“หวย30ล้าน TheSeries1” EP2 “ครูปรีชา”ปะทะวุ่น"ลุงจรูญ และ “เจ๊บ้าบิ่น”
“หวย30ล้าน TheSeries1” EP2 “ครูปรีชา”ปะทะวุ่น"ลุงจรูญ และ “เจ๊บ้าบิ่น”
“หวย 30 ล้าน The Series 1” Episode 2 : เมดฮับนิวส์ดอทคอม medhubnews.com รายงานว่า โหน กระแส ได้เชิญครูคู่กรณี “คุณปรีชา ใคร่ครวญ” ครูพิเศษชำนาญการซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของล็อตเตอรี่ตัวจริง พร้อม “คุณรัตนาพร สุภาทิพย์”และ คุณพัชริดา พยานซึ่งเป็นแม่ค้า มาเผชิญหน้ากันในรายการ
คุณครูยืนยันว่าเป็นเจ้าของ?
ครูปรีชา : “ร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ”
อยู่ดีๆ ไปยักยอกเขา ต้องออกจากการเป็นครูด้วยนะ?
ครูปรีชา : “อันนี้ก็ให้เป็นกระบวนการทางกฎหมาย”
คุณเอาวิชาชีพมาเป็นเดิมพันนะ?
ครูปรีชา : “ครับ”
แม่ค้าขายล็อตเตอรี่ให้อาจารย์ปรีชา?
รัตนาภรณ์: “ขายล็อตเตอรี่ให้คุณปรีชาค่ะ”
คุณครูไปซื้อมาวันไหน?
ครูปรีชา : “หลังจากล็อตเตอรี่ออกวันที่ 16 ต.ค. ผมก็สั่งล็อตเตอรี่เขาว่าพี่รัตนาภรณ์ งวดต่อไป 1 พ.ย. ผมขอเลข 26 เป็นเลขมงคล เน้นย้ำด้วยว่าถ้าได้ 726 ด้วยยิ่งดี เพราะ 7 คือเลขมงคล ก็ส่งไลน์ไปด้วย เมื่อวันที่ 20”
มีไลน์ให้ดูมั้ย?
รัตนาภรณ์: “มีค่ะ อยู่ในมือถือค่ะ”
พัชริดา : “วันที่ 31 ต.ค. ก็มาตั้งแผงเพื่อจะถามว่าตัวเองมี 26มั้ย เขาบอกว่ามี 3 ชุด มี 326 226 และ 726 ก็เลยบอกว่าให้เอามา 726 เพื่อนเราก็จ่ายให้ 550 เพื่อนคือรัตนาภรณ์ จริงๆ อยู่ที่แผงเรา แต่ขายต่อเขาในราคา 550”
รัตนาภรณ์: “เราก็เอาไปขายครูปรีชา เขาสั่งก่อน แล้วเราหาไม่ได้ มาหาได้วันที่ 31 ต.ค. จากอีกคน เป็นเลขมงคลเลขนี้ไม่สามารถหาได้ เพราะเป็นเลขดังมาก ใครก็ต้องการเลขนี้”
ซื้อไปกี่ชุด?
ครูปรีชา : “4 ชุด มีเลข 076126 533726 131885 แล้วก็ 905470”
นี่ท่องมาเหรอ?
ครูปรีชา : “ไม่ใช่ครับ ทุกอย่างมีที่มาของเลข เช่น 470 ทะเบียนรถภรรยา 885 คือเลขรถตัวเอง แล้วอีกสองเลขคือเลขมงคล 533 เลขทะเบียนรถเครื่อง แล้วมันไปตรงทะเบียนรถเครื่องพอดี เรื่องจริง ทำให้เราจำเลขได้”
เป็นเหตุบังเอิญ?
ครูปรีชา : “เป็นเหตุที่ทำให้เราจำเลขได้ และเราเชื่อว่ารถตรงกับรถเครื่องเราพอดี เผื่อถูก 3 ตัวหน้าด้วย”
เมื่อวานทางอีกฝั่งเขายืนยันว่าซื้อมา?
