แม่ค้าตบเด็ก ฉาวโฉ่ ! โดนหนัก ไม่ใช่แค่ปรับ 500 ก็จบ ตบเด็ก 17 คาชุดนักเรียนอ่วม โดนหลายกระทง เจ้าตัวฟิวส์ขาด ถูกด่า "อีดอก"
แม่ค้าตบเด็ก ฉาวโฉ่ ! โดนหนัก ไม่ใช่แค่ปรับ 500 ก็จบ ตบเด็ก 17 คาชุดนักเรียนอ่วม โดนหลายกระทง เจ้าตัวฟิวส์ขาด ถูกด่า "อีดอก"
จากกรณีที่โลกออนไลน์มีการเผยแพร่คลิปจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็น 3 แม่ค้ารุมตบสาวอายุ 17 ปีคาชุดนักเรียน โดยมีชายอีก 2 คนยืนคุมสถานการณ์ นำมาซึ่งกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวกองบรรณาธิการ medhubnews.com เว็บไซต์สุขภาพของคนรุ่นใหม่ และ เพจ sasook รายงานว่า ล่าสุดรายการโหนกระแส วันที่ 11 ม.ค. ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย”
ได้เชิญคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาเผยความจริง โดยฝั่งแม่ค้าคือ “คุณอ้น” และ “คุณแอน” ในขณะที่ผู้เสียหายคือ “น้องหมวย” (นามสมมุติ) มาพร้อม “แม่จุ๋ม” คุณแม่น้องหมวย “คุณวรนัท แสนโคตร” คุณน้า และ “คุณเกรียงไกร เปียแดง” ที่ปรึกษาทนายความ
วันนั้นเกิดอะไรขึ้น ? อ้น : “วันนั้นพี่จอดรถอยู่และเดินถือของมา กำลังพะรุงพะรัง ที่ตลาดบางใหญ่ซิตี้ เป็นวันที่ 9 ม.ค.” ล็อกมันเดินเป็นยังไง ?
อ้น : “ล็อกมันก็ทางเดินแคบค่ะ พี่ก็จะเดินไปที่ร้าน น้องผู้ชายกับผู้หญิงเขาเดินอยู่ข้างหน้า เขาเดินกอดคอกันอยู่ กอดคอเป็นแฟนลักษณะการเดินไม่ใช่คนเป็นเพื่อนกัน เขาก็บอกว่าเป็นแฟนนะคะ น้องเขาพูดในคลิปว่าเป็นแฟน พอเดินไปเหมือนกับว่าเขาก็ขวางทาง เราก็บอกน้องเขาว่าหลบกันไปหลบกันมาประมาณ 3 รอบ พี่ก็หันไปบอกเขาว่าเอาสักทางได้มั้ย น้องเขาก็หันมาในลักษณะไม่พอใจ ว่าทำไม”
มีคำอื่นอีกมั้ย?
อ้น : “ตอนนั้นยังไม่มี น้องเขาก็พูดว่าก็เดินไปสิ อ้าว จะเดินยังไง ก็น้องเดินกอดคอขวางทาง ไปก็ไม่ได้ น้องดูข้างหลังสิ คนอื่นไปกันไม่ได้เยอะแยะ เราก็พูดกับเขาเริ่มไม่ดี น้องเขาก็บอกว่าก็เดินไปสิ เราก็หันไปว่าเขา ใส่ชุดนักเรียนมีการศึกษาแต่พูดจาเหมือนคนไม่มีการศึกษาเลย
น้องเขาก็พูดว่าแล้วป้ามีการศึกษาหรือเปล่า ก็เถียงกันไป ฉันเป็นผู้ใหญ่กว่าเธอ พูดกับฉันดีๆ เขาก็บอกว่าทำไม ไม่ใช่ญาติกู ทั้งผู้หญิงและผู้ชายพูดคำนี้ ก็เถียงกันไปเถียงกันมา น้องผู้ชายก็ด่าอี.. แล้วก็ให้ของลับเรา”
ก่อนหน้านั้นพี่เองได้พูดกับน้องมั้ยว่าถ้าเดินแบบนี้ก็ไปนอนที่โรงแรมเลยแล้วกัน?
