"เขาจะเล่นผม" ย้อนอ่านคำพูด “สันธนะ ประยูรรัตน์” ออกรายการทีวีท้าทาย ก่อนถูกเช็คบิล หมายจับอื้อ ล้อมบ้าน สุดท้ายบอก "ขอฝากชีวิตของตัวเองไว้กับประชาชนด้วย"

บทความ

"เขาจะเล่นผม" ย้อนอ่านคำพูด “สันธนะ ประยูรรัตน์” ออกทีวีท้าทาย ก่อนถูกเช็คบิล

เรื่องราวที่โลกโซเชียลให้ความสนใจ กรณีหมายจับ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ข้อหากรรโชกทรัพย์ จำนวน 9 หมาย ซึ่งเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระ นอกจากนี้ยังออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีก 10 คน รวมจำนวน 45 หมายจับ ค้นคอนโด และ กำลังล้อมบ้านในขณะนี้ 

เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำ นายพสิษฐ์ ประยูรรัตน์ ลูกชายของ “พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์” ที่ปีนรั้วออกมาจากบ้านย่านรามอินทราเพื่อกลับหอพัก เตรียมไปเรียนวันรุ่งขึ้นที่ ม.มหิดล แต่ตำรวจเชิญตัวไป สน.โชคชัย : ภาพจากอมรินทร์ทีวี

โดยเป็นผลพวงจากการที่ตำรวจปฏิบัติการปูพรมตรวจค้นตลาดใหม่ดอนเมืองกรณีได้รับการร้องเรียน เป็นแหล่งขายเครื่องสำอางและอาหารเสริมไม่ได้มาตรฐาน มีการปฏิบัติการตรวจค้นต่อเนื่องยึดของกลางจำนวนมากไปตรวจสอบเพื่อแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง

ในขณะที่ฝ่ายตลาด มี “พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์” อดีตรอง ผกก.ตำรวจสันติบาล อ้างตัวเป็นที่ปรึกษาตลาดออกมาโวย จนเกิดการเปิดศึกฟาดปากไปถึงตร.ระดับบิ๊ก

เมดฮับ นิวส์ medhubnews.com รายงานว่า หากย้อนไปชมรายการโหนกระแสวันที่ 10 พ.ค. ทางช่อง 28 เจ้าตัวเปิดใจ ถึงที่มาที่ไปของเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างดุเดือด

ในประวัติท่านไปทะเลาะกับ ตร. ปมเปิดบ่อน ถูกแจ้งความ 10 ข้อหา ถูกลอบยิงถล่มรถ ลูกน้องเคราะห์ร้ายเสียชีวิตแทน ถูกลอบยิงเรื่องธุรกิจใต้ดินย่านเตาปูน อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ พาพวกข่มขู่คนตามชายแดน ไปร้องถึงตม. พาวีไอพีขับรถข้ามแดน ล่าสุดเรื่องตลาดใหม่ และมีปัญหากับบิ๊กตร.ท่านหนึ่ง นี่เป็นประวัตินายตำรวจจริงๆ เหรอ ?

“นี่ที่คุยมา คนนี้ใคร เขาชื่ออะไร ไปตามตัวมาเลย น่าคบนะ คนๆ นี้ (หัวเราะ)”

ประวัติตร.หรือประวัติโจร ?

“ผมรับราชการ ถ้าผมประกอบอาชีพตำรวจ ถ้าประวัติแบบนี้ต้องเรียกมาคุยเอาไว้ใช้งานเลย”

จริงมั้ย ?

“ก็รับไปก่อน อย่าไปรีบปฏิเสธ”

รอดตายหลายครั้ง ?

“ครับ ( หัวเราะ ) อาจไม่ค่อยแม่น มืออาจจะใหม่หน่อย ให้เขาไปฝึกมาใหม่ แล้วมาลองอีกที”

ท้าทายกันแบบนี้ ?

“ก็มาสิ (หัวเราะ)”

ท่านรู้สึกยังไง ประเด็นของท่านร้อนแรง กลบข่าวอื่นหมดเลย ?

“ที่เขาบอกว่าผมเป็นมาเฟีย เขาหาว่าเมื่อ 8 ปีก่อน ถ้าผมเป็นจริง ปล่อยผมไปเพ่นพ่านข้างนอก เขาปล่อยผมมาได้ยังไง”

ท่านอยู่มาหลายยุค ?