จรูญ : “เราซื้อมาจากตลาด ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าแม่ค้าคือใคร ไม่กล้ายืนยันว่ามีกี่แผง แต่รู้ว่ามีหลายแผงที่วางเรียงๆ กันอยู่”
สองคนนี้ยืนยันว่าล็อตเตอรี่อยู่กับเขา แม่ค้ามีหลักฐานมั้ย?
รัตนาภรณ์: “มีค่ะ เป็นภาพถ่ายถ่ายเมื่อ 30 ต.ค.”
วันที่ 31 มาขายต่อ?
รัตนาภรณ์: “ใช่ค่ะ”
คุณขายให้คุณลุงจรูญหรือเปล่า?
รัตนาภรณ์: “ไม่ค่ะไม่เคยเห็น ไม่ผ่านตาเลย เลขชุดเดียวเก็บไว้ให้ครูปรีชาคนเดียวเพราะเขาสั่งคนเดียว เขาสั่งประจำ”
ป้าลาวัลย์ : “วันนึงคุณจำลูกค้าได้หรือคะ”
รัตนาภรณ์: “ถ้าเป็นเลขอื่นอ่ะใช่ แต่นี่เป็นเลขดัง ซึ่งเป็นเลขหายากมาก เราก็จำได้”
ครูปรีชา : “ล็อตเตอรี่ก็จ่ายตังค์ไปแล้วนะ ชุดละ 600 สองชุด แล้วเลขธรรมดา 500 ก็นำล็อตเตอรี่ใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ต ไม่มีเสื้อคลุม เป็นเสื้อเชิ้ตธรรมดา แล้วเดินตลาดนัด ไปซื้อกับข้าว เสร็จปุ๊บก็ไปรับลูก แล้วเข้าบ้าน พอเข้าบ้านเสร็จ ผมก็เอาล็อตเตอรี่ไปไว้ในกระเป๋าส่วนตัว ซึ่งเป็นกระเป๋าบริษัทเนสเล่
พอเอามาใส่กระเป๋า ล็อตเตอรี่ก็หายไป ตอนนั้นรางวัลยังไม่ออก ก็โทรศัพท์ไปหาคุณรัตนาภรณ์ว่าล็อตเตอรี่หายไปชุดนึง สงสัยหายที่ตลาดนัดแน่เลย เลขยังไม่ออก เขาก็บอกว่าอาจารย์ดูให้ดีนะ พอถึงเวลาอีกสักพักเราก็ทำกับข้าวให้ลูกกิน เป็นพ่อบ้านประจำบ้าน ก็ลองหาต่อ หาไม่เจอ”
จนวันที่ 1 รางวัลออก รู้วันนั้นว่าถูก 30 ล้าน?
ครูปรีชา : “เพราะคุณรัตนาภรณ์มาตะโกนเรียกหน้าบ้าน บอกว่าเขาตื่นเต้นมากเลย เพราะล็อตเตอรี่ที่หนูให้อาจารย์ถูกรางวัลที่ 1”
รัตนาภรณ์: “เราไปบอกเขาว่าอาจารย์ให้เอามาดูเร็วๆ มันถูกรางวัลที่ 1”
ครูปรีชา : “แต่ผมก็บอกว่าเดี๋ยวผมค้นหาก่อน เพราะเมื่อวานค้นแล้วมันไม่มี ก็บอกว่าพี่ไม่มี ไม่รู้อยู่ไหน เดี๋ยวค่อยหา กลับไปก่อน ก็กะว่าจะปิดบ้านหา กลัวคนอื่นรู้”
คุณรัตนาภรณ์ รู้อยู่แล้วว่าล็อตเตอรี่เขาหาย แล้วทำไมถึงมาถามหาล็อตเตอรี่ ทำไมไม่ถามเขาว่าหาเจอหรือยังล็อตเตอรี่?
รัตนภรณ์: “ก็ไม่คิดว่าล็อตเตอรี่เขาจะหายจริงตอนที่เราไปหาเขา หวยมันเพิ่งจะออกได้ตอนประมาณไม่ถึง 10 นาที”
แต่คุณรู้ตั้งแต่เมื่อวาน?
รัตนภรณ์: “ไม่ใช่ค่ะ ฉันไปที่บ้าน ว่าเขาถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 ให้เขาเอาออกมาดู”
แต่วันที่ 31 เขาโทรหาคุณถูกมั้ย คุณก็บอกให้เขาหา คุณไม่รู้เหรอว่ามันหายไป?
