หน่วยคอมมานโด บก. 904 ลุยเอง ได้เบาะแส แก๊งเจ้าหลาน อุ้มบุญ มานานแล้ว หารือตรวจค้นโรงพยาบาลจับอีก
หน่วยคอมมานโด บก. 904 ลุยเอง ได้เบาะแส แก๊งเจ้าหลาน อุ้มบุญ มานานแล้ว หารือตรวจค้นโรงพยาบาลจับอีก
สกู๊ปอุ้มบุญ , เว็บไซต์สุขภาพเบื้องต้น , กฎหมายอุ้มบุญ , เทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ , อุ้มบุญในจีน , ข้อมูล สุขภาพ , เว็บไซต์สุขภาพ , ข่าวสาธารณสุข , บก.ตร.มหด.รอ.904.
- News Update วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 หลังจาก กองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 หน่วยคอมมานโด กองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 ( บก.ตร.มหด.รอ.904. )
บุกทลายเครือข่ายขบวนการอุ้มบุญข้ามชาติ ตรวจค้นเป้าหมาย 10 จุด รวบ 2 ผัวเมียชาวจีนและคนไทยร่วมแก๊งรวม 9 คน ยึดทรัพย์สินร่วม 100 ล้านบาท ในบ้านย่านนาคนิวาส
พบทารก 2 คนและหญิงไทยที่รับจ้างตั้งท้อง 7 คน ซึ่งมีพฤติกรรมอุบาทว์ ที่กลุ่มนายหน้าชาวจีนรับออเดอร์จากเศรษฐีชาวจีนที่ต้องการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ ชักชวนสาวไทยให้ตั้งท้องแทนราคา 4-5 แสนบาทต่อลูก 1 คน
ถ้าได้ลูกแฝดจะได้ค่าจ้างสูงถึง 6 แสนบาท ก่อนพาไปฉีดสเปิร์มที่ประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเลี่ยงกฎหมาย หลังตั้งท้องจะพากลับมาประคบประหงมที่ประเทศไทย
ก่อนพาไปคลอดลูกที่ประเทศจีน นอกจากนี้ตำรวจ ปคม.ยังรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาอีกแก๊ง ประกอบด้วย นายจักรัตน์ กิตติวนิชย์กุล อายุ 53 ปี และ น.ส.กุลิสรา หรือปู ป้อมเด็ด อายุ 43 ปี เคยจ้างเหยื่ออุ้มบุญเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว
พ.ต.อ.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ ผกก.5 บก.ปคม.เผยว่า จากการสอบสวน น.ส.กุลิสรา หรือปู ป้อมเด็ด ทราบว่า นายจักรัตน์และ น.ส.กุลิสราเคยเป็นแฟนกัน แต่เลิกรากันไปนานหลายปีแล้ว
ช่วงประมาณปี 2552 น.ส.กุลิสรารับทำหน้าที่ดูแลหญิงสาวที่จะมาอุ้มบุญ โดยการพาไปตรวจร่างกาย แล้วพาไปฝังตัวอ่อนที่ประเทศมาเลเซีย หรือกัมพูชา หรือประเทศที่ลูกค้าต้องการ
เมื่อฝังตัวอ่อนสำเร็จจะพากลับมาประเทศไทยเพื่อดูแลต่อจนกระทั่งคลอด ขณะนั้น น.ส.กุลิสรามีอาชีพเป็นพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ
น.ส.กุลิสรายังมีหน้าที่เป็นตัวกลางคอยโอนเงินที่ได้จากเอเย่นต์มาให้หญิงสาวที่รับอุ้มบุญด้วย แต่ น.ส.กุลิสราอ้างว่า ปัจจุบันเลิกทำไปนานแล้ว แม้ผู้ต้องหาจะอ้างว่า เลิกรับอุ้มบุญมานานแล้ว
แต่จากแนวทางการสืบสวนทราบว่า น.ส.กุลิสรา มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอุ้มบุญ และเชื่อว่ายังมีรายชื่อลูกค้าอยู่ หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะต้องสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบก.ปคม.เผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่จับกุมนายจักรัตน์ กิตติวนิชย์กุล และ น.ส.กุลิสรา ป้อมเด็ด นายหน้าแก๊งอุ้มบุญแล้ว
ขณะนี้เหลือเพียง น.ส.กุลิสราที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สน.ทุ่งสองห้อง เพียงรายเดียว มีกำหนดนำตัวไปฝากขังวันนี้ ( 17 ก.พ.) ส่วนนายจักรัตน์นำตัวส่งฝากขังศาลแล้วเมื่อวันที่ 15 ก.พ.
