"อ.สุกิจ" ของขึ้น จ่อฟ้อง "ทนายตั้ม" ซัดปากพล่อย กล่าวหาเป็น "ทนายมาเฟีย" จวกใส่ "เสื้อยืดไม่ผิดกม." แต่เป็นทนาย ต้องมีศักดิ์ศรี
"อ.สุกิจ" ของขึ้น จ่อฟ้อง "ทนายตั้ม" ซัดปากพล่อย กล่าวหาเป็น "ทนายมาเฟีย" จวกใส่ "เสื้อยืดไม่ผิดกม." แต่เป็นทนาย ต้องมีศักดิ์ศรี
นอกจากนี้ กองบรรณาธิการ medhubnews.com เว็บไซต์สุขภาพของคนรุ่นใหม่ และ เพจ sasook รายงานว่า ขณะที่ทนายดังออกมาซัดแรงว่ามีกุนซือเป็นทนายมาเฟียอยู่เบื้องหลัง
ทาง รายการโหนกระแส ทางช่อง 28 ซึ่งเกาะติดประเด็นดังกล่าวมาตลอด ได้สัมภาษณ์นายแผน พร้อม “คุณสุกิจ พูนศรีเกษม” อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายถึงเรื่องราวกระแสข่าวดังกล่าว
คุณไปร้องสภาทนายความทำไม?
แผน : “เขาเอาความจริงไปบิดเบือน ไปออกรายการหนึ่ง จนผมได้รับความเสียหาย ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เขาไม่เอาความจริงมาพูด แล้วผมได้รับความเสียหาย เช่นเรื่องที่ผมไปให้ร้ายนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ มันก็ไม่ตรงกับความจริง”
อยากให้เขาทำยังไง?
แผน : “อยากให้เขาช่วยเหลือ ควรดูหน้าที่เขาตรงนี้ อย่าก้าวก่าย”
อยากให้เขาถูกถอนใบอนุญาต?
แผน : “ไม่ๆ ผมไม่ทราบ อันนี้เป็นการดำเนินคดีของสภาทนายความ เจตนาแค่อยากให้เขาหยุดก้าวก่ายเพราะผมเดือดร้อนมาก”
จะไม่ให้เขาก้าวก่ายได้ยังไง ในเมื่อเขาเป็นทนายความฝั่งตรงข้าม?
แผน : “ถ้าฟ้องก็ฟ้องผมคนเดียว โดยไม่ต้องไปดึงคนอื่นมาด้วย อย่างคนที่ทำงาน ไม่น่าไปก้าวก่าย ไปดึงเขามา เพราะความจริงไม่ใช่อย่างนั้น ก็กดดัน จนผมต้องลาออก”
ลาออกหรือถูกไล่ออก?
แผน : “จริงๆ มันก็เหมือนกัน”
มันไม่เหมือนกันนะ ลาออกก็ลาออก ไล่ออกก็ไล่ออก?
แผน : “เราไม่อยากให้องค์กรเสื่อมเสียเพราะเรา ตอนนี้เลยตัดสินใจลาออกมาเลย”
ตกลงลาออก?
แผน : “ลาออก แต่เขาตีว่าไล่ออก”
อันนี้คือใบที่ทางคุณแผนไปร้องที่สภาทนายความ ในนี้ไม่มีการไปร้องเรื่องเสื้อผ้า?
แผน : “ครับ ไม่มี ไม่เกี่ยวกัน”
แล้วเรื่องเสื้อผ้ามาจากไหน?