รัตนาภรณ์: “ก็คิดว่ามันอยู่ในบ้านนั่นแหละ”
ครูปรีชา : “ผมก็ปิดบ้านเลย หาล็อตเตอรี่ในบ้าน หาไม่เจอ ก็ไปโรงพัก ไปสถานีตำรวจ ก็ไปบอกร้อยเวรวันที่ 1 ว่าผมถูกล็อตเตอรี่แล้วล็อตเตอรี่หาย ไปแจ้งความ ร้อยเวรบอกว่าอาจารย์กลับไปดู ไปทบทวน มันไม่หายไปไหนหรอกครับ ถ้าอาจารย์บอกว่าถูกรางวัลที่ 1 แน่ๆ ก็กลับไปดูเลยที่บ้าน วันนั้นก็หาทั้งคืน หาที่บ้าน หากันสามคนพ่อแม่ลูกซึ่งก็ไม่เจอ ไปแจ้งความวันที่ 2 ไปตอนบ่ายๆ ก็หาอีก ตร.บอกว่าได้ครับ แต่ต้องบันทึกประจำวันอย่างเดียว แต่ไม่รับแจ้งความ เป็นใบบันทึกประจำวันของตร. (โชว์ใบบันทึกประจำวัน) ไปแจ้งตอนบ่ายๆ เย็นๆ ไปคุยกับตร.อยู่พักนึง”
แต่ในใบบันทึกประมาณสองทุ่มกว่า?
ครูปรีชา : “ไปบ่ายสอง แล้วก็คุยกันก่อน ถึงลงบันทึกประจำวันตอนสองทุ่มหลังจากนั้นตร.แนะนำให้ไปที่กองสลากเพื่ออายัดล็อตเตอรี่ ไปทำเรื่องเพื่อดูว่าใครขึ้นเงินหรือยัง ก็เอาบันทึกไปที่กองสลาก ที่สนามบินน้ำ ซึ่งไปวันที่ 3 พอไปวันที่ 3 เขาก็น่ารักมาก เขาก็แนะนำว่าอาจารย์ใบบันทึกประจำวันมันใช้ไม่ได้ ต้องเป็นใบแจ้งความถึงใช้ได้ ก็กลับไปใหม่”
จากเรื่องวันที่ 2พ.ย. ที่ไปแจ้งความ มันผ่านเวลาถึง 28พ.ย. ตร. เรียกคุณไปว่าไง?
จรูญ : “ก็บอกว่ามีคนแจ้งความว่าล็อตเตอรี่หาย”
มันใช้เวลานานนะผ่านไป 3 อาทิตย์กว่า?
ครูปรีชา : “มันเป็นกระบวนการของกองสลาก เขาใช้ระบบตรวจสอบ นิติกร ประชุมแล้วประชุมอีก เพราะเป็นเรื่องรางวัลที่ 1 ทางนิติกรก็แจ้งว่าอาจารย์อาจช้าหน่อยนะครับเพราะอยากให้ถูกต้อง ไม่อยากให้เกิดเรื่องเหมือนจังหวัดอื่นๆ”
ในระหว่างนั้นไม่กลัวคนเขาเบิกเงินคุณเอาเงินไปใช้เหรอ?
ครูปรีชา : “ใจก็ระแวง แต่เราทำงานราชการ เราจะรู้ระบบการทำงานด้วยกัน แล้วไปที่กองสลากมาแล้วเห็นเลยว่าวิธีการทำงานเขารัดกุมมาก เขาดูแลอย่างดี”
ไปเจอหน้า เคยเจอมาก่อนมั้ย?