อ้น : “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ได้พูด พูดว่าถ้าเดินแบบนี้ไปเดินที่ห้าง เพราะห้างมันใหญ่ ถ้าน้องจะไปเดินเล่นแต่นี่ที่มันตลาด น้องเดินกอดคอกันแบบนี้ คนเดินกันไม่ได้ เขาก็เลยพูดมาอย่างนั้น หลังจากนั้นก็โต้ตอบกัน เขาด่าเราเราด่าน้อง ซักพักเราก็เดินหนีมาข้างหน้าเขาก็เดินตาม แต่น้องผู้ชายก็เถียงกันมา
พอเดินมาถึงข้างหน้าซักพัก เราก็คิดว่าเขาไปแล้ว เราก็เอากระเป๋ายาวาง เราไปยืนตรงนั้นจะซื้อน้ำ แล้วเราก็หันไปพูดกับน้องคนนี้ว่าซวยฉิบหายเลย เดินทะเลาะกับเด็ก ความดันขึ้นเลย เป็นหืดหอบ เป็นเบาหวาน ไปซื้อน้ำมากินจะกินยา จังหวะที่เราจะซื้อน้ำ ก็ได้ยินเสียงน้องผู้ชาย ซึ่งหายไปสักพัก แล้วเขาเดินย้อนกลับมาว่าป้าจะเอาไง
เขาก้าวขามาให้เรา 3-4 รอบ เราก็ถอยห่างออกไป เราก็ตกใจ ก็บอกว่าน้อง น้องเป็นผู้ชายหรือเปล่า เธอไปใส่ผ้าถุงมาทะเลาะกับพี่เหอะ แล้วทีนี้น้องผู้หญิงเขาก็เดินอ้อมมา เราหันไปเห็นน้องเขาพอดี เขาก็พูดว่านั่นไงๆ เหมือนเขาเดินตามมาหาเรา”
คุณทำยังไง ?
อ้น : “เราด้วยความโมโห เราก็บอกว่าไอ้นี่ขี้ฟ้องจัง แล้วก็โดดไปตบน้องเขาเลย” แต่ภาพไม่เหมือนที่คุณอ้นบอกนะ เหมือนผู้ชายคนนั้นไม่ได้คุยกับพี่ ? อ้น : “ไม่นะคะ เถียงอยู่กับพี่” ก่อนหน้าตะลุมบอน เขาบอกว่าพี่ตามคนมาตะลุมบอนจริงหรือเปล่า ? อ้น : “ไม่จริง พี่โทรไปคุยเรื่องส่วนตัว เรื่องเงินของพี่ค่ะ”
แต่เขาบอกพอโทรศัพท์ปุ๊บ ซักพักมีคนเดินเข้ามาหาเขา? อ้น : “ไม่มีนะ ช่วงที่เราตบไป น้องเขาก็จิกหัวพี่จนพี่จะล้มลงไป พี่ถือโทรศัพท์อยู่ด้วย”
แอน : “พอช่วงพี่เขาตบน้องไป เขาโดนกระชาก ด้วยความที่เรารู้ว่าเขาเป็นเบาหวาน เพราะเขาบอกว่าเนี่ย ทะเลาะกับเด็ก ความดันขึ้นเลย มาซื้อน้ำจะกินยา พออย่างนั้นปุ๊บด้วยความตกใจเราก็เลยเข้าไป ตอนแรกใจเราจะเข้าไปช่วยแยกออกมา” แต่ในภาพโอ้โห คุณใส่ก่อนเลย? แอน : “แต่ก่อนหน้านั้นมือหนูไปโอบตัวน้องออกมา แต่ทีนี้พอเขาไม่ออกมา มันเริ่มชุลมุน”
ถ้าอีกมุม คุณไปดึงออกมาให้ป้าเขาตบ? แอน : “ไม่นะคะ” อ้น : “น้องเขาจิกหัวพี่อยู่นะคะ” ถ้าในมุมคนที่เขาดูอยู่ โดนตบแบบนี้ก็ต้องมีการหันมาจิกมาคว้ากันบ้าง มันแปลกมั้ย? อ้น : “มันก็ไม่แปลกหรอกค่ะ เราก็โอเค คนเราทะเลาะกัน”
ทีนี้ประเด็นของสังคม มีคำว่ารุมเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่สองคน มีสามสี่คน แล้วมีผู้ชายพยายามกันเด็กผู้ชายไว้ด้วย ว่าถ้ามึงเข้าไปมึงโดน กลับกลายเป็นว่าน้องโดนพวกคุณรุมตบ จริงมั้ย?