“ก็ยังเที่ยวสนุกสนาน เฮฮา  วันนี้ก็ยังคิดอยู่ว่าเราจะเกษียณการเที่ยวเมื่อไหร่ดี ก็คิดว่าจะหยุดพักเลิกเที่ยวเมื่อไหร่ดี แต่ตอนนี้เขาเริ่มมีการดำเนินการให้ผมหยุด”

ท่านออกมาแฉ ไม่รู้จริงหรือปลอม ?

“ไม่ใช่แฉสิ บางทีสังคมมีอะไรในเชิงลึก เป็นเรื่องที่ถึงเวลานี้ ต้องรู้ คนส่วนใหญ่ต้องรู้ ต้องทราบ สังคมต้องปรับเปลี่ยนไปเรื่อย แต่อันนี้พอพูดปั๊บ ทุกคนก็เอาตัวรอด พูดไปแบบนี้ก็เห็นแก่ตัว แต่ผมไม่มีอะไรที่รู้สึกว่าจะไม่รอด หรือทำแล้วเพื่อตัวเอง ผมก็พอเพียงในระดับหนึ่งแล้ว เอามาป้อนให้สังคมและคืนกลับไปให้เขา”

ในปี 2543 ทำไมออกจากตร.?

“เขาเชิญออก ถ้าอยู่ต่อไป ตร.ที่เหลือในองค์กร สองแสนสามแสนคนทำตัวแบบผม กรมตำรวจจะไม่มีใครทำงานแล้ว ก็เชิญออกดีกว่า (หัวเราะ) อันนี้เรื่องจริง เขาเชิญออกผมก็รีบออกเลย”

แต่เป็นคนที่กำความลับเยอะแยะมากมาย?

“ออกมาก็ไม่มีความกดดันอะไร เป็นตัวตนเรา ก็แฮปปี้มีความสุข พอเขาเชิญผมออก ผมก็ได้เริ่มต้นชีวิต ผมก็จัดปาร์ตี้เลย เรียกพรรคพวกเพื่อนฝูงมาฉลองเฮฮา ฉลองความเป็นตัวตน จะบอกโสดมั้ยก็ไม่ใช่ เพราะตอนนั้นก็โสดไม่ได้(หัวเราะ)”

หลังเชิญออก ตลอด 10 ปี ชื่อก็วนเวียนอยู่ในสารบบ วงการนักเลงหรือมีเรื่องหักโน่นหักนี่ ?

“เรื่องหักนี่ไม่มี ในภาษาทางเราที่คบค้ากัน ถ้าหักคือจบเลย ต้องเรียกว่าไม่ลงรอยกัน ถ้าหักคงอยู่ร่วมกันไม่ได้ในสังคม”

ประเด็นล่าสุด ท่านพูดเรื่องครีมกระปุกเดียว พาผบ.ตร. ไปตรวจค้นตลาดใหม่ดอนเมือง แล้วก็พาดมาถึงท่าน เกิดอะไรขึ้น ?

“ผมเห็นว่าประเด็นไม่ใช่แค่ตามที่เจ้าหน้าที่พูดอยู่ทุกวัน มันเยอะไปแล้ว มันพอได้แล้ว มันก็ไม่จบ มันได้ผลกันพอสมควรแล้ว การปัดกวาด เช็ดถู ความผิดในสังคมไม่ใช่จะสามารถทำได้ในวันเดียว แต่ผมไม่อยากไปกล่าวหา แต่เป้าหมายคือต้องการจะดำเนินการกับผมมากกว่า มันเป็นเรื่องบุคคลแล้ว พอมีเรื่องดำเนินการ ก็เริ่มมีชื่อผมออกมา และมีคำที่พูด เขาหาว่าเป็นมาเฟีย”

เรื่องจากครีมกระปุกเดียว เมจิกสกิน เขาไปตรวจตลาดใหม่ดอนเมือง ท่านเป็นที่ปรึกษาตลาดใหม่ดอนเมือง ?

“ก็เป็นนัยยะให้มีความหมายหน่อย ว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้ ให้เขาทราบกัน เท่านั้นเอง ดีนะยังมีการเชิญผมให้ตำแหน่งเป็นที่ปรึกษา ถ้าหากผมเดินไปเดินมา ป่านนี้เขาคงจัดการผมไปแล้ว แต่มันก็ให้ผมดูดีหน่อย มีตำแหน่งให้สมญานามมาเฟีย เกิดผมไม่มีตำแหน่งเดินไปเดินมา เขาก็หาว่าผมเป็นนักเลง ยิ่งตกชั้นเข้าไปอีก”

ตกลงท่านอยู่ตลาดใหม่ดอนเมืองทำหน้าที่อะไร ?