ครุปรีชา : “ไม่เคยเจอ”
แล้วทำไมถึงบอกว่าเราเคยทำบุญร่วมกัน เอาไปคนละ 15 ล้านแล้วก็แยกย้ายกันไป
ครูปรีชา : “ยังไม่ได้บอกแบบนั้นนะครับ คือทางตร. เขาให้คุณลุงหาพยานหลักฐานมา ว่าคุณลุงยังไม่ได้ลงเลขคดีครับ แค่แจ้งความเฉยๆ ถ้าคุณลุงมีพยาน มีหลักฐาน ซื้อจากใคร คุณลุงตอบอะไรไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ซื้อจากที่ไหน”
จรูญ : “เราจำสถานที่ได้อยู่แล้ว แต่จำแผงไม่ได้”
ป้าลาวัลย์ : “เราเป็นลูกค้าขาจรไงคะ เราเจอตรงไหนเราก็ซื้อ แต่ทางนั้นเขาเป็นลูกค้าประจำกัน เขาก็ต้องจำกันได้ใช่มั้ยคะ”
ปรีชา : “ปกติซื้อทุกงวด งวดนี้ไม่ต่ำกว่า 5 พันบาท แล้วส่วนใหญ่ก็เลขมงคลทั้งนั้นเลยครับ ผมตามเลขนี้มาตลอด เพราะหนึ่งผมรักเลขนี้”
คุณลุงก็ยังยืนยัน?
จรูญ : “ยังยืนยันอยู่ พันเปอร์เซ็นต์”
แบ่งได้มั้ย?
ป้าลาวัลย์ : “ไม่แบ่งค่ะ”
จรูญ : “มันของๆ เรา เราเป็นคนซื้อ”
แต่เขาบอกทำบุญร่วมกันมา?
ป้าลาวัลย์ : “ก็เราไม่รู้จัก”
จรูญ : “ไม่รู้ทำบุญด้วยกันมาชาติไหน”
15 ล้านจบมั้ย?
ครูปรีชา : “คือผมจบ ณ วันที่ 28 แต่ ณ วันนี้ผมไม่จบแล้วครับ ผมไม่ให้เลยสักบาท เพราะให้โอกาสคุณลุงแล้วครับ”
ป้าลาวัลย์ : “ก็ดำเนินไปตามกฎหมายก็แล้วกัน”
รู้สึกเป็นธรรมมั้ยครับถูกอายัด?
จรูญ : “ไม่เป็นธรรม ก็ผมซื้อ ผมถูก แล้วผมมาโดนอายัด มันเป็นธรรมตรงไหน”
ป้าลาวัลย์ : “แล้วเป็นฝ่ายถูกกระทำนะคะตอนนี้”
ครูปรีชา : “ผมก็เข้าใจนะครับ แต่ ณ เวลานี้จากพยานหลักฐานต่างๆ ที่ผมบอกว่าเรามีบุญรวมกัน เรารับราชการด้วยกันทั้งคู่ คุณลุงก็เป็นตำรวจ ผมก็เป็นครู ซึ่งตร. เขาก็ให้โอกาสเราสองคนคุยกัน ในการคุยกัน ผมก็ได้คุยกับเขาว่าคุณลุงถือว่าเป็นคนดีนะ เพราะคุณลุงไม่ได้เป็นนักโทษ ไม่ได้เป็นผู้ต้องหา
ผมไม่ได้มากล่าวว่าคุณลุงขโมยของ ผมมาแจ้งความว่าล็อตเตอรี่ผมหาย ผมไม่ได้แจ้งความว่าคุณลุงเอาไป วันที่ล็อตเตอรี่หายผมก็เสียใจแต่ก็เก็บไว้เป็นความลับ เพราะหนึ่งเราเป็นครู สองล็อตเตอรรี่หาย เราต้องใช้ความเป็นครูสังเคราะห์ก่อนว่าเราควรจะทำยังไงบ้าง เรามีเส้นทางเดินยังไง เราต้องเช็กให้ถูกต้อง เราเสียใจเพราะหาล็อตเตอรี่ไม่เจอ”
ในเฟสบุ๊ก คุณลุงปรีชา คุณลงไว้ 131185 คุณบอกว่าบุญมีจริง รถนำโชค ทำไมถึงไม่พูดถึงล็อตเตอี่ที่หาย?
ครูปรีชา : “ผมพูดไม่ได้ครับ เพราะผมไปแจ้งความ ผมก็รู้ว่าล็อตเตอรี่ผมหาย การที่ล็อตเตอรี่หาย จะมานั่งโทษคนอื่น โทษอะไรไม่ได้ ต้องใช้กระบวนการให้ถูกต้อง บอกคนอื่นเลยว่าเรามีดวงแล้ว แต่เราก็ต้องใช้กระบวนการในความเป็นครู โพสต์ไปว่าเทวดาให้มาแล้วนะ บอกเป็นนัยๆ กับเพื่อนๆ ว่ามันมีมากกว่านั้น”
ทำไมไม่ลงว่าบุญมีแต่กรรมบัง?