สุกิจ : “จริงๆ แล้วการร้องเรียนสภาทนายความ เมื่อได้รับผลกระทบ ก็เป็นสิทธิ์ของเขาไปร้อง เรื่อเสื้อผ้า เมื่อคู่กรณีเขาไม่ได้ร้อง อาจเป็นกรณีที่คุณหนุ่มให้ผมดูก่อนเข้ารายการ คือเขาบอกว่าในกรณีที่ทนายความคนหนึ่งไปบอกรายการทางช่องหนึ่งว่าไปให้ร้ายตำรวจแล้วไปบ้านคุณลุงวันที่ 2 ซึ่งข้อมูลตัวนี้ ทางคุณแผนเคยให้การกับตำรวจภูธรภาคเจ็ด เขาย่อมรู้อยู่แก่ใจ การที่เขาเอามาพูดในลักษณะเดิมโดยประชาชนไม่รู้เรื่องอะไรเลย ก็เป็นการสร้างกระแส ส่วนเสื้อผ้าผมเป็นนักกฎหมาย เพื่อนๆ เป็นอัยการ ตุลาการเยอะ เขาก็เคยมีพูดถึงท่านนี้ ว่าจริงๆ แล้วควรรักศักดิ์ศรีการเป็นทนายความ ควรแต่งตัวให้เรียบร้อย จริงอยู่เป็นสัญลักษณ์ของเขา แต่ทนายความควรทำมั้ย แม้ไม่มีกฎหมายห้าม แต่ควรที่จะกระทำมั้ย”
แล้วมีกฎในสภาทนายความห้ามใส่เสื้อยืดออกทีวีแล้วบอกตัวเองเป็นทนายความ?
สุกิจ : “คุณฟังอุปนายกบอกมั้ย เขาบอกว่าศาลทำหนังสือมาบอกว่าทนายความท่านหนึ่ง ไม่รู้ท่านไหน ที่ใส่เสื้อยืด มันไม่สมควร ก็ให้ว่ากล่าวตักเตือน แต่ทางสภาทนายความยังไม่มีใครไปร้อง”
ขอความชัดเจน คือการใส่เสือยืด แล้วมานั่งออกรายการ มันไม่เหมาะเหรอ?
สุกิจ : “คือการทำงานของทนายความต้องให้สมศักดิ์ศรีไม่ใช่คุณจะใส่เสื้อม่อฮ่อม หรือใส่เสื้อยืด สวมหมวก สวมแว่นตาดำ น่าเกลียดเลย สำหรับทนายความนะ มันก็มีศักดิ์ศรี เกียรติยศชื่อเสียงทนายความมันต้องมี แม้ไม่มีกฎหมายห้ามไม่ให้เขาทำ แต่พฤติการณ์เขามีข้อบังคับของทนายความ ข้อ 18 ซึ่งระบุไว้ชัดเลย ทนายความต้องมีศักดิ์ศรีของตัวเอง”
การใส่เสื้อยืดไม่มีศักดิ์ศรีเหรอ?
สุกิจ : “จริงอยู่มันมีศักดิ์ศรี แต่เอาอย่างนี้ดีกว่า ทนายความไปยืนอยู่ข้างถนน แล้วให้คนมากราบหน้าศาล คุณคิดดูว่าสมควรมั้ย ศาลเองไม่เคยทำแบบนี้ คุณจะสร้างภาพหรือทำอะไร เขาไม่ว่าแต่ให้มันสมควร”
ทนายตั้มบอกว่าใส่เสือยืดแต่ช่วยเหลือประชาชนด้วยใจบริสุทธิ์ เทียบคนใส่สูทนั่งห้องแอร์ แต่คิดร้าย มันก็ต่างกันนะ?
สุกิจ : “อันนี้คือคำพูดของเขา แต่จริงๆ ไม่ใช่ มันไม่ได้วัดกันที่เสื้อผ้า ว่าใส่เสื้อผ้า ใส่คอกลมแล้วต้องจิตใจดี ผมเป็นทนายความเขายังเป็นวุ้นอยู่เลย ศักดิ์ศรีของทนายความต้องมี แล้วคุณไปใส่โลโก้ ไปโฆษณา มันมีกฎหมายหลายตัวที่จะเล่นงานเขา แต่ผมไม่พูดนะ มีหลายอย่างที่จะเล่นงานเขาได้”
แล้วทำไมถึงมีเรื่องเสื้อออกมา?