“มันเป็นเรื่องธุรกิจดีกว่า ธุรกิจในภาพรวม”

เป็นที่ปรึกษามั้ย ?

“มันก็ปรึกษาอยู่แล้ว เพราะเจ้าของตลาดกับผมคุ้นเคยกัน เขาเชิญมาในช่วงที่มีปัญหา ตลาดมีปัญหา 4-5 ปีช่วงหลัง”

มีเงินเดือนมั้ย ?

“ถ้าเชิญผม แล้วมีเงินตอบแทน มาเสนอ ผมไม่ไปหรอก”

ที่ไปเพราะอะไร ?

“เอาใจเชิญผม ผมไปให้ ตรงไหนผมก็ไป”

วันที่ท่านรองผบ.ตร. ลงพื้นที่ตลาดใหม่ดอนเมือง แล้วเห็นภาพท่านไปโวยวาย ท่านเป็นอะไร ?

“คือเป็นการพูดปกติ แค่เพิ่มวอลุ่มหน่อยเสียงเลยดังไปนิดนึง”

ท่านพูดว่าอย่าโดนตัวผม ถ้าโดนตัวผมแสดงว่าเป็นตร.ที่ใช้ไม่ได้ ไม่ให้เกียรติ ?

“วันนั้นทาโลชั่นไป เลยบอกอย่าโดนตัว (หัวเราะ) อย่างการปฏิบัติเราก็เคยเป็นตำรวจมา ผมก็อยู่คนเดียว ไม่ได้มีใครเลย ไม่เข้าใจว่าทำไมกลัวผมจะเหงาขนาดนี้ ให้ความอบอุ่นผมทั้งหน้าหลังรอบล้อมมากมายไปหมด”

ก่อนหน้านี้เราไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ?

“คนของผมก็จอดรถ มาถึงที่หมายผมก็จอดรถ แล้วก็เดินมา เพราะมีสื่อมวลชนหลายคนมา ก็คงจะคุยสอบถามผมมั้ง ผมเลยเดินไปหา ก็เท่านั้นเอง เพียงแต่ว่าระหว่างพูดคุย ผมก็สังเกตเห็นใครไปวุ่นวายอะไรกับรถยนต์ผม อันนั้นคือทรัพย์สินส่วนตัวผม ถูกต้องมั้ย ผมก็ชี้ว่าทำอะไร เขาก็บอกว่าจะปฏิบัติหน้าที่ จะตรวจค้นรถยนต์ของผม

อ้าว ก็ผมทำผิดอะไร วันนั้นการตรวจค้นก็ไม่เห็นมีสิ่งผิดกฎหมายอะไร เขาทำกับผมมากมายขนาดนี้ หมายความว่าไง แต่ในเชิงตำรวจ เพราะเราเคยเป็นอดีตตำรวจ ลักษณะนี้เนื่องจากว่าเขารุมล้อมเรามองไม่เห็น เปิดไม่ใช่ประตูเดียว เปิดหมดทุกประตู ประตูหลังก็เปิด

สิ่งผิดกฎหมายที่ว่าผมไม่มี แต่เดี๋ยวเขาจะแถมให้เข้าไป ผมก็ต้องระมัดระวัง ห้ามให้เขาหยุดก็ไม่หยุด ถึงแม้จะมีคนของผมอยู่แต่เขาอยู่คนเดียวไง แต่คุณล้อมประตูรถผม เห็นมั้ยมีกี่ประตู ตั้ง 5 ประตุ เอาตรงไหนไปมอง ไปดู ไปตรวจสอบหากมีอะไร รถผมมาสองคันพร้อมกัน”

จริงๆ แล้วท่านจะบอกว่าท่านแปลกใจ ในเมื่อตรวจร้านค้าแล้วทำไมต้องตรวจรถท่าน ?