ครูปรีชา : “ไม่ลงครับเพราะไม่ใช่กรรมบังครับ เพราะไม่ใช่กรรมครับ”
รัตนาภรณ์: “เราก็ไปเม้นต์ว่านางสีนิลผู้ให้โชค เรารู้ว่าล็อตเตอรี่เขาหาย แต่มันเป็นเรื่องรูปคดี เราไม่สามารถเอ่ยถึงได้”
ครูปรีชา : “กลัวคนรู้ครับ”
รัตนาภรณ์: “เดี๋ยวเสียรูปคดีเขา เราไม่อยากพูดถึง”
จะเอายังไงกันต่อ?
ครูปรีชา : “จริงๆ แล้ว วันนี้ ณ เวลานี้ก็จะไม่ให้เลย แต่เมื่อวานดูโหนกระแส เห็นคุณลุงเบิกไป 2 งวด 5 ล้านห้า ผมเชื่อว่าเป็นของผมนะ แล้วผมเชื่อว่าคุณลุงเก็บได้ แล้วเอาไปขึ้นเงิน ในความรู้สึกของผม แต่ ณ เวลานี้ถ้าคุณลุงยอมรับว่าคุณลุงเอาไปจริงๆ ส่วนที่คุณลุงเบิกไปแล้วผมก็จะให้ไปแต่ถ้าจบจากรายการนี้ไปแล้ว ไปคุยในศาลอย่างเดียว ผมเอาคืนหมดเลยครับ”
ทางนี้ได้มั้ย?
ป้าลาวัลย์ : “ไม่ได้ค่ะ”
จรูญ : “ก็ผมเป็นคนซื้อ ผมเป็นคนถูก”
รัตนาภรณ์: “ตอนแรกคุณลุงบอกว่าอ้วนๆ ขาวๆ แต่ตอนหลังคุณลุงบอกว่าจำไม่ได้”
จรูญ : “ก็มันผ่านมาหลายวันแล้ว ผมจำไม่ได้”
มีกระแสข่าวว่าคุณมีส่วนรู้เห็นกับข้าราชการผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง เพื่อจะให้ไปแบ่งกัน?
ครูปรีชา : “กระแสเกิดจากทนายตั้มครับ ขอพูดผ่านรายการ เป็นทนายรู้กฎหมาย การที่ไปลงเฟซบุ๊กให้คนเขาวิพากษ์วิจารณ์ ศาลเท่านั้นถึงจะตัดสินว่าคนไหนผิดคนไหนถูก ทำไมคุณตัดสินแล้ว คุณเป็นศาลหรือเปล่า คุณเป็นทนายนะครับ การที่คุณไปโรงเรียนที่ผมให้ข้อมูลมา คุณบอกผมว่าคุณเป็นองค์กรกลาง คุณมาไก่เกลี่ย รู้มั้ยครับเข้าไปในโรงเรียน เขาไม่ได้ขออนุญาตโรงเรียน เขาไปหาผม หนังสือสักฉบับก็ไม่มี หนังสือที่จะนำส่งขอพบอาจารย์ปรีชาก็ไม่มี ความที่ผมเห็นแขกมา เราเป็นครู เราก็ต้องต้อนรับ ทนายตั้มก็เห็นว่าผมสอนนักเรียน ผมก็เปิดโอกาสให้ทนายตั้มทุกอย่าง คิดว่าเราเป็นครู เราก็ต้อนรับ แต่ทนายตั้มเอาผมไปวิพากษ์วิจารณ์หมดเลย”
ทนายตั้ม: “แต่ผมไม่ได้เอ่ยชื่อใครเลยนะ”
ครูปรีชา : “แต่ทนายตั้มไม่ได้เป็นศาลนะ ทนายตั้มมีสิทธิ์พิพากษาผมเหรอ”
ทนายตั้ม : “ก็ผมเข้าไป คุณครูก็ให้การต้อนรับ ก็คุยกันอย่างดี ไม่มีอะไร ผมก็เล่าไปตามข้อเท็จจริง คุณครูก็พูดมาเลยว่ามี่เรื่องไหนที่ไม่จริงบ้าง เอาตรงไหนไม่จริงก่อน”