สุกิจ : “ก็สร้างกระแสไง เพราะหนึ่งสภาทนายความเขาพูดดีๆ ทางอุปนายก เขาก็บอกว่าทนายความต้องแต่งตัวให้เรียบร้อยเขาไม่ได้ว่าใครเลย มีเบอร์โทรศัพท์ที่เพจเขาก็โทร.ไปด่าไปอะไรเยอะแยะ จริงๆ แล้วถ้าเราไม่มีองค์กรสภาทนายความมาควบคุมเรา ลำบากนะทนายความ ไม่รู้จะไปต่อสู้ยังไง หนึ่งทนายความต้องไปรองรับอารมณ์ศาล รองรับอารมณ์ลูกความรองรับอารมณ์กระแสสังคมมันก็ปวดหัวแล้ว แล้วต้องมีปัญหาแบบนี้มาให้สภาทนายความต้องแก้ไข เขาก็มองว่ามันไม่มีศักดิ์ศรีของการเป็นทนายความ อันนี้เป็นความเห็นของผม”
มีใครอยู่เบื้องหลังคุณแผน คนไม่เชื่อว่าคุณจะมีพาวเวอร์ มีแรงผลักดันในตัวเองที่จะเดินทางไปตรงนั้นได้ ต้องมีคนอยู่เบื้องหลัง?
แผน : “ไม่มีครับ”
มีกุนซือหรือเปล่า?
แผน : “ไม่มีครับ”
อยู่ข้างๆ หรือเปล่า?
สุกิจ : “คุณหนุ่มครับ ตัวเขาเองไม่มีทนายมาตั้งแต่ต้น”
อาจารย์หาให้เขาหรือเปล่า?
สุกิจ : “ผมไม่มีเวลาหาให้เขาจริงๆ ถ้าผมจะหา ผมจะหาทนายสงกานต์ เพราะท่านมือหนึ่ง แต่ตัวผมเองผมเข้ามา ผมก็เป็นสื่อคนหนึงทำรายการกฎหมาย แล้วเขาจะมาจ้างผม ผมจะทำผมก็ไม่ปกปิดก็ได้ เพราะไม่มีใครมาห้ามผม ผมจะเป็นกุนซือแล้วทำไม แต่นี่ผมไม่ได้เป็นนะ ถ้าผมจะเป็นกุนซือแล้วทำไม หนักกบาลใครเหรอ แต่ผมไม่ได้เป็น ผมเองเมื่อเขามีทนายความ ผมมีมารยาทพอ”
คุณแผนไปแจ้งความสื่อ?
แผน : “แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ดำเนินรายการและผู้ร่วมรายการ เพราะทำให้ผมเสียหาย”
คุณมีอะไรเสียหายไปมากกว่านี้?
แผน : “มีครับ มันไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ประชาชนก็ด่าผมสิครับ มันมีหลายเรื่อง เกี่ยวกับเรื่องการทำงานของผมด้วย เรื่องข้อมูลเก่าที่บอกว่าไม่รู้จักลุงจรูญ”
สุกิจ : “ถามผมดีกว่า”
ไปด้วยเหรอถึงทราบ?
สุกิจ : “ผมตามข่าว”
ข่าวยังไม่ค่อยจะออกมาเลย?
สุกิจ : “ออกแล้วคุณหนุ่ม ผมเก็บข้อมูล แม้แต่เมื่อวานที่มีทนายมาออกรายการคุณผมก็เก็บข้อมูลหมด ผมจะไปแจ้งความ เขาไปออกสื่อ บอกมีทนายมาเฟีย บอก 5 พันก็ตายแล้ว แต่เมื่อวานมาบอกว่าสุกิจจะเป็นคนสุดท้าย เรื่องนี้คุณหนุ่มต้องให้ความเป็นธรรมกับผม เรียกผมว่าทนายมาเฟียไม่กลัวเหรอ ผมไม่ได้ไปกล่าวหาใคร การที่เขาไปออกสื่อ บอกว่าผมจ้างมือปืน 5 พันก็ตายแล้ว ไม่ต้องจ้างหรอกครับ ถ้าผมจะทำผมไม่ต้องจ้าง และถ้าผมจะทำ ผมไม่มาออกสื่อให้เขารู้หรอกครับ”
คุณจะไปแจ้งความอะไร?
