อ่านแล้วซึ้ง น้ำตาไหล จากใจ "คุณแม่อำไพ ยอดบุตร" ถึง "เปี๊ยก อโนเชาว์ ยอดบุตร" 6 ปีที่จากกัน วันนี้ ลูกชาย จะตาม คุณแม่ไปอยู่บนสวรรค์แล้ว

บทความ

อ่านแล้วซึ้ง น้ำตาไหล ! จากใจ "คุณแม่อำไพ ยอดบุตร" ถึง "อโนเชาว์ ยอดบุตร"

อ่านแล้วซึ้ง น้ำตาไหล ! จากใจ

"คุณแม่อำไพ ยอดบุตร" ถึง "อโนเชาว์ ยอดบุตร"

หลังจากสูญเสียคุณแม่ อำไพ ยอดบุตรไป เมื่อ 16 เม.ย 2555 "เปี๊ยก-อโนเชาว์ ยอดบุตร" ก็เสียชีวิตตามไปด้วยวัย 59 ปี หลังป่วยเป็นเจ้าชายนิทรามานานร่วม 35 ปี เตรียมทำพิธีสวดพระอภิธรรม ณ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน 

กองบรรณาธิการ medhubnews.com เว็บไซต์สุขภาพของคนรุ่นใหม่ และ เพจ sasook  รายงานว่า  ข่าวตามช่องต่างๆ นำเสนอกันไปมากมายแล้ว เรามาดูมุมที่ซาบซึ้งกันบ้าง 

ย้อนหลังไปเมื่อเกือบ 30  ปี พระเอกตุ๊กตาทอง อนาคตกำลังจะสดใส "เปี๊ยก-อโนเชาว์ ยอดบุตร" ต้องกลายเป็นพระเอกผู้อาภัพไปในชั่วพริบตา จากพระเอกที่โด่งดังสุดขีด ในยุคทองนางเอกค้างฟ้า เปิ้ล-จารุณี สุขสวัสดิ์

พลันที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขณะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง รักกันวันละนิด ที่เชียงใหม่ เมื่อปลายปี 2526 สมองเขาได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก จนกลายเป็น "เจ้าชายนิทรา"

จากวันนั้นถึงวันสุดท้ายของชีวิต...เขาอยู่แต่บนเตียง ร่างกายผ่ายผอมจนเหลือแต่กระดูก ไม่มีความรู้สึก ไม่รับรู้เรื่องราวใด ๆ ทั้งสิ้น

ทุกข์ทรมานเพียงใดก็ไม่สามารถจะบอกกล่าวกับใครได้ แต่ก็ยังมีอยู่อีกคนหนึ่งที่รับรู้ทุกข์นี้ร่วมกับเขาด้วยมาโดยตลอด อาจจะทุกข์มากกว่าเสียด้วยซ้ำ !!

คน ๆ นี้ก็คือคุณแม่ "อำไพ ยอดบุตร"  ตอนที่คุณแม่ยังมีชีวิต  เรื่องราว และข่าวคราวของ อโนเชาว์เริ่มเลือนหายไปจากสังคม

แต่ชีวิตที่หลงเหลืออย่างไม่สมบูรณ์ของลูกชาย ไม่เคยเลือนหายไปจากชีวิตของผู้เป็นแม่ ผู้ที่เฝ้าฟูมฟักเอาใจใส่ ทั้ง ๆ ที่แม้แต่เสียงที่เปล่งออกมาพูดคุยกับแม่ก็ไม่เคยมี

ไม่มีแม้กระทั่งรอยยิ้มที่เป็นกำลังใจให้แม่สู้ต่อไป แต่แม่คนนี้ก็ไม่หวั่นไหว ยังคงยืนหยัดต่อสู้กับโลกแห่งความจริงที่โหดร้ายต่อไปด้วยความเชื่อมั่น สักวัน..ต้องมีปาฏิหาริย์ !?! "แม่จำได้ดีไม่มีวันลืมว่า เมื่อคืนวันที่ 30 ตุลาคม 2526

คุณแม่ "อำไพ ยอดบุตร" บอกไว้ในนั้นว่า เด็กที่กองถ่ายภาพยนตร์โทรศัพท์มาบอกแม่ที่บ้านว่า เปี๊ยกประสบอุบัติเหตุรถคว่ำที่เชียงใหม่ ต้องเข้าห้องผ่าตัดด่วน เพราะศีรษะด้านซ้ายแตก ซึ่งตอนแรกที่รู้ใหม่ ๆ แม่ก็ไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่ก็เป็นห่วงลูกเดินกระวนกระวายไม่ได้นอนทั้งคืน พอเช้าปั๊บก็รีบจับเครื่องบินไปลงที่เชียงใหม่ทันที พอไปถึงโรงพยาบาลลานนา ลูกออกจากห้องไอซียูแล้ว

