สื่อตีข่าว "สถานทูตอิสราเอล" เตือนเดินทางเที่ยวไทย ห้ามใช้บุหรี่ไฟฟ้า
สื่อตีข่าว "สถานทูตอิสราเอล" เตือนเดินทางเที่ยวไทย ห้ามใช้บุหรี่ไฟฟ้า
MED HUB NEWS - หากไทยเราขาดรายได้จากการท่องเที่ยว ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจแย่แบบนี้ รับรองได้ว่า “หายนะ” โดยเฉพาะภาคเอกชน แต่ที่สบายคือ “ข้าราชการประจำ” ที่ไม่ค่อยมีแรงกดดันมากนัก
เรามาดู เป้าหมาย “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย”ที่หวังไว้ว่า จะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวปี 2561 จากตลาดต่างประเทศ 2.1 ล้านล้านบาท เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตขึ้นมาก
แล้ว นโยบายของ ททท.คือ การเพิ่มนักท่องเที่ยวหน้าใหม่ ( เฟิรสต์ วิสิตเตอร์ ) มาเที่ยวในเมืองรองของไทย เช่น ประเทศจีน อินเดีย อิสราเอล พวกนี้มีเที่ยวบินเช่าเหมาลำ ( ชาร์เตอร์ไฟลต์ ) มาเที่ยว และ ใช้บริการมากขึ้น
medhubnews.com เว็บไซต์สุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยว วาไรตี้ และ เพจ sasook รายงานว่า ตลาดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ เมดิคอล แอนด์ เวลเนส กลุ่มนักท่องเที่ยว จีน อิสราเอล มีการขยายตัวมาก และอีกตลาด คือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และกีฬา เช่นกอล์ฟ มวยไทย ปั่นจักรยาน วิ่งมาราธอน เป็นต้น
ขณะที่ ประเทศกำหนดนโยบาย เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทางเลือกเพื่อสุขภาพในการรณรงค์เลิกสูบบุหรี่ มีหนังสือพิมพ์ชื่อดัง ภาคภาษาอังกฤษ The Jerusalem Post ได้พาดหัวข่าวว่า "BEWARE: NO E-CIGARETTES IN THAILAND"
ประเทศเหล่านี้ รัฐสนับสนุนให้ผู้สูบบุหรี่แบบมวน หันมาสูบบุหรี่ฟ้า ที่มีผลเสียต่อสุขภาพดีกว่าเดิม หรือ เสี่ยงต่อสุขภาพน้อยลง หรือ อาจจะไม่ก่อให้เกิดโรคเลยในบางผลงานวิจัย ก็คือกลุ่มนักท่องเที่ยวหน้าใหม่ของไทย
โดยทาง ททท.โปรโมทให้มาเที่ยวเมืองรอง เอาเงินมามาใช้จ่ายเยอะๆ ค่าที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร สินค้า บริการต่างๆ เงินก็จะสะพัด เศรษฐกิจก็ดีขึ้นกว่าทุกวันนี้
ล่าสุด นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่าย ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “ลาขาดควันยาสูบ End Cigarette Smoke Thailand ( ECST )” และเฟสบุ๊คเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ระบุว่า สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ออกคำเตือนต่อพลเมืองของอิสราเอลแล้ว
“บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้า และจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2557 และเตือนนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ห้ามใช้บุหรี่ไฟฟ้า
หลังจากที่นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลสองคนถูกตำรวจจับกุม เนื่องจากการครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า และต้องเสียค่าปรับเป็นเงิน 1,200 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท”
หากนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว รัฐบาลอังกฤษ จีน และอีกหลายประเทศได้ออกคำเตือนนักท่องเที่ยวของตัวเองที่เดินทางเข้ามาในไทยพร้อมบุหรี่ไฟฟ้าว่าอาจถูกปรับหนักหรือติดคุกถึง 10 ปี เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวถูกจับกุมเรียกค่าปรับหลายราย
ซึ่งจีนเป็นประเทศที่ส่งออกนักท่องเที่ยวมาบ้านเราเยอะที่สุด ปีละกว่า 9.5 ล้านคน และนักท่องเที่ยวอังกฤษอีกปีละเกือบ 1 ล้านคน
ส่วนชาวอิสราเอลกว่า 1.6 แสนคน หรือร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศก็นิยมเดินทางมาเที่ยวประเทศเรา รายได้จากการท่องเที่ยวเข้าประเทศโดยรวมกว่า 1.197 ล้านล้านบาทเมื่อปีที่ผ่านมา
แต่ปัญหาการแบนบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยเรา สร้างความ ความไม่มั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว และอาจส่งผลกระทบในทางลบต่อภาพลักษณ์ของประเทศและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้”
ขณะที่ นายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทนเครือข่ายฯ ระบุเช่นกันว่า “บุหรี่ไฟฟ้าได้รับการยืนยันโดยผลวิจัยจากหลายหน่วยงานในต่างประเทศว่ามีความปลอดภัยกว่าเมื่อเทียบกับบุหรี่มวน
ผู้สูบบุหรี่ที่อยากลดอันตรายให้กับตัวเองและคนรอบข้างจึงเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า และหลายประเทศ เช่น อังกฤษ อเมริกา สหภาพยุโรป ก็อนุญาตให้ใช้ได้อย่างถูกกฎหมาย
แต่ประเทศไทยกลับแบนบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเท่ากับบีบบังคับให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางมาประเทศไทยต้องกลับไปสูบบุหรี่มวนซึ่งสินค้าที่อันตรายกว่าเท่านั้น และเป็นการสนับสนุนให้คนยังสูบบุหรี่ต่อไป”
ขณะที่ ท่าทีของไทยยังคงเดินหน้า แบนบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงอยากให้มีการออกกฎหมายขึ้นมาควบคุมจริงๆ จังๆ
27 พฤศจิกายน 2565
ผู้ชม 21703 ครั้ง