สุกิจ : “เขาหมิ่นประมาทผม และผมจะไปร้องสภาทนายความด้วย ทำให้ผมเสื่อมเสียเกียรติเหมือนกัน ผมอายุขนาดนี้แล้วจะไปจ้างใครมายิงเขา ถ้าผมจะยิงเขาจริงๆ ผมไม่ต้องมาประกาศให้คนรู้ว่าจะยิงเขา คนประกาศให้คนรู้คือคนโง่ คุณต้องให้ความเป็นธรรมกับผม คุณถามผมนอกรอบว่าเป็นทนายมาเฟียหรือเปล่า ผมบอกว่าถ้าเป็นมาเฟียผมโดนยิงแล้ว เดี๋ยวนี้จ้าง 5 พัน ผมได้กล่าวหาใครหรือเปล่า”
แต่เขาไม่ได้บอกว่าอาจารย์พูดนี่?
สุกิจ : “แต่ผมเชื่อมโยงได้ เมื่อวานเขามาออกรายการคุณ พรุ่งนี้ผมจะไปแจ้งความและร้องทางสภาทนายความ ผมทำจริงๆ อย่ามารบกันผมเลย ผมไม่ได้ดูถูกนะ ไม่ได้เอ่ยชื่อแต่มีเชื่อมโยงแล้วกัน ผมไปแจ้งความแน่นอน แจ้งความเสร็จไปรองสภา คุณเป็นทนายความ คุณปากพล่อยไดยังไง ไปว่าเขา คุณไม่ได้เหนือขั้นกว่าใคร ผมบอกอย่างนี้”
ใจเย็นๆ?
สุกิจ : “ไม่เย็นแล้ว เที่ยวกล่าวหาเขาไปทั่ว อุปนายกออกมาเตือนก็ไปด่าเขา สภาทนายความเตือนก็ด่าเขา มันใช้ไม่ได้คนแบบนี้”
เมื่อวานคุณแผนแจ้งความอะไร?
สุกิจ : “คือผมอ่านข่าว ร้อยตำรวจเอกรุ่งโรจน์ว่าทางนี้มาแจ้งความ นิติบุคคล อัมรินทร์ทีวี มีนายพุทธอภิวรรณ ทนายดังคนหนึ่ง ว่าไปออกรายการให้เขาเสียหาย คุณพุทธเขาก็รู้อยู่แล้วว่าข้อความแบบนี้ออกแล้วคนเสียหาย เขาก็ยังให้ออก แล้วมาออกรายการทุบโต๊ะข่าวอีก มันไม่ใช่ ถ้าเราเป็นสื่อ ผมก็เป็นสื่อ เราต้องให้โอกาสเขาชี้แจง ไม่ใช่ให้เขาออกฝ่ายเดียว”
ถ้าเขาเชิญคุณ คุณก็ไปสิ?
สุกิจ : “ไม่มี แบบนี้ต้องเป็นกลาง เปิดโอกาสให้เขาชี้แจง เหมือนคุณหนุ่มไง ทนายดังมาออก ก็มีข้อสงสัย มีผลกระทบแล้ว ว่าเสื้อผ้าแค่นี้ทำไมคุณแผนต้องไปร้องด้วย มันไม่ใช่ต้องมีคนอยู่เบื้องหลัง แต่ให้ดูมาไม่มีข้อความไหนเลย อีกอย่างจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ เพราะตอนไปร้อง เขาก็รู้อยู่แล้ว ทางคุณแผนไม่เคยให้ร้ายตำรวจเลย คุณไปบอกว่าเขาให้ร้ายตำรวจ คุณจงใจให้ตำรวจมาดำเนินคดีกับเขาหรือเปล่า”
ก็เป็นการเข้าใจไปได้หรือเปล่า?