ครูปรีชา : “คุณเป็นคนถือกฎหมาย เป็นเจ้าของกฎหมาย สิ่งต่างๆ ที่สังคมเขาวิพากษ์วิจารณ์ มันเกิดจากทนายตั้มว่าผมขี้เหล้าเมายา เอาหลักฐานตรงไหน”
ทนายตั้ม: “แต่ผมไม่ได้เอ่ยชื่อคุณนะครับ”
ครูปรีชา : “แต่เรื่องทั้งหมดเกิดจากกระบวนการเหล่านี้”
ทนายตั้ม: “ใช่ครับ ผมมาวันนี้อยากให้ประชาชนตัดสินว่าเรื่องราวเป็นยังไง ถ้าฝ่ายไหนถูกผิด ประชาชนตัดสินแล้ว”
ครูปรีชา : “แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทนายตั้มวิพากษ์วิจารณ์ว่าส่อพิรุธ ส่ออย่างโน้นอย่างนี้ ซึ่งทุกอย่าง มันเป็นกระบวนการของศาลนะครับ”
ทนายตั้ม: “ผมเป็นทนายความ ผมมีหน้าที่สืบหาข้อเท็จจริง”
ครูปรีชา : “ไปที่โรงเรียนก็ไม่ได้ขออนุญาตโรงเรียน”
ทนายตั้ม: “คุณครูก็ไม่ได้ไล่ผมออกนี่ครับ ถ้าคุณครูไม่ยินดี ผมก็ต้องออกนะครับ”
ครูปรีชา : “ไม่ได้ตำหนินะ แต่ขอพูดในฐานะคุณเป็นทนาย ผมเป็นครู การเป็นทนาย คุณเป็นผู้รู้กฎหมายหมดทุกเรื่อง การที่คุณโพสต์ไม่เอ่ยชื่อ แต่ทุกอย่างทนายตั้มรู้ดี”
ทนายตั้ม: “ใช่ครับ และทุกอย่างคุณครูก็รู้ดีแก่ใจแน่นอน”
ปรีชา : “แต่ข้อมูลบางอย่างได้บอกข้อมูลไปแล้วว่าขอสงวน”
ทนายตั้ม: “ไหนๆ ก็มาแล้วก็ขอถามเลยดีกว่า วันนั้นคุณครูบอกว่ารู้เองหลังหวยออก แต่มาในรายการบอกว่ารู้วันที่หายแล้ว ตกลงมันเป็นยังไงกันแน่”
ปรีชา: “ ข้อมูลบางอย่างนะครับ ผมเป็นคุณครูนะครับ จบระดับปริญญาโท ไม่ใช่ตาสีตาสา คุณทนายตั้มไป คุณครูก็ไม่ได้เชื่อมั่นว่าเป็นคุณดีหรือคนไม่ดี ก็ให้ข้อมูลในเชิงที่ถูกต้องบ้างไม่ถูกต้องบ้าง เพราะไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร”
ทนายตั้ม: “สรุปที่บอกผมไม่ใช่เรื่องจริง”
ปรีชา : “ไม่ใช่ไม่ใช่เรื่องจริง บางเรื่องสรุปเพื่อเป็นประโยชน์”
ทนายตั้ม: “ที่บอกว่ามีข้อมูลแล้วทำไมไม่มีไลน์”
ปรีชา: “ทำไมต้องให้ล่ะครับ คุณเป็นใคร อยู่ดีๆ ก็หยิบไป แล้วถามว่าคุณเป็นอะไร ในหน่วยงานของผม ผมขอตำหนิว่าคุณกำลังละเมิดสิทธิมนุษยชน”
ทนายตั้ม: “ถ้าละเมิดจริงๆ นะ คนที่ไปกล่าวหาคนอื่นเพื่อเอาเงินเขา ผมว่ามันแย่กว่านะ”
ทนายครูปรีชา: “ผมก็เป็นทนายความ คุณก็เป็นทนายความผมอยากให้ใช้อำนาจศาลตัดสินมากกว่า”
ทนายตั้ม: “วันนี้มาออกรายการทีวีครับ”