อ้น : “อันนี้คือช่วงชุลมุน พอพี่ตบน้องเขาไปแล้ว น้องเขาก็มาคว้าผมเรา ก็ยื้อกันไปยื้อกันมา พอพี่จะล้ม พี่เลยเอาโทรศัพท์วางที่พื้น แล้วช่วงนั้นน้องเขากระชากหัวพี่ พี่ก็เซไป”
แอน : “หนูก็เลยเข้าไป เราก็เจ็บเหมือนกัน เราก็เริ่มมีอารมณ์โกรธเหมือนกัน แต่มันช่วงแค่แป๊บเดียว แค่ไม่กี่วิ แล้วก็หยุดกันไป”
อ้น : “พอเราเจ็บ เราล้มแล้วเราลุกขึ้นมาได้ อารมณ์เราเจ็บ เราโกรธ โมโห เราเหมือนโดนด่าโดนอะไร พอฟิวส์ขาดแล้ว เราลุกขึ้นมาได้ ก็ตีน้องประมาณ 4 ที ถ้าจำไม่ผิด แต่พอมีสติแล้วเราก็รู้สึกตัวว่าเราทำอะไรลงไป เราก็ออกมานั่ง เดินไปเซเว่นแล้วก็กลับมา”
ตอนนั้นความดันไม่ขึ้น?
อ้น : “ไม่รู้อ่ะตอนนั้น(หัวเราะ) มันก็โมโห น้องก็ด่าเราด้วย ก็เดินด่ากันมาตลอด” ยืนยันว่าทางเขาด่าเราก่อน เลยเกิดอารมณ์? อ้น : “ใช่ค่ะ”
คุณแอนบอกว่าไม่ได้รุมแค่เข้าไปช่วยแต่เผอิญเจ็บตัวไปด้วยเลยขอซัดซักทีสองที? แอน : “ค่ะ” มีคนอื่นอีกมั้ย? แอน : “ไม่มีค่ะ”
มาพูดกับ “น้องหมวย”(นามสมมุติ) ผู้เสียหาย พร้อมคุณแม่ คุณน้า และที่ปรึกษาทนายความ “คุณวิว เกรียงไกร” ได้ฟังฝั่งแม่ค้าไปแล้วรู้สึกยังไง แม่ : “ตรงกันข้ามมากค่ะ กับสิ่งที่เราได้เห็นในหลักฐาน” ถามน้องก่อน เหตุการณ์เป็นอย่างที่เขาพูดมั้ย?
หมวย: “คือหนูเดินตลาดกับเพื่อนสนิทค่ะ เหมือนหยุดเดินดูของแล้วเหมือนไปขวางป้าข้างหลัง ป้าก็พูดขึ้นมาว่าเอ้า อีนี่มาเดินจู๋จี๋กันอยู่ได้ ทำไมไม่ไปเดินในห้างล่ะ” เราเดินจู๋จี๋กันมั้ย? หมวย: “หนูแค่เกาะคอ เพื่อนหนูเกาะค่ะ แล้วหนูก็หลบให้เขาเดินเขาบอกว่าทำแบบนี้ไปโรงแรมเลยไป๊”
เขาพูดคำว่าให้ไปโรงแรม เขาใช้วาจาสุภาพหรือรุนแรง? หมวย: “เขาใส่อารมณ์ค่ะ” ตอนเบี่ยงให้เขาเดินได้มั้ย?
