ผลวิจัยชี้ชัด “ผู้ป่วยจิตเวช” ทำจิตบำบัด ปรับ "ความคิดลบ" คู่กับการรักษาด้วยยาได้ผลดี
ผลวิจัยชี้ชัด “ผู้ป่วยจิตเวช” ทำจิตบำบัด ปรับ "ความคิดลบ" คู่กับการรักษาด้วยยาได้ผลดี
สถานการณ์ขณะนี้เราพบว่ามีจำนวนผู้ป่วยจิตเวชและผู้มีปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มมากขึ้น ปรากฎออกมาเป็นปัญหาสังคม เช่น ความรุนแรงต่อเด็กสตรี ครอบครัว คดีอาชญากรรม เป็นต้น
ส่วนใหญ่มาจาก พื้นฐานครอบครัว ปัญหาเศรษฐกิจ การใช้สารเสพติดและพันธุกรรม ในปี 2560 มีผู้ป่วยจิตเวชขึ้นทะเบียนรักษา 2.6 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 37 ของผู้ป่วยจิตเวชและผู้มีปัญหาสุขภาพจิต
กองบรรณาธิการ medhubnews.com เว็บไซต์สุขภาพ และ เพจ sasook รายงานว่า ผลสำรวจในปี 2556 คาดว่าจะมี 7 ล้านกว่าคนทั่วประเทศ ซึ่งกรมฯได้เร่งเพิ่มการเข้าถึงยาของผู้ป่วย ให้อสม.และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลออกเยี่ยมบ้านดูแลผู้ป่วยจิตเวชร่วมกับครอบครัว
พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจผู้ป่วยโรคจิตเวช ซึ่งจัดเป็นโรคเรื้อรังเหมือนโรคทางกาย รักษาหายขาดหรือควบคุมอาการให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ อยู่ร่วมกับครอบครัว ชุมชนได้เหมือนคนทั่วไป ส่งผลให้แนวโน้มการเข้าถึงของผู้ป่วยดีขึ้นเรื่อยๆ โดยรวมจำนวนผู้ป่วยในปี 2560 เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ถึง 4 เท่าตัว
อย่างไรก็ตาม การรักษาผู้ป่วยจิตเวช เช่นโรคจิตเภท ( Schizophrenia) โรคซึมเศร้า (depression) โรควิตกกังวล ( Anxiety) หรือโรคจิตเวชจากการเสพสารเสพติดก็ตาม ไม่ได้หายจากยาอย่างเดียว บางคนต้องใช้การปรับพฤติกรรม ปรับความคิด เนื่องจากผู้ป่วยจิตเวชส่วนใหญ่ จะมีความคิดที่บิดเบือนบางประการ
เกิดอารมณ์ และพฤติกรรม ที่เป็นลบ เช่น ผู้ป่วยซึมเศร้า มักคิดว่า ตัวเองถูกตัดออกจากโลกภายนอก ถูกแยกออกจากครอบครัว มองทุกอย่างในแง่ลบ
ไม่สามารถควบคุมการกระทำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ จึงต้องใช้กระบวนการทางจิตวิทยา ปรับเปลี่ยนความคิดให้กลับคืนมาสู่สภาพความเป็นจริง
ในปีนี้กรมฯ มีนโยบายนำวิธีการทำจิตบำบัดแบบปรับเปลี่ยนความคิด หรือที่เรียกว่า ซีบีที ( Cognitive Behavior Therapy: CBT) มาใช้ดูแลผู้ป่วยควบคู่กับการใช้ยา เพิ่มประสิทธิภาพการรักษา จะทำให้ผู้ป่วยเข้าใจโรคหรือปัญหาที่เผชิญอยู่และใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข
ซึ่งผลวิจัยพบว่าเมื่อใช้จิตบำบัดควบคู่กับยา จะสามารถป้องกันการกลับมาป่วยซ้ำได้ผลดี เช่นใน ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า จะมีอัตราการป่วยซ้ำเพียงร้อยละ 28 ขณะที่การรักษาด้วยยาอย่างเดียวจะเป็นซ้ำร้อยละ 60 โดยเริ่มที่เขตสุขภาพที่ 8 เนื่องจากมีความพร้อม
ด้าน นางสาวจุฑามาศ วรรณศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพจิตที่ 8 กล่าวว่า ในเขตสุขภาพที่ 8 ซึ่งมี 7 จังหวัด ได้แก่อุดรธานี เลย นครพนม สกลนคร บึงกาฬ หนองคาย และหนองบัวลำภู
คาดว่าจะมีผู้ป่วยจิตเวชประมาณ 2 แสนคน เช่นผู้ป่วยจิตเภท คาดว่ามีประมาณ 35,000 คน เข้าถึงบริการแล้วร้อยละ 65 มีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าประมาณ 72,000 คน เข้าถึงบริการร้อยละ 60 มีผู้ติดเหล้าประมาณ 76,000คน เข้าถึงบริการร้อยละ17 มีผู้พยายามฆ่าตัวตาย 395 คน
โดยในเขตสุขภาพที่ 8 มีโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชนรวม 88 แห่ง มีนักจิตวิทยาให้บริการ 22 แห่ง ขณะนี้ศูนย์สุขภาพจิตได้พัฒนาเป็นเครือข่ายวิชาชีพนักจิตวิทยา
มีบทบาทคือให้การบำบัดผู้ป่วยด้านจิตวิทยาและฟื้นฟูสภาพจิตใจ ตรวจวินิจฉัยทางจิตวิทยา ส่งเสริมสุขภาพจิตชุมชน ทำงานเชื่อมโยงกับนักจิตวิทยาสังกัดอื่นๆที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน เช่น ในโรงเรียน สถานพินิจ เรือนจำ เป็นต้น ให้การดูแลแก้ไขปัญหาในพื้นที่ร่วมกัน
สำหรับการอบรมหลักสูตรจิตบำบัดแบบปรับเปลี่ยนความคิดครั้งนี้ เป็นหลักสูตรระยะสั้น 5 วัน เน้นฝึกปฏิบัติจริงมีมาตรฐานเดียวกัน โดยนักจิตวิทยาจะให้การดูแลผู้ป่วยจิตเวชหลังจากที่พบแพทย์แล้วเพื่อปรับความคิด ช่วยให้ผู้ป่วยดูแลตัวเองได้ดีขึ้น และใช้ในการให้บริการปรึกษาแก่ประชาชนในเรื่องของการใช้ชีวิตประจำวันทั่วๆไปด้วย
medhubnews.com เว็บไซต์ข่าวสุขภาพ
"Health News Leader Thailand and Health Data Science"
02 มกราคม 2562
ผู้ชม 2207 ครั้ง