ทนายครูปรีชา: “ตอนนี้ก็คิดอยู่นะ ว่าวันนี้ทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ถูกต้องทั้งหมด ก็อยากให้เข้ากระบวนการศาล แล้วพิจารณา สิ่งที่เราไม่รู้ เรายังไม่ทราบ เราไม่ควรคิดไปก่อน”
ปรีชา : “แล้วเมื่อวานดูรายการหนึ่ง ไปสอบถามเพื่อนครูว่าครูติดการพนัน เมาเหล้า คุณฟันธงได้ยังไง”
ทนายตั้ม: “ผมถามจริงๆ ครับ”
ปรีชา : “มีหลักฐานมั้ย ถ้าไม่มีผมฟ้องนะครับ”
ทนายตั้ม : “ผมเอ่ยชื่อคุณหรือเปล่า”
ปรีชา : “คุณป็นทนายนะครับ คุณกำลังละเมิด”
ทนายปรีชา : “ใจเย็นๆ นะครับ ถ้าใครทำอะไรไม่ถูกต้อง เดี๋ยวเราต้องมาดำเนินคดีกัน”
ครูปรีชา : “เรื่องทั้งหมดสิ่งที่จะตัดสินไม่ใช่รายการโหนกระแส รายการต่างๆ หรือสื่อมวลชน แต่เป็นกระบวนการศาล เพราะฉะนั้นจะคิดจะทำอะไรกัน ก็ให้เกียรติกับทุกคน ให้เกยรติองค์กร และประเทศชาติด้วยนะครับ เยาวชนดูหมด ทุกคนจะมาลงความเห็นแล้วทุกคนมาตัดสินแบบนี้ไม่ได้นะครับ”
ถามคำถามสุดท้ายถ้าวันนี้พิสูจน์ออกมาแล้วไม่ใช่ของคุณเป็นของเขาทำไง?
ป้าลาวัลย์ : “ก็ต้องสู้กันให้ถึงที่สุด”
จรูญ : “ก็แล้วแต่กระบวนการยุติธรรม”
แล้วจะขอโทษเขามั้ยถ้าเขาถูก?
จรูญ : “ไม่ ก็ผมซื้อ ผมถูก”
ปรีชา : “จิตมนุษย์รู้เอง”
จรูญ : “ใช่ ถูกต้องเลย”
ปรีชา : “ก็ใจเขาเท่านั้นที่รู้”
แพ้ก็ไม่ขอโทษ?
จรูญ : “ไม่ขอโทษ”
ถ้าคุณแพ้ล่ะคุณปรีชา?
ปรีชา : “ผมก็ยินดีรับโทษตามกระบวนการศาลครับ โทษศาลเป็นยังไงผมก็ยินดี”
ทนายปรีชา : “พยานหลักฐานเรามีมากกว่านี้ เราขอนำเสนอในขั้นสอบสวน”
แสดงว่าที่มีการอั้วกันก็ไม่จริง?
ปรีชา : “ไม่จริงครับ แล้วใช้คำว่ากระบวนการ”
ทนายตั้ม: “มีการเข้าไปคุยกับนายตำรวจระดับสูงหลังวันที่ 28 หรือเปล่า”
ปรีชา : “ไม่มีครับ”
ทนายตั้ม: “มีคนรับมาแล้วนะ ว่ามีการไปคุยจริง”
ปรีชา: “ทนายตั้มคุณอย่าตั้งสมมุติฐานสิครับ”
ทนายตั้ม: “ไม่ได้ตั้งสมมุติฐานนะครับ”
ปรีชา : “ผมเป็นครูสอนกฎหมายนะครับ ผมรู้ว่าสิ่งที่คุณทนายทำมันไม่ถูกต้อง”
เว็บไซต์ข่าวสุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ วาไรตี้
Thailand Health and Wellness News
ติดตามข่าวสารจาก medhubnews.com ได้จาก Facebook : sasook ของเรา
02 มกราคม 2562
ผู้ชม 4906 ครั้ง