั้งพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา

หลังจากนั้นในช่วงปี พ.ศ. 2460-2504 ก็พบการระบาดขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี พ.ศ. 2488-2489 เป็นปีที่มีการระบาดครั้งใหญ่ที่สุด

เนื่องจากญี่ปุ่นจับเชลยมาสร้างทางรถไฟสายมรณะข้ามแม่น้ำแคว จึงทำให้เชลยศึกป่วยด้วยโรคฝีดาษและลามไปยังคนไทยจากภาคต่าง ๆ ที่ไปรับจ้างทำงานในแถบดังกล่าว และเมื่อแยกย้ายกันกลับถิ่นฐานก็ได้นำโรคฝีดาษไปแพร่ระบาดทั่วประเทศ

ในครั้งนั้นมีผู้ป่วยมากถึง 62,837 คน เสียชีวิต 15,621 คน สูงกว่าจำนวนผู้ป่วยในช่วงปี พ.ศ. 2462-2487 ถึง 8 เท่า

ในปี พ.ศ. 2504-2505 ได้มีการระบาดที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย บริเวณติดต่อกับรัฐเชียงตุงของประเทศพม่า มีผู้ป่วย 34 ราย เสียชีวิต 5 ราย

และในปี พ.ศ. 2504  กระทรวงสาธารณสุขจึงได้เริ่มกวาดล้างโรคนี้อย่างจริงจังในประเทศไทย  และรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับการปลูกฝีเพื่อป้องกันโรคฝีดาษ

กระทั่งปี พ.ศ. 2523 เมื่อองค์อนามัยโลกประกาศให้โลกปลอดจากเชื้อฝีดาษจึงได้หยุดการปลูกฝีเพื่อป้องกันโรคนับแต่นั้นมา

การป้องกันโรคฝีดาษที่ได้ผลที่สุดก็คือการใช้วัคซีน ซึ่งการให้วัคซีนโรคฝีดาษเรียกว่า "การปลูกฝี" วิธีการให้วัคซีนก็คือ แพทย์จะนำเข็ม 2 ปลายที่มีเชื้อไวรัสฝีดาษในวัวที่ผ่านกรรมวิธีให้เชื้ออ่อนแรงแทงเข้าไปในผิวหนัง

และเมื่อผิวหนังบริเวณดังกล่าวได้รับเชื้อก็จะเกิดตุ่มฝีดาษ จากนั้นจะค่อย ๆ แห้งและตกสะเก็ดหายไปเอง

วัคซีนชนิดนี้ป้องกันโรคฝีดาษได้ 3-5 ปี และจะยิ่งป้องกันได้นานขึ้นหากมีการให้วัคซีนซ้ำ

โดยการให้วัคซีนฝีดาษจะทำให้เกิดแผลเป็นที่มีลักษณะเป็นรอยบุ๋มที่บริเวณที่รับเชื้อฝีดาษ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นที่ต้นแขน หรือสะโพก เป็นต้น

ทั้งนี้  เมื่อปี  2339 (ค.ศ. 1796) เอดเวิร์ด เจนเนอร์ (Edward Jenner) ได้คิดค้นวิธีการสร้างภูมิต้านทาน (vaccination) และใช้ป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษ

ทำให้ทั่วโลกต่อสู้กับโรคร้ายนี้ได้ ที่ประเทศรัสเซีย ได้ตั้งชื่อเด็กคนแรกที่ได้รับการปลูกฝีว่าแวคซีนอฟ  

หลังจากต่อสู้กับโรคนี้ด้วยการปลูกฝีจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2513 องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ก็ประกาศให้ยกเลิกการฉีดวัคซีนปลูกฝีลง เป็นนัยว่าชนะโรคร้ายนี้อย่างราบคาบแล้ว

19 มิถุนายน 2562

ผู้ชม 5824 ครั้ง

Engine by shopup.com