หมวย: “ได้ค่ะ เขาก็เดินไปแล้วห่างกันระยะหนึ่ง เขาก็ใช้คำหยาบคายมาว่าใส่ชุดนักเรียน ไม่มีการศึกษา หนูก็สวนเขาว่าแล้วป้ามีการศึกษาหรือเปล่า หนูก็มีการโต้เถียงมาเรื่อยๆ จนมันจบ เขาก็ยกสายขึ้นมา ไม่ทราบว่าเขาคุยกับใครเพราะหนูคิดว่าจบแล้ว หนูก็เดินรีบไปทานข้าวกับเพื่อนค่ะ”
พี่อ้น เป็นอย่างที่น้องพูดมั้ยว่าพี่พูดว่าไปโรงแรมเลยแล้วกัน เขาหลีกทางให้พี่เดินได้แล้วพี่ไม่เดิน?
อ้น : “พี่ไม่ได้พูดคำว่าไปโรงแรม พี่พูดว่าถ้าน้องจะเดินอย่างนี้น้องต้องไปเดินที่ห้างค่ะ พูดแบบนี้เท่านั้นค่ะ”
น้องเขาบอกว่าพี่พูดจาไม่ดี เขาหลบให้แล้ว พี่เดินไปแล้วก็ยังด่าเขา?
อ้น : “ไม่ค่ะ พี่ไม่ได้พูดว่าให้น้องไปโรงแรม ถ้าน้องจะเดินอย่างนี้ น้องต้องไปห้างค่ะ แล้วน้องก็ด่าสวนกลับมา ต่างคนต่างด่าค่ะ”
หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น?
หมวย: “หนูเห็นเขายกโทรศัพท์ขึ้นค่ะ แต่หนูไม่ทราบว่าเขาคุยกับใคร หนูคิดว่าเรื่องมันจะจบแล้ว หนูก็รีบเดินเพื่อไปทานข้าวกับเพื่อนสนิท หนูจะรีบทำเวลาเพื่อส่งของให้ลูกค้า เหมือนเดินไปวน เพื่อนสนิทหนูเห็นป้าเขาเท้าสะเอว เอามือกอดอกมองที่เพื่อนสนิทหนู
เพื่อนเขาเลยเดินเข้ามาถามว่าป้ามีอะไรหรือเปล่าครับ แล้วป้าก็บอกว่านี่ไงนักเลง แล้วผู้ชายฝั่งป้าเขาก็เดินมา เก๋าเหรอ หนูก็เดินวนมาอย่างที่เห็นในภาพ หนูยังไม่รู้เรื่อง ยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยค่ะ เขาก็จับหัวหนู แล้วก็รุมเลยค่ะ”
ในมุมคุณแม่คุณน้า เห็นบอกว่าก่อนหน้านี้น่าจะมีการนัดแนะกันระหว่างผู้ชายเสื้อน้ำเงิน เสื้อขาว และมีทางคุณแอน และพี่อ้นที่ลงมือตบ ไปตามพรรคพวกมา?
น้า : “สิ่งที่หนูพูด หนูพูดตามคลิปที่เราเห็น ณ ตอนนั้นหลานเราไปเล่าให้ฟังแล้ว จะมีผู้ชายเสื้อขาวที่ยืนคั่นกลางระหว่างเพื่อนสนิทเขากับตัวเขาอยู่ก่อนลงมือ แล้วมีผู้ชายเสื้อน้ำเงินที่อยู่เคียงกับเขาเป็นคนที่ชี้หน้า เพื่อนสนิทเขาเล่าว่าเขาพูดว่ามึงอย่าเข้ามานะ ผู้หญิงเขาจะตบกัน”
มีการนัดกันด้วย?