สุกิจ : “คุณยังคิดได้เลย คุณยังด่าสภาทนายความได้เลย สภาทนายความจะให้ผมเป็นพยาน ผมจะเป็นให้”
คุณแผน ตกลงคุณไปแจ้งความทนาย และพิธีกรท่านหนึ่ง ทำไมต้องไปแจ้ง?
สุกิจ : “เขาได้รีบความเสียหายก็ต้องไปแจ้งสิ”
ไม่สามารถคุยกันได้เหรอ เป็นเกมแล้วเอาตรงนี้มาบีบหรือเปล่า?
สุกิจ : “คุณต้องไปถามเขา แต่ผมเชื่อเหลือเกิน เขาขึ้นศาลตอบทนายให้ได้แล้วกัน ให้เขาเก่งจริงเหอะ ผมคิดว่าตอบทนายลุงแผนไม่ได้แล้วกัน ได้ขึ้นศาลแน่ๆ เรื่องนี้”
คุณแผน สรุปคุณเห็นลุงจรูญหยิบล็อตเตอรี่จริง?
แผน : “ไม่เห็นตอนก้มหยิบ แต่ได้ยินเสียงจริงๆ พูดว่าใครทำล็อตเตอรี่หล่น 5 ใบ ล็อตเตอรี่ยังไม่ออก ห่างกันไม่เกิน 2 เมตร”
แล้ว 20 เมตรมาจากไหน?
แผน : “มันเป็นความห่างจากจุดที่มีการซื้อขาย ไม่ใช่ผมเห็นในระยะ 20 ผมเห็นแค่ไม่เกิน 2 เมตร คำว่าตะโกนก็ไม่มี ผมอยู่ใกล้ๆ ผมก็หันไปมอง ผมจำเสียงพูดได้ แต่ผู้หญิงจำไม่ได้”
วันนั้นคุณบอกว่าเพิ่งมาจำได้ตอนมีคดี30 ล้านโผล่ขึ้นมา เลยจำได้ว่าเป็นคนนี้ แต่ทนายตั้มบอกว่าคุณเห็นลุงจรูญตั้งแต่วันที่คุณขับรถพาคนที่ธนาคารไปบ้านลุงจรูญ?
แผน : “ถ้าวันนั้นมีพนักงานที่ไปด้วยกันกล้ายืนยันว่าผมพูดว่าคนนี้คือคนที่เก็บหวย แล้วเขามาเป็นพยานให้หรือเปล่าผมไม่ทราบ ทุกคนไม่อยากยุ่ง ออกมาแล้วเป็นแบบนี้ ใครจะอยากมาเป็นพยาน ผมพูดจริง ผมรู้ตั้งแต่วันที่ขับรถไปนั่นแหละ ผมเห็นหน้าปุ๊บผมก็จำได้”
ทำไมไม่พูดวันนั้น?
แผน : “ไม่มีพนักงานคนไหนเข้ามายืนยัน”
แต่คุณพูดกับพนักงาน แต่เพื่อนไม่ออกมาพูด?
แผน : “ไม่มีใครอยากออกมาพูด เพราะออกมาแล้วมีปัญหาแบบผม”
ถามในฐานะนักกฎหมาย ลุงจรูญเคยไปชี้จุดหรือยัง?
สุกิจ : “ลุงจรูญเคยไปชี้จุด แต่ชี้ผิดจุดที่เขาซื้อ”
เขาบอกว่าจำหน้าแม่ค้าไม่ได้แต่จุดเขารู้?