“ก็ไม่รู้ความประสงค์ เขาไม่ได้แจ้ง ผมก็มาปกติ นี่ก็เป็นสถานที่เป็นตลาดที่ผมเป็นที่ปรึกษาอยู่ ถูกมั้ย”

วันนี้บานปลายแล้ว มีการสอบเหล่ามีค้าทั้งหลาย อาจพัวพันพาดพิงมาถึงท่านแล้ว ว่าท่านเก็บส่วย ?

“เพราะองค์ประกอบทางมาเฟีย แต่ในภาษากฎหมาย เขาเรียกอั้งยี่ ซ่องโจร มันต้องมีเรื่องผลประโยชน์รายได้ที่ไม่ถูกต้อง เขาก็พยายามหาให้ได้ ว่ามีมั้ยตรงไหน

แต่ทุกวันนี้ผมออกไปธุระหรือพบปะใคร ผมมีแต่ออกแล้วก็จ่ายๆ ผมไม่ได้ออกไปแล้วหิวโหยไปกระโดดเก็บคว้าตรงนั้นกินตรงนี้ ไม่มี บางคนอยากให้ออกเพราะคิดถึงผม ผมก็เข้าใจ เขาคงมีความเดือดร้อนด้วย เมื่อพบผมผมสามารถพูดคุย ช่วยแหลือกันในสังคม”

แล้วเงินที่ตลาดจ่าย ?

“ผมไม่เคยรับเงินบริษัท รายได้เขาก็เข้าบริษัท ส่วนที่มีการเก็บค่าส่วนกลางพวกนั้นเป็นเรื่องพนักงานตลาด เขาก็ไม่ได้อยู่ในออฟฟิศ เขาก็ดำเนินการ แล้วก็แบ่งสันปันส่วนกัน”

มีมาถึงท่านส่วนตัวมั้ย ?

“ผมเอามั้ยล่ะ ผมบอกว่าเวลาผมออกมาวันหนึ่ง ผมก็ออกซ้ายออกขวา เพราะผมนึกถึงทุกคน”

แล้วไปให้เขาทำไม ?

“ก็ความเดือดร้อนของคน ต้องเข้าใจในทุกสภาวะ หรือถ้าสภาพเศรษฐกิจดี น้องๆ เขาดูแลเราดี ผมก็แจกจ่าย”

ให้ใคร ?

“คนที่เขามาดูแลเรา มันเป็นน้ำใจ”

แล้วแม่ค้าล่ะ ?

“นี่ผมพูดในลักษณะของผม ว่าผมออกทุกวันนี้ ออกมาเพื่อพบปะพรรคพวกเพื่อนฝูงพี่น้อง ไม่ใช่ออกมาคุณมีเงินเท่าไหร่ เก็บตรงนั้น เอาตรงนี้ มันไม่ใช่ตัวผม ในสถานการณ์ตรงนี้เขากลับไปบอกว่าที่ผมออกไปเพื่อหาประโยชน์ ลองไปเที่ยวกับผมสักคืนจะรู้ ใครเคยเที่ยวกับผมจะทราบจะเข้าใจ”

เรื่องเที่ยวก็อาจไม่เกี่ยวกับธุรกิจสีเทา ?

“อย่าพูดเฉพาะแค่ตลาดใหม่ดอนเมืองดีกว่า ผมไม่ได้มีถิ่นพำนักอยู่แค่ตลาดใหม่นะ ผมไปทุกที่ ทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน หลายๆ สถานที่ ถ้าผมมีลักษณะเหมือนที่ตลาดใหม่ดอนเมือง วันๆ โทษเถอะ ต้องขออนุญาตกทม.มาใส่เงิน ถ้าผมเป็นคนนิสัยแบบนั้น เพราะผมไม่ได้มาตลาดใหม่ที่เดียว”

แล้วคำว่ามาเฟียมาจากไหน ?

“ถ้าผมเป็นมาเฟียแล้วไปแจกเงิน แบบนี้ความหมายคืออะไร”

เป็นโรบินฮู้ดเหรอ ?

“ก็ไม่เป็นไร”

เอาเงินคนนี้มาจ่ายคนนั้น ?