น้า : “ในส่วนนี้ เรามองว่าเราดูจากหลักฐาน ป้ามีการเดินเข้าไปคุยกับผู้หญิงเสื้อแดง เสื้อเทาอยู่พักหนึ่ง แล้วจากนั้นมีผู้ชายเสื้อขาว เสื้อน้ำเงินเข้ามา แล้วเขาบอกว่าน้องผู้ชายด่าเขา สังเกตจากในคลิปนะคะ ใครด่าใคร คุณป้ายกมือตลอดเลย หัวนี่โยกเลย”
หมวย: “เขาก็พูดว่าเก๋าเหรอ จากที่เพื่อนหนูเล่าให้ฟังเพราะตอนนั้นหนูไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์” แม่ : “หลังจากนั้นพอป้าเขาเดินมาก็จิกหัวน้องแล้วตบเลย” น้า : “จะสังเกตได้ว่าผู้ชายที่ยืนเท้าสะเอว หันมาผลักหัวน้องลงก่อน แล้วป้าก็ตบเลย แล้วเขาบอกว่าเขาไม่รู้จักผู้ชายเสื้อขาวได้ยังไง”
คุณแม่บอกว่าก่อนหน้ามีเหตุการณ์น่าจะเกิดการนัดแนะกันก่อน? แม่ : “เราเห็นว่าป้ามีการเดินมาหาคนเสื้อแดง หลักฐานเป็นคลิปวิดีโอจากส่วนกลางตลาด เขาเดินมาคุยกันก่อนซักพักหนึ่ง แล้วมีผู้ชายสองคน เสื้อขาวกับสีน้ำเงินเดินตามมาสมทบ ตามในคลิปวิดีโอที่เราดู ดูจากสายตาเราแล้ว น่าจะเป็นการนัดแนะ บอกกล่าวกันล่วงหน้า วางแผนกันไว้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ป้าเขากำลังชี้น้องที่เป็นเพื่อนสนิท แต่ไม่รู้พูดอะไร แล้วผู้ชายเสื้อสีขาวเดินเข้าไปหาน้อง เสือสีขาวก็บังน้อง เสือน้ำเงินก็ยืนอยู่ตรงป้า”
หมวย: “เขาก็พูดว่าเก๋าเหรอ ซึ่งหนูไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อนเล่าให้ฟังอีกที หนูไม่รู้ว่าเพื่อนหนูเดินไปหาคู่กรณี หนูกดโทรศัพท์อยู่ แล้วพอเงยหน้ามา ก็เห็นเขายืนมุงกัน เลยเดินไปหาเพื่อนเขาค่ะ หนูก็เดินเข้าไปใกล้ผู้ชายเสื้อขาว ป้าก็จับหัว ผู้ชายเสื้อขาวก็กดหัวหนู แล้วก็รุมเลยค่ะ”
ผู้ชายเสื้อขาวกดหัวเราด้วย ? หมวย: “ใช่ค่ะ หลังจากนั้นก็รุมค่ะ” เขาบอกไม่ได้รุม? หมวย: “ก็ดูจากคลิปค่ะ” น้า : “ดูจากคลิปก็ได้จากพยานหลักฐานที่เรามี ซึ่งเราก็ไม่ได้ตัดแต่งวิดีโอมา คนดูก็รับชมได้เลยค่ะ ช่วงเหนี่ยวแขนเหนี่ยวขา จากคนจะช่วยจับออก หรือคนกระแทกลงไป มันเป็นยังไง ดูได้อยู่แล้ว” หมวย: “ยืนยันว่าถูกรุมค่ะ”
ทำไมน้องผู้ชายถึงไม่เข้ามาช่วย? หมวย: “เพราะมีผู้ชายเสื้อขาวชี้หน้าด่าเพื่อนหนูค่ะ ว่ามึงอย่าเข้ามานะ เรื่องของผู้หญิง ผู้หญิงเขาจะตบกัน”
คุณอ้น ฝ่ายชายเสื้อขาวที่เดินเข้ามาคือใคร? อ้น : “คือดูจากคลิปค่ะ พี่เดินไปคุยกับน้องเสื้อแดงว่ามีเรื่องกับเด็กมา แต่ไม่รู้ไปไหน น้องเสื้อแดงถามว่าไปทางไหน ซึ่งพี่ไม่รู้ว่าเดินไปไหนแล้ว ซึ่งพี่ก็ยืนอยู่ตรงนั้นเพราะเขาออกไปข้างหน้า”
คุณเหมือนไปกระซิบกระซาบกับคนกลุ่มนี้? อ้น : “ไม่ค่ะ พี่ก็เหมือนคุยกับน้องเสื้อแดงวามีเรื่องทะเลาะกับเด็กนักเรียนมา” ทางพี่เองเดินตามล่าน้อง? อ้น : “ไม่ใช่ พี่ดูว่าน้องไปแล้วหรือยัง น้องเขาก็ไปแล้วสักพักหนึ่ง แล้วเดินกลับมาอีกกลับมาเพื่ออะไร”
ไปเดินดูเขาเพื่ออะไร? อ้น : “ก็ร้านพี่อยู่ข้างหน้า พี่ก็ดูว่าเขาไปแล้วหรือยัง เพราะตอนมีเรื่องไล่มาจากข้างหลังเขาด่ากับพี่มา พอให้ของลับ ก็ด่าพี่อีแก่ อีดอกอะไรของเขา” แม่ค้าบอกเขาไม่ได้ตามล่า?
