จิตแพทย์ ชี้ นักศึกษาแพทย์ฆ่าตัวตาย ระวัง "ภาวะซึมเศร้า"
จิตแพทย์ ชี้ นักศึกษาแพทย์ฆ่าตัวตาย ระวัง "ภาวะซึมเศร้า"
กรณีที่มีข่าวอดีตนักศึกษาแพทย์ปีที่ 3 อายุ 21 ปี เครียดและฆ่าตัวตาย ซึ่งบิดาให้ข้อมูลว่า ผู้เสียชีวิต เคยเรียนคณะแพทยศาสตร์ ชั้นที่ 3 ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง คาดว่าเรียนไม่ไหวจึงพักการเรียน แล้วไปสมัครเรียนคณะอื่นในมหาวิทยาลัยอื่น
กองบรรณาธิการข่าว เว็บไซต์สุขภาพ medhubnews.com รายงานว่า เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายแพทย์สมัย ศิริทองถาวร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต ระบุว่า รู้สึกเห็นใจพ่อแม่และขอเป็นกำลังใจกับการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้
ปัญหาการเรียน เป็นเรื่องที่พบได้บ่อย และเป็นการยากที่จะประเมินว่านักศึกษารายนี้ ทำเต็มที่หรือยัง เพราะทุกคนก็ล้วนหวังดี แต่ภาวะซึมเศร้าอาจทำให้ผลการเรียนด้อยลงได้ ความหวังดีจะกลายเป็นการกดดันแทน
เนื่องจากการเรียนแพทย์ในชั้นที่สูงขึ้น จะมีความยุ่งยาก เนื้อหาจะมีความเข้มข้นเฉพาะด้านขึ้นเรื่อยๆ หรือการเรียนในสายอาชีพอื่นๆก็เช่นกัน
พ่อแม่ผู้ปกครองควรรับฟังปัญหาและร่วมหาทางออกตั้งแต่ต้น หากเป็นไปได้ควรให้ลูกได้ตัดสินใจเลือกเรียนตามศักยภาพ ตามความสนใจหรือความถนัดจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด และไม่มีใครที่แก่เกินเรียน
ทั้งนี้วัยรุ่นที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้า มี 4 กลุ่มใหญ่ได้แก่ 1. ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคทางจิตเวช เช่นเป็นโรคซึมเศร้า โรคอารมณ์ 2 ขั้ว โรควิตกกังวล สมาธิสั้น 2. มีโรคเรือรังทางกาย เช่นโรคมะเร็ง โรคไต โรคที่จำกัดกิจกรรมทางร่างกาย หรือมีผลต่อภาพลักษณ์
3 ผู้ที่มีปัญหาทางด้านจิตสังคม เช่น อกหัก ใช้สารเสพติด ตั้งครรภ์ ปัญหาครอบครัว ปัญหาการเรียน เพื่อรังแก ถูกทารุณกรรม เป็นต้น และกลุ่มที่ 4 กลุ่มที่มีครอบครัวไม่อบอุ่น มีความขัดแย้งในครอบครัว
รวมทั้งการขาดทักษะการจัดการอารมณ์ตนเอง ซึ่งกรมสุขภาพจิตได้เร่งแก้ไขและป้องกันปัญหา ได้มอบหมายให้สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ พัฒนาแนวทางการดูแลเพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการของวัยรุ่นที่มีปัญหาและได้รับการดูแลตั้งแต่ต้น ซึ่งที่ผ่านมาวัยรุ่นเป็นกลุ่มที่ยังเข้าถึงบริการน้อย
ส่วน แพทย์หญิงมธุรดา สุวรรณโพธิ์ กล่าวว่า สถาบันฯได้ร่วมมือกับราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย
ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย จัดทำแนวทางการดูแลวัยรุ่นที่มีภาวะซึมเศร้าเป็นการเฉพาะ เพื่อให้แพทย์ใช้ในการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง
ซึ่งวัยรุ่นที่มีภาวะซึมเศร้า มักมีอาการแสดงออกทางอารมณ์และพฤติกรรมต่างไปจากวัยอื่น เช่นมาด้วยพฤติกรรมการใช้ความรุนแรง การทำร้ายตนเอง ทำร้ายคนอื่น หรือมาด้วยปัญหาอารมณ์ก้าวร้าว ปัญหาการกิน การอดอาหาร
แต่บุคลากรทางการแพทย์ บุคลากรทางการศึกษา หรือแม้แต่คนในครอบครัวเอง ส่วนใหญ่ยังมีความไม่เข้าใจ อาจมีทัศนคติในการตัดสินต่อพฤติกรรม การแสดงออกได้ วัยรุ่น จึงไม่ได้รับการช่วยเหลือตั้งแต่ต้น
จากการศึกษาในประเทศไทยขณะนี้พบปัญหาโรคซึมเศร้าในเด็กวัยเรียนร้อยละ 2 ในวัยรุ่นพบได้มากถึงร้อยละ 40-49 และพบเด็กที่มีภาวะซึมเศร้ารุนแรงร้อยละ 13 -22 เป็นสาเหตุการตายอันดับที่ 3 ของวัยรุ่น และเป็นสาเหตุการตายหลักของกลุ่มเยาวชนทั่วโลก แต่กลุ่มนี้ยังเข้าถึงบริการน้อย
ขณะที่สถานการณ์ด้านพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้า เช่น การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ การมีเพศสัมพันธ์ การทำร้ายตัวเอง การใช้ความรุนแรงมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแนวทางการดูแลวัยรุ่นที่มีภาวะซึมเศร้า มี 4 ส่วนหลักได้แก่การประเมินคัดกรองปัญหาซึมเศร้า การวินิจฉัยที่ครอบคลุมทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งได้จากประวัติของวัยรุ่นเองและผู้ปกครอง การตรวจร่างกาย การตรวจสภาพทางจิต ตั้งแต่ลักษณะทั่วไป การแต่งกาย การพูด อารมณ์ ความคิด
การให้การรักษาทั้งด้วยยา และการทำจิตบำบัดเพื่อกระตุ้นพฤติกรรมที่นำไปสู่อารมณ์ทางบวก ปรับความคิดที่นำไปสู่อารมณ์ทางลบ คาดว่าจะสามารถใช้ทั่วประเทศในเร็วๆนี้
เมดฮับ นิวส์ medhubnews.com
เว็บไซต์ข่าวสุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ วาไรตี้ ฯลฯ
Thailand Health and Wellness News
ติดตามข่าวสารจาก medhubnews.com ได้จาก Facebook : sasook ของเรา
08 ธันวาคม 2561
ผู้ชม 7744 ครั้ง