“ก็ไม่จำเป็น แต่ถ้าจะเอามาทางธุรกิจ ก็ผิดเหมือนกัน เพราะคนเราก็ต้องมีธุรกิจ แต่ผมมีธุรกิจที่ต่างประเทศ ไม่ได้หมายความว่าต้องไปรับส่วยเขามา ผมถือว่าผมไม่ได้ทำมาหากินในประเทศ ถ้าคนทำมาหากินในประเทศเขาต้องจ่ายภาษี สรรพากร ผมโชคดีมีกิจการอยู่ต่างประเทศ เมื่อผมกลับมาผมก็เอาส่วนต่างที่ผมไม่จำเป็น ผมกลับมาเพื่อจะแจก เพื่อจะคืน นี่คือการจ่ายภาษีสังคมของผม”

ยืนยันว่าไม่ได้เก็บส่วย ไม่ได้รับส่วย แล้วทำไมต้องเดือดถึงขนาดโทรหาท่านผบ.ตร.?

“ผมห่วงผู้ค้า คนที่เขามีรายได้น้อย ชีวิตวันต่อวัน มื้อต่อมื้อ มันลำบากนะ มันไม่ได้นะ”

กำลังจะบอกว่ารองผบ.ตร. ทำให้เขาค้าขายลำบาก ?

“ณ วันนี้เป็นยังไงล่ะ ณ วันนี้ตลาดเขาเป็นยังไง มีใครรับผิดชอบเขาบ้างมั้ย พอคุณจับปุ๊บ เสร็จภารกิจคุณประกาศ ผู้ค้าใครเข้ามาได้ มีลูกค้าประชาชนคนไหนเข้ามาในตลาดอีก เขาจะค้าขายได้ยังไง ผู้ค้าขายกันเองได้เหรอ”

เป็นสิ่งที่ในฐานะที่ปรึกษาเลยต้องออกหน้า ?

“ใช่สิ เพราะวันหนึ่งก็เสียหายมากแล้ว วันแรกผมไม่ได้ไปยุ่งนะ ไม่ได้ขัดขวางอะไรเขา เห็นเขาปฏิบัติหน้าที่ก็ให้เขารีบๆ ทำไป ให้เขาจัดการให้เสร็จ  วันที่มีเรื่องเป็นวันที่สอง รู้สึกจะติดใจ ไม่ยอมกลับ นี่ไม่ได้เป็นแฟนกันนะ มาจีบเราเสร็จติดใจไม่กลับ อยู่เลย กินอยู่หลับนอนกับเราเลย”

ทำไมท่านคิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการมาจับครีมอาหารเสริมแต่ชี้ชัดที่ท่านเลย ?

“ก็เขาพูดทิ้งไว้ไง มีอดีตนายตำรวจ เกี่ยวข้องคอยปกป้องคุ้มครอง หาประโยชน์จากสถานที่นี้ อ้าว  แล้วมันจะมีใคร”

เลยคิดว่าจะเล่นท่าน ?

“ไม่ต้องคิด ผมเชื่อเลย คนที่มาปฏิบัติก็มีปัญหาส่วนตัวกันอยู่ ส่วนในทางสังคมผลประโยชน์องค์กรนี้ เดี๋ยวๆ เราก็ไปขวางเขา เราทำให้เขาเสียหายอยู่เรื่อย เรื่องผลประโยชน์ใต้โต๊ะบัญชี หรือที่บอกว่าสีเทา ที่ผมไปเกี่ยวข้องสีเทาเขาเดือดร้อนนะ”

ท่านจะบอกว่าท่านไม่ใช่สีเทา แต่มีอีกกลุ่มสีเทา ?

“ก็พวกเขากับเจ้าหน้าที่ที่เขาเรียกรับผลประโยชน์”

แต่โยนมาให้ท่าน ?

“ก็เนื่องจากเขาเกรงว่าผมรู้ ว่ามีการให้กับเจ้าหน้าที่ เขาจะประกอบการไม่ได้ บางคนนะ ที่ไม่เคยคุ้นเคยกับผม ไม่เคยคบค้า ก็ระแวดระวัง เขากลัวเสียผลประโยชน์ ผมไม่ได้เอาประโยชน์จากเขา จะเสียได้ยังไง ไม่ได้ออกตัว”

ก่อนหน้านี้มีประเด็นข่าวออกมาว่าท่านมีปัญหากับนายตร.ชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ?

“ถ้าบอกว่าเป็นนายตำรวจแล้วชั้นผู้ใหญ่ ไม่ได้ใหญ่สำหรับผม เพราะผมไม่ได้คบคนที่ความยิ่งใหญ่ ในอดีตที่ผ่านมา ใหญ่ต้องใหญ่จากการยอมรับ ไม่ใช่ไปแสดงอำนาจบารมี