น้า : “แต่ในคลิปเดินกลับไปกลับมา มองซ้ายมองขวา มองอยู่ระยะหนึ่ง แล้วก็เดินเข้าไปคุยกับผู้หญิงเสื้อแดง เสื้อเทา แล้วตอนอยู่โรงพักบอกว่าไม่รู้จักกัน ตำรวจพยายามถามว่ารู้จักเสื้อแดง เสื้อเทาหรือเปล่า เขาบอกว่าไม่รู้จักกันค่ะ ชายเสื้อขาว น้ำเงินก็ไม่รู้จักกัน แต่ชายเสื้อขาวไปอยู่กับเขาที่โรงพัก วันที่เกิดเหตุน้องโทรไปบอกน้าว่ามาด่วนเลย หนูโดนป้าคนหนึ่งรุมทำร้าย ที่ทำงานเราไกล เรามองว่าตำรวจต้องไปถึงก่อนเรา พอไปปุ๊บ ช่วงจังหวะที่น้องเขารอเรา รอตำรวจ ป้าก็มีการเดินไปขู่น้องว่าไหนๆ จะเสียคค่าปรับ 500 บาทแล้วกูซ้ำมึงแน่”
หมวย: “จริงค่ะ พูดคำนี้เลยค่ะ” น้า : “เขาพูดแค่ว่าน้องด่าเขาก่อน ทำไมไม่บอกล่ะว่าเขาเป็นคนด่าน้องก่อน” ทำไมไม่หลบให้เขา? แม่ : “เขาไม่ได้ถือของพะรุงพะรังอย่างที่เขาพูดเลยค่ะ อีกมือถือโทรศัพท์ อีกมือไม่ได้ถืออะไรเลย” น้า : “วินาทีตรงนั้นเขาบอกถือถุงยามาพะรุงพะรัง จากภาพที่น้องถ่ายไว้ ไม่มีอะไรเลย เขาบอกว่าเด็กเดินด่าเขาไปตลอดทาง แต่ระยะทางที่น้องถ่ายรูปไว้ห่างเลย ต้องตะโกนแล้วล่ะ”
พี่อ้นว่าไง? อ้น : “พี่ถือถุงยาค่ะ” เขาถ่ายรูปตามหลังไม่เห็น? อ้น : “ก็ดูสิคะ พี่ถือถุงยาอยู่ซ้ายมือ ช่วงที่น้องเดินมาก็ห่างกันมาก น้องเดินตามด่าพี่มาตลอด น้องผู้ชายก็ด่า” จุดจบก็คือต้องโดนตบ ? อ้น : “ไม่ใช่ค่ะ คือน้องเขาก็ด่ามาเรื่อยๆ แล้วผู้ชายเขาก็ให้ของลับพี่ ด่าอี คือก้าวร้าวค่ะ คือไม่ใช่ว่าจะตบ พี่ก็เดินหลบไปแล้วแล้วมาคุยกับน้องเสื้อแดง ว่ามีเรื่องกับเด็ก”
ถามทางทนายเรื่องนี้ยังไง?