พอเห็นสภาพของลูกแม่ช็อกเลย ยืนตัวเย็นแข็งนิ่งพูดไม่ออก น้ำตาแม่ไหลตลอด รู้สึกเหมือนมีอะไรหนัก ๆ อยู่ที่ในอก ใจแม่ในตอนนั้นแทบสลาย สงสารลูกมาก หมอเขาใส่อะไรไม่รู้ระโยงระยางไปหมด รู้สึกมันวูบไปเลย" ...คุณแม่อำไพเล่าย้อนความหลังเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดกับลูกชาย

อโนเชาว์ถูกย้ายมารักษาตัวและผ่าตัดที่กรุงเทพฯ ในหลายโรงพยาบาล ทั้งที่โรงพยาบาลเปาโล ภูมิพล ที่สุดแพทย์ก็ให้นำตัวกลับมาพักฟื้นที่บ้าน เพราะอาการอย่างอื่นไม่มีอะไรแล้ว เพียงแต่ต้องรอให้สมองฟื้น

ช่วงนั้น คุณแม่อำไพ บอกว่า แรก ๆ เลยก็มีความรู้สึกว่าลูกต้องหายแน่ ๆ เพราะที่บ้านมีทั้งความรักและความอบอุ่นเต็มไปหมด การเอาใจใส่ดูแลใกล้ชิด ปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอสม่ำเสมอ การรักษาพยาบาล การทำกายภาพ บำบัด ให้ยา อาหาร และอาหารเสริม สำคัญคือเรื่องกำลังใจ ทุกคนในบ้านมีความหวังมาก ๆ ว่าต้องหายแน่

ก่อนที่คุณแม่อำไพจะเสียชีวิต เธอบอกว่า วิถีชีวิตในครอบครัวที่ต้องเปลี่ยนไปโดยปริยายเพราะต้องดูแลลูกชายว่า จำเป็นต้องมีผู้ช่วยเพราะลูกตัวหนักมาก แม่ทำคนเดียวไม่ไหว อย่างเวลาลูกนอนอยู่บนเตียงเราต้องคอยพลิกตัวเขาอยู่เรื่อย ๆ ปล่อยให้นอนเฉย ๆ ไม่ได้เพราะจะเป็น โรคกดทับ และเวลาขับถ่ายเขาไม่รู้สึกตัว เราต้องช่วยเหลือเขาทุกอย่าง เวลาหิวหรือเจ็บปวดตรงไหนเราก็ไม่รู้ เพราะเขาจะไม่แสดงอาการ

"ความเป็นอยู่ประจำวันบนเตียงของลูกเปี๊ยกคือ แม่กับเด็กผู้ช่วยจะตื่นตอนตี 5 นำเขามาทำกายภาพบำบัด วันไหนมีเสมหะก็ต้องดูดออกก่อน เช็ดเนื้อเช็ดตัว และป้อนอาหารเหลวทางสายยางวันละ 5 เวลา ประกอบด้วย ไข่ไก่วันละ 7 ฟอง ปลา หมู ไก่ ผักก็มีฟักทอง มะเขือเทศ แครอท และผักใบเขียวต่าง ๆ นอกนั้นก็มีตับไก่ต้มจนเปื่อย บดแล้วกรองก่อนกรอกทางสายยางผ่านทางช่องจมูกสู่หลอด อาหาร ผลไม้ก็มีมะละกอ กล้วย มีน้ำส้ม โอวัลติน และมีอาหารเสริมทางการแพทย์เป็นกระป๋องอีก 3 เวลา

หมอบอกว่าจะช่วยทำให้แข็งแรงขึ้น และคอยให้ยาตามที่หมอสั่ง พลิกตัวทุกครึ่งชั่วโมง วันเสาร์-อาทิตย์จะพิเศษหน่อยคือ เช้าขึ้นมาต้องจับตัวเขาใส่รถ ต้องคอยจับศีรษะเนื่องจากคอตั้งไม่อยู่ เอาออกไปสระผม ผมยาวก็ตัด อาบน้ำด้วยน้ำอุ่น"

หากถามถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาพยาบาลอโนเชาว์  รายจ่ายเยอะ อย่างเวลาเขาไม่สบายต้องเรียกรถพยาบาลมารับตัวที่บ้านครั้งละ 500 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายเฉลี่ยวันละ 200-300 กว่าบาท ทั้งค่ายาและค่าอาหาร เดือนหนึ่ง ๆ ตก 10,000 กว่าบาท นี่ยังไม่รวมเวลาไปหาหมอในแต่ละครั้ง