จากการสอบปากคำนายจักรัตน์รับสารภาพกับพนักงานสอบสวนว่า แก๊งนี้มีผู้ร่วมขบวนการประมาณ 5 คน แต่ละคนรู้จักกันแต่ชื่อเล่น หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเส้นทางการเงินและการติดต่อของกลุ่มผู้ต้องหาต่อไป
“วันนี้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมเอกสารต่างๆที่ตรวจพบ แล้วสรุปว่ายังขาดอะไรบ้าง รวมทั้งให้ตรวจรายชื่อแม่อุ้มบุญทั้งหมดเพื่อคัดแยกเป็นคนๆ จากนั้นจะเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)
จัดตั้งเป็นรูปคณะทำงานสอบสวนสืบสวน เพราะคดีนี้มีผู้กระทำผิดหลายพื้นที่ มีผลเสียหายอย่างกว้างขวางเกือบทั่วประเทศ ต้องเสนอ ตร.ให้ตั้งคณะทำงาน
ส่วนเรื่องการตรวจค้นโรงพยาบาลหาหลักฐาน ต้องประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนนัดประชุมกันวันจันทร์นี้ (17 ก.พ.) ว่า จะดำเนินการขั้นตอนต่อไปอย่างไร” พล.ต.ต.วรวัฒน์กล่าว
สำหรับแก๊งเจ้าหลาน ที่ถูกจับได้ ถือว่าเป็นแก๊งใหญ่ทำการ อุ้มบุญ มานานแล้ว และชุดสืบสวนเชื่อว่า ยังมีอีกหลายแก๊งที่รับจัดการเรื่องแม่อุ้มบุญ
ส่วนแก๊งอื่นที่กระจายตามภาคต่างๆ ขณะนี้กำลังสืบสวนหาข้อมูล แต่จากแนวทางที่เจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลมาพบว่า แก๊งเจ้าหลานเป็นแก๊งที่ทำมานาน จากนั้นลูกสมุนจะแตกหน่อออกไปตั้งแก๊งใหม่ ติดต่อกับนายทุนชาวจีนโดยตรงเอง
ด้าน นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า พบว่าหญิงตั้งครรภ์ทั้ง 7 ราย ได้รับการว่าจ้างจากนายทุนจากประเทศจีนให้ไปรับบริการอุ้มบุญกับสถานพยาบาลแห่งหนึ่ง ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หรือราชอาณาจักรกัมพูชา
หลังจากนั้นจึงกลับมาพักฟื้นที่ประเทศไทยเพื่อรอคลอดบุตร ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดทั้งกฎหมาย มนุษยธรรม และศีลธรรมอันดี
พนักงานเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาการกระทำผิดเบื้องต้น ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558
ขณะที่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว ประกาศเตือนคนไทยหลีกเลี่ยงการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการอุ้มบุญในจีน ย้ำผิดกฎหมายอาญาจีน มีโทษจำคุกมากกว่า 5 ปี ถึงประหารชีวิต
โดย สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว ออกประกาศว่า เรื่อง แจ้งเตือนคนไทยหลีกเลี่ยงการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการอุ้มบุญในจีน โดยระบุ
ด้วยในช่วงที่ผ่านมา สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว ได้รับแจ้งจากสำนักงานความมั่นคงในสาธารณะนครกว่างโจว แจ้งว่า ได้จับกุมคนไทย จำนวน 4 คน
ในข้อหานำพาบุคคลรับจ้างตั้งครรภ์ลักลอบเข้าจีน โดยบุคคลดังกล่าวเป็นบุคคลที่รับจ้างตั้งครรภ์ให้กับคนจีนที่มีบุตรยาก (การอุ้มบุญ)
เกี่ยวกับเรื่องนี้ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว ขอแจ้งเตือนคนไทยหลีกเลี่ยงการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการอุ้มบุญในจีน
เพื่อป้องกันมิให้เกิดกรณีการจับกุมด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ เนื่องจากการดำเนินการเกี่ยวกับการอุ้มบุญเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอาญาจีน
โดยผู้กระทำผิดในฐานคนอุ้มบุญมีความผิดมาตรา 240 มีโทษจำคุกมากกว่า 5 ปี ถึงประหารชีวิต และมีโทษปรับ หรือริบทรัพย์ด้วย
สำหรับผู้กระทำผิดในฐานเผยแพร่ข้อมูล/ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการอุ้มบุญ มีความผิดฐานฉ้อโกงตามกฎหมายอาญาจีน มาตรา 266 มีโทษจำคุก หรือกักขัง หรือควบคุมตัว ตั้งแต่ 3 ปี ถึง จำคุกตลอดชีวิต และมีโทษปรับ หรือริบทรัพย์ด้วย
ด้าน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แนะปฏิบัติตามกฎหมายอุ้มบุญอย่างเคร่งครัด ยิ่งในยุคดิจิตอล ยิ่งต้องระวังสื่อดิจิตอล พบหลบหลีกช่องทาง ลงไปใต้ดินมากขึ้น
หากพบโพสต์รับจ้างอุ้มบุญ ซื้อขาย อสุจิ ไข่ ตัวอ่อน หรือเป็นนายหน้า จะลงโทษตามกฎหมายทันที
ทั้งนี้ กฏหมายไทย ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558
จะแบ่งตามลักษณะการกระทำผิด อาทิ หากผู้ใดรับจ้างอุ้มบุญ มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท, กระทำการซื้อ ขายอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เป็นนายหน้า ชี้ช่องทางให้มีการรับตั้งครรภ์แทน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และโฆษณา หรือ ไขข่าว ( ผู้ส่งข่าวสารให้แพร่หลายซ้ำ ) ว่ามีหญิงประสงค์รับตั้งครรภ์ หรือมีบุคคลที่ประสงค์ให้หญิงอื่นรับตั้งครรภ์แทน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เว็บไซต์ข่าวสุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ วาไรตี้ ฯลฯ
Thailand Health and Wellness News
ติดตามข่าวสารจาก medhubnews.com ได้จาก Facebook : sasook ของเรา
17 กุมภาพันธ์ 2563
ผู้ชม 7628 ครั้ง