ทนาย : “เรื่องนี้เป็นการให้ความเห็นทางข้อกฎหมาย ผมจะไม่วินิจฉัยหรือตัดสินวาใครถูกใครผิด ตามข้อเท็จจริงที่เกิดข้น อยากทำความเข้าใจให้กับประชาชนได้ทราบในฐานะที่ผมเป็นทนายของสภาทนายความ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันไม่ใช่เรื่องที่ตบกันแล้วปรับแค่ 500 บาท จะชี้แจงให้เห็นว่ามีความผิดฐานใดบ้าง จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏไม่ได้ยืนยันนะครับ แต่เป็นการยืนยันในข้อกฎหมาย ให้ความรู้กับประชาชน
การที่บุคคนหลายคนมาร่วมกันรุมทำร้ายร่างกายของน้อง อาจจะมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้อันตรายแก่กาย อันนี้มาตราหนึ่งแล้ว แต่จะมีพฤติการณ์เข้ามาบางอย่างว่าการเข้ามาร่วมกันทำร้ายไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายกันธรรมดา ถ้ามีการคิดทบทวนไตร่ตรองและตัดสินใจก่อนเข้ามาทำร้าย ตรงนี้อะไรทำให้ผมมีความเห็นเช่นนั้นดูจากคลิปมีการยกหูโทรศัพท์ มีการนัดแนะกัน มีการมองต้นทาง มองว่าคู่กรณีอยู่ไหน ผู้เสียหายอยู่ไหน
อันนี้มองจากตรงนี้ ผมมีความเห็นว่าตรงนี้อาจเป็นไปได้ว่าคิดไตร่ตรอง ทบทวน และอาจมาดักรอ พอดักรอขึ้นมาก็กลายเป็นว่าร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มันก็จะมีเหตุฉกรรจ์ของการทำร้ายร่างกายซึ่งไม่ใช่ทำร้ายร่างกายตามมาตราธรรมดา โทษก็จะหนักขึ้นไปอีก ในส่วนของผู้ที่เข้ามากันไม่ให้คนอื่นเข้ามาช่วย อาจมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนด้วย
อีกนิดหนึ่งนะครับ น้องเขายังเป็นเด็กอยู่ ก็มีกฎหมายเด็กคุ้มครองอยู่ การกระทำดังกล่าวตามกฎหมายเขาถือว่าเป็นการกระทำอันเป็นการทารุณกรรมต่อร่างกายของเด็ก ซึ่งก็จะมีโทษตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พุทธศักราช 2546 มาตรา 26 ประกอบมาตรา 78 อีกด้วย อีกมาตราหนึ่งเป็นลหุโทษในประมวลกฎหมายอาญา อาจเป็นการกระทำใดๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง หรือทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอาย ยิ่งถ้าเป็นที่สาธารณสถานจะระวางโทษหนักขึ้น”
เรื่องนี้เอาไง ดำเนินคดีถึงที่สุด?
แม่ : “ใช่ค่ะ จะให้เป็นกระบวนการตามกฎหมาย ให้ถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้”
แม่ค้าว่ายังไง?
อ้น : “แล้วพี่อยากจะถามว่าน้องผู้ชายเขาเดินไปแล้ว แล้วเขาจะเดินกลับมาทำไม ผู้ชายเดินไปทางหนึ่ง ผู้หญิงเดินไปทางหนึ่งเหมือนเขาจะเดินตามหาพี่”
น้า : “ตามหาพี่แล้วเขาจะก้มหน้ากดโทรศัพท์ทำไม ทั้งที่ผู้หญิงเสื้อแดง กับเสื้อแดงยืนอยู่ คนตามหาคนจะเดินกดโทรศัพท์ไม่มองซ้ายมองขวาเหรอ น้องเงยหน้ามาก็โดนตบเลยค่ะ”
อ้น : “น้องผู้ชายเขาเดินเข้ามา แล้วบอกว่าป้าจะเอาไงล่ะ แล้วพี่ชี้หน้าว่าเจตนาเข้ามาหาเรื่องพี่ใช่มั้ย เพราะเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เป็นแม่ค้าที่อยู่ที่นั่น เขาคิดว่าพี่เป็นคนที่มาเดินตลาด”
