สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ ( NEA ) เผยปี 2559 – 2560 มีกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพไทย ยืนได้ดีขึ้นกว่า 80 %  พร้อมเผย 6 กลุ่มสตาร์ทอัพ โอกาสเติบโตสูง เว็บไซต์สุขภาพ medhubnews.com ThailandThailand Medical Hub News อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

บทความ

ธุรกิจ "สตาร์ทอัพไทย" เติบโตต่อเนื่อง ! จับตา 6 กลุ่ม สตาร์ทอัพ NEA หนุนผู้ประกอบการ

กองบรรณาธิการ medhubnews.com เว็บไซต์สุขภาพของคนรุ่นใหม่ และ เพจ sasook  รายงานว่า  สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ ( NEA )

เผยปี 2559 – 2560  ที่ผ่านมา มีกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพไทย ที่สามารถประกอบธุรกิจได้จริงแล้วกว่า 1,500 ราย หรือเพิ่มขึ้นกว่า 80 %  จากปีก่อน  และมีมูลค่าทรัพย์สินในตลาดรวมกว่า 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 53,000 ล้านบาท

พร้อมเผย 6 กลุ่มสตาร์ทอัพ ที่มีโอกาสเติบโตสูงในปี 2561 ได้แก่  สตาร์ทอัพ ด้าน E-Commerce ซึ่งในปีที่ผ่านมามีมูลค่าสูงถึง 2.81 ล้านล้าน บาท เติบโตขึ้นจากปี 2559 ถึง 9.86 % ตามด้วยสตาร์ทอัพด้าน FinTech  สตาร์ทอัพด้าน AgriTech สตาร์ทอัพด้าน EdTech สตาร์ทอัพด้าน E-Service และ สตาร์ทอัพ ด้าน Internet of Things : IoT

อย่างไรก็ตามจากการเติบโตขึ้น NEA จึงได้เดินหน้าพัฒนากว่า 150 กิจกรรม ภายใต้ 5 หลักสูตร เพื่อสนับสนุนทั้งผู้ประกอบการและ กลุ่มสตาร์ทอัพให้เติบโตได้ในยุคดิจิทัล

อาทิ หลักสูตร New Economy Amplifier หลักสูตร New Economy Foundation ซึ่งได้ตั้งเป้าผลักดันให้ผู้ประกอบการ และผู้มีความต้องการดำเนินธุรกิจใหม่เข้าร่วมกิจกรรมให้ได้มากกว่า 100,000 ราย

สำหรับผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โทรศัพท์ 02 507 7999 หรือ www.nea.ditp.go.th , facebook.com/nea.ditp

นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในปี 2561 กระทรวงพาณิชย์ได้ผลักดันให้มาตรการการส่งเสริมกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพ และกลุ่มธุรกิจเริ่มต้น เป็นเรื่องที่สำคัญเรื่องหนึ่ง

เนื่องจากการเกิดขึ้นของกลุ่มดังกล่าวเป็นทั้งฐานของการจ้างงาน การเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ  และเป็นโอกาสในการเข้าถึงช่องทางตลาดใหม่ๆในโลกธุรกิจและผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป

โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนา อันประกอบไปด้วย ยุทธศาสตร์ 5 ด้าน ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1: การสร้างขีดความสามารถให้ผู้ประกอบการและวิสาหกิจ สู่การเป็น Trading Nation    ยุทธศาสตร์ที่ 2: การใช้อาเซียนเป็นฐานไปสู่เวทีโลก ( ASEANOne )

ยุทธศาสตร์ที่ 3: การส่งเสริมธุรกิจให้เข้าสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์มูลค่า ( Value Creation Economy ) ยุทธศาสตร์ที่ 4: ส่งเสริมธุรกิจบริการที่สอดคล้องกับ  Global New Demand  ยุทธศาสตร์ที่ 5: การส่งเสริมและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ( New Trade Infrastructure )  

โดยทั้ง 5 ยุทธศาสตร์ดังกล่าวคาดว่าจะสามารถ แก้ปัญหาที่สำคัญ อาทิ  ปัญหาบุคคลากรด้านความคิดสร้างสรรค์  รวมทั้งทักษะในการสร้างธุรกิจใหม่ที่มีนวัตกรรมที่กำลังเป็นปัญหาสำคัญของการพัฒนาสตาร์ทอัพในขณะนี้ 

สำนักข่าว เมดฮับ นิวส์ medhubnews.com

Thailand Health and Wellness News  

( ไทยแลนด์ เฮลท์ แอนด์ เวลเนสนิวส์ ) 

เว็บไซต์ข่าวสุขภาพ 

05 มกราคม 2562

ผู้ชม 1318 ครั้ง

Engine by shopup.com