"อโนเชาว์ ก็ไม่มีเงินเก็บค่ะ เพราะเขาเพิ่งเล่นหนังได้ไม่นาน และสมัยก่อนเรื่องหนึ่งก็ได้เงินมานิดหนึ่ง ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้ แต่ก็มีพี่ ๆ เขาช่วยกัน แม่มีลูก 8 คน ชาย 5 หญิง 3 เปี๊ยกเป็นลูกชายคนสุดท้อง ใครมีเท่าไรก็ช่วยกันตามที่มี แม่ดีใจที่พี่น้องรักกัน ไม่ทอดทิ้งกัน ไม่มีลูกคนไหนบ่นหรือพูดจาทำให้พ่อแม่ช้ำใจ"

คำพูดที่ซาบซึ้ง คือ แม้เขาจะไปแสดงหนัง หรือ ทำงานอย่างอื่นไม่ได้ก็ช่างเถอะ..ขอให้เขาเรียกแม่ได้ ลุกขึ้นได้ เดินเหินได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ก็พอแล้ว  ยอมรับว่าแม่สิ้นหวัง"

แต่ถึงจะสิ้นหวังก็ยังไม่สิ้นกำลังใจ... ความรู้สึกแม้ไม่หวัง เพราะมันริบหรี่เต็มที แต่ลูกเรา..เราก็รัก ไม่อยากให้เขาเป็นอะไร ถึงจะไม่มีความหวังเราก็จะดูแลของเราอย่างดีที่สุด บางครั้งเคยคิดสลดใจ มองกลับกันว่า เอ๊ะ ! ชีวิตคนเราก็แปลกดีนะ อายุเราก็ปูนนี้แล้ว ลูกน่าจะเป็นผู้ดูแลเรายามแก่เฒ่า กลายเป็นว่าเราต้องคอยดูแลเขาเหมือนเด็กอ่อน

ก็ยังมีกังวลอยู่ว่าถ้าแม่ไม่อยู่แล้วใครจะมาดูแลเขาแทนแม่ แม่เป็นห่วงเรื่องนี้มาก เพราะพี่ ๆ ทุกคนเขาทำงาน มีหน้าที่ เขามีครอบครัวมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ ก็คงไม่เหมือนแม่ ภาวนาอยู่เสมอว่า ถ้าเป็นอะไรไปขอให้เป็นไปพร้อม ๆ กัน หรือให้เขาตายก่อนแม่ดีกว่า กลัวเขาจะลำบาก ใครจะมานั่งดูแลให้

"แม่คิดว่าความรู้สึกของคนที่เป็นพ่อแม่ทุกคนคงไม่ต่างกัน หวังฝากผีฝากไข้ให้ลูกเลี้ยงดูแม่ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียวได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ กลายเป็นแม่จะต้องเลี้ยงดูลูก แต่เราก็ปลงได้นะคะ

ก็นึกในทางที่เป็นกำลังใจให้ตัวเองว่า เวลาอ่านข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือดูข่าวจากโทรทัศน์ คนอื่นก็เป็นเหมือนเราแหละ ทำให้ปลงได้...เรื่องแบบนี้ทุกคนก็ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ คนเรามันฝืนดวงชะตาไม่ได้ เบื้องบนเขากำหนดไว้อย่างไรก็ต้องไปตามนั้น..."

เรียกได้ว่า "คุณแม่อำไพ ยอดบุตร" เป็น คุณแม่ผู้ที่หัวใจมิเคยหลอมละลายพ่ายแพ้ต่อชะตากรรม คุณแม่ผู้มีหัวใจแข็งแกร่งดุจเพชร วันนี้ลูกชายจะตามคุณแม่ไปอยู่บนสวรรค์แล้ว อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ขอแสดง ความอาลัยอย่างสุดซึ้ง 

"คุณแม่อำไพ ยอดบุตร" 16 เมษายน 2555  

"เปี๊ยก-อโนเชาว์ ยอดบุตร" 21 มีนาคม 2561 

เชื่อว่า หลายๆ ท่าน อ่านแล้วไม่ได้คิดถึงเพียงแค่คนใดคนหนึ่ง แต่หากมองในแง่ธรรมะ ชีวิตเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นธรรมดา ดังนั้นควรคิดถึงตัวเราเองด้วย

อย่าใช้ชีวิตด้วยความประมาท เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียว ก็สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ทั้งชีวิต ดารารุ่นใหม่ๆ ควรอ่านด้วยค่ะ  

สำนักข่าว เมดฮับ นิวส์ medhubnews.com

Thailand Health and Wellness News   ( ไทยแลนด์ เฮลท์ แอนด์ เวลเนสนิวส์ ) 

เว็บไซต์ข่าวสุขภาพ 

"Health News Leader Thailand and Health Data Science" 

https://www.facebook.com/Dr.sasook 

เครดิตจากทีมงาน "วิถีชีวิต" 

ภาพจาก พันทิป 

16 มีนาคม 2562

ผู้ชม 5742 ครั้ง

Engine by shopup.com