น้า : “มันไม่จริงไง เดี๋ยวให้ฟังจากน้องเลย”
หมวย: “เพื่อนสนิทหนูเดินกลับมาเพราะว่าเห็นป้ายืนเท้าสะเอวและกอดอกมอง แฟนหนูก็เลยสงสัย ซึ่งหนูไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเดินเข้าไป เขาก็เดินเข้าไปถามว่าป้ามีอะไรครับ แค่นั้น”
อ้น: “ไม่ใช่นะ เพราะตอนที่น้องเดินเข้ามา พี่ก็ยังไม่เห็นน้องผู้หญิงเหมือนกัน พี่เห็นแต่น้องผู้ชายเดินเข้ามา”
น้า : “แต่มีการชี้มือนะคะ”
อ้น : “น้องผู้ชายเขาถามว่าป้าจะเอายังไง พี่เลยพูดว่าน้อง น้องเป็นผู้ชายหรือเปล่า ภาพที่พี่ชี้ น้องจะมาหาเรื่องอะไรกับผู้หญิง ถ้าเป็นผู้ชายก็เอาผ้าถุงมาใส่ทะเลาะกับพี่เหอะ”
น้า : “ดูจากในคลิปเป็นอากัปกิริยา คนที่ด่านะคะ”
อ้น : “แต่มีคนเห็นนะคะ มีคนได้ยินนะคะ พี่เถียงว่าน้องยังไม่จบอีกเหรอ น้องเป็นผู้ชาย น้องไปเอาผ้าถุงมาใส่แล้วมาทะเลาะกับพี่ ซึ่งน้องเขาไปแล้ว น้องเขาย้อนกลับมาเพื่ออะไร สรุปก็จะกลับมาทำร้ายพี่เหมือนกัน พี่ก็ไม่รู้อารมณ์เขาเหมือนกัน”
รู้จักผู้ชายเสื้อขาว?
อ้น : “ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่เหมือนเห็นหน้าเห็นตา ค้าขายอยู่ในตลาดเดียวกัน รู้จักเหมือนพ่อค้าแม่ค้าทั่วไป เคยคุยเคยอะไร แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว รู้จักแต่ไม่ได้สนิทสนม”
เขาจะดำเนินการให้ถึงที่สุด?
อ้น : “เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของกฎหมายเพราะน้องเขามีทนาย แต่พี่เป็นแค่แม่ค้า เป็นชาวบ้านธรรมดา พี่คงไม่มีอะไรไปสู้รบปรบมือเขาหรอก ตอนนี้เรื่องมันถึงโรงพักแล้ว แต่พี่ก็ยอมรับว่าพี่ผิดจริง พี่ไปตบเขาจริง แต่น้องเขามีการยั่วยุ ทะเลาะกับพี่มา ไม่ใช่อยู่ดีๆ พี่ไปตบเขา มันก็ต้องฟังความกันสองฝ่าย คนไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกันแล้วเราจะไปตบน้องเขาได้ยังไง ถ้าน้องไม่ด่าเรามา เราไม่ด่าเขาไป ไม่ยั่วยุอารมณ์กัน แล้วพี่ก็บันดาลโทสะ”
แม่ : “ถ้าบันดาลโทสะ ทำไมไม่ลงมือขณะที่มีปากเสียง ทำไมมีการดักรอ มีการชะเง้อ มองหา”
ทนาย : “ขอเสริมว่าการที่คุณพี่เขาพูดว่าทางนี้มีทนายความแล้วจะได้เปรียบ เขาไม่มีอำนาจในการไปสู้รบปรบมืออะไรกับใคร ผมเรียนว่าทนายความเข้ามาดูแลเพื่อให้เป็นธรรมกับสังคม ทนายความเป็นหน่วยงานหนึ่งของกระบวนการยุติธรรม
สิ่งที่ทนายความมีความเห็นก็ตามข้อกฎหมายข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ไม่ได้ปั้นเสริมเติมแต่งแต่อย่างใด อยากให้สังคมได้ตระหนักว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับประเทศได้อย่างไร รุมทำร้ายนักเรียนในชุดนักเรียน ซึ่งยังเป็นเยาวชน
ถ้าคิดกลับกันว่าถ้าน้องเป็นลูกเราหลานเราถูกกระทำอย่างนี้ ใจเราจะเป็นยังไง อยากให้สังคมไทยหยิบยกเหตุการณ์นี้มาพิจารณาดูนะครับว่าเราควรต้องทำอย่างไร”
05 มกราคม 2562
ผู้ชม 3731 ครั้ง