สุกิจ : “จุดแรกทีชี้ก็ผิดแล้ว ตอนหลังโอนคดีมากองปราบถึงชี้จุดถูก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ถามว่าถ้าผมทำคดี คุณแผนสาระสำคัญมั้ย ไม่ใช่สาระสำคัญเลย เก็บหวยได้ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 อันนี้เพราะเขาไม่รู้ เก็บก็คือเก็บได้ แต่คุณจะมาเอาเป็นเอาตายกับเขา ผมยังไม่เข้าใจเลย คุณสร้างความดังได้ ว่าคุณเก่ง สืบสวนสอบสวนมาเก่ง”
หมายถึงใคร?
สุกิจ : “พูดถึงตำรวจไง ที่บอกว่าให้กลับคำ ไม่ใช่สาระสำคัญเลย สาระสำคัญคือเจ้าของหวย เขาเก็บหวยได้ เห็นลุงจรูญเก็บได้ ถามว่าเป็นหวยฉบับเดียวกับที่ถูก 30 ล้านหรือเปล่าก็ไม่ใช่ แล้วคุณจะไปเอาเป็นเอาตายอะไรกับเขา ไปออกหมายจับเขาเรื่องอะไร ถ้าคุณออกหมายจับเขา แล้วพยานที่เขาไปเล่าให้ฟัง มีที่ไหนจะมาให้การบ้าง ไม่มี ก็มาแล้วโดนจับ ท่านผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ท่านก็พูดเสมอถ้าเตือนแล้วกลับเนื้อกลับใจก็ว่ากัน ผมก็เก็บไว้หมด เพราะผมก็ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด ถ้าในลักษณะนี้ไม่ใช่พยานสำคัญ ไปออกหมายจับเขาทำไม ถามจริงๆ หวยที่เก็บได้เขาก็ไมยืนยันว่าเป็นรางวัลที่ 1”
เคยพูดมั้ยว่าเป็นรางวัลที่1มั้ย?
แผน : “ไม่เคยพูดเลย เพราะผมไม่รู้ว่าเลขอะไร”
สุกิจ : “แล้วมันสาระสำคัญที่ไหน แล้วไปเอาเป็นเอาตาย”
อีกใบหนึ่งคืออะไร?
สุกิจ : “ก็เป็นคำฟ้อง วันนี้เขาไปฟ้องท่านฐิติราชกับผู้การกองปราบ ผมดูเนื้อหา เขาฟ้องแล้ว เขาบอกว่าเขาทำไปตามคำแนะนำของท่านฐิติราชและผู้การกองปราบ ซึ่งท่านก็บออกมาบอกว่าวันนั้นท่านไม่ได้ไป ก็มาพิสูจน์กันว่าไปหรือไม่ได้ไป”
วันนั้นทางท่านฐิติราชมาบอกว่าไม่ได้เจอ จะบอกว่าแนะนำได้ยังไง?
แผน : “ผมยืนยันว่าเจอ”
สุกิจ : “ถ้าคุณหนุ่มไปพูดแบบนี้ เดี๋ยวมีการแจ้งความกันอีก ตอนนี้ไปอยู่ในศาลแล้วถ้ามีใครพูด ทนายความติดคุกได้นะ เอาไปชี้นำศาล คดีอาญาแท้ๆ”
ตัวคุณเองได้เดินทางไปศาลอาญา ฟ้องศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ?
สุกิจ : “ใช่”
เรื่องไปใหญ่ไปโตแล้วนะ?
สุกิจ : “ยกสุภาษิตเลย เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง ผมไม่ได้ว่าใครนะ มีสุนัขตัวหนึ่งคุณไปตีมันจนมุม มันไม่มีทางไป มันก็ต้องออกมากัดมาสู้ ถ้านายตำรวจใหญ่พลาดติดคุกเหมือนกัน ผู้บัญชาการสอบสวนกลางคนเดิมยังไม่ออกจากคุกเลย ทำอะไรเดี๋ยวนี้สังคมเขารู้ ประชาชนเขาเห็น”
ทำไมพูดแทนเขา?
สุกิจ : “ผมไม่ได้พูดแทน”
อยู่เบื้องหลังหรือเปล่า?
สุกิจ : “การที่คุณหนุ่มถามให้ทะเลาะกัน ผมก็ต้องแทรกมา เหมือนที่บอกว่าคุณไปตีหมาให้จนตรอก วันหนึ่งก็ต้องออกมากัด”
คุณแผน คิดยังไง ใครแนะนำ?
แผน : “ก็มีทีมทนายความแนะนำ”
สุกิจ : “ผมหรือเปล่า บอกไปเลย”
แผน : “ไม่ใช่ครับ”
สุกิจ : “ใครมากล่าวหาผมไม่ได้นะ ผมไม่ยอมนะถามก็ไม่ตอบแล้ว ถ้าจะใช่แล้วเป็นไร หนักหัวกบาลใคร ตอนนี้ไม่ใช่”
เรื่องเสื้อผ้า?
สุกิจ : “ออกมาสร้ากระแส เขาไม่ได้ร้องคุณจุดนั้นเลย แต่คุณเอากระแส ตอนที่อุปนายกออกมาตำหนิว่าทนายความ เขาก็ไม่ได้ว่าใคร เขาบอกว่าทนายความต้องแต่งตัวให้เรียบร้อย เขาว่าแค่นี้ คุณก็เอาเบอร์ท่านอุปนายกสภาทนายความไปลงในเพจ”
ใช่เหรอ?
สุกิจ : “คนอื่นลง เอาน่า ผมรู้ ไอ้ผี ไอ้ศาล ไอ้เผือก ผมฟ้องหมดแล้ว ไอดีมันโยงกันหมด”
ทำไมอาจารย์ดูเดือดกับเรื่องนี้?
สุกิจ : “ผมโดนด่าจนชินชาแล้ว ผมไม่กล้าลงเฟซบุ๊กเลยนะ ถ้าลงผมโดนด่า”
เขาถึงว่าคุณเป็นทนายมาเฟีย?
สุกิจ : “ไม่ใช่มาเฟีย สัญลักษณ์ผมเป็นแบบนี้ ผมไม่เคยแกล้งใคร แต่อย่ามาแขวะผม แขวะผม ผมเล่นไม่เลิก คุณไม่ต้องทำงาน คุณเล่นกับผม เดือนนึงคุณขึ้นศาลอย่างเดียว ผมไม่เคยไประรานใครนะครับ คุณกล่าวหาผมต่างๆ นานา วันจันทร์แจ้งความ คนเราปากพล่อยๆ”
วันนี้ยืนยันว่าถูกพาดพิง?
สุกิจ : “ล้านเปอร์เซ็นต์”
คุณแผน เรื่องนี้ไม่ลดราวาศอก?
แผน : “ต้องสู้ให้ถึงที่สุด ผมแพ้ไม่ได้ไม่สู้ก็ตายอย่างเดียว ผมเป็นคนธรรมดา ไปสู้กับคนใหญ่ๆ คนอาจไม่เชื่อ แต่ใช้ความจริงพิสูจน์กัน”
วันนี้ถูกด่าทั้งประเทศ?
สุกิจ : “ด่าไปก่อน เดี๋ยวตอนหลังเขารู้เองแหละ สักวันจะรู้เอง”
จะทำอะไรอีก?
สุกิจ : “เขาให้ข่าวมาเมื่อไหร่ ทางนี้คงไม่ยอม ตอนนี้เขาตั้งทีมแล้ว”
โกรธ?
สุกิจ : “โกรธสิครับ อยู่ดีๆ บอกว่าผมจะเอามือปืนไปยิงเขา คนอย่างผมไม่ต้องประกาศ เกิดเขาตายขึ้นมาจริงๆ ผมไม่เดือดร้อนเหรอ ผมต้องแจงความก่อน ไม่ออกชื่อก็โยงผม”
05 มกราคม 2562
ผู้ชม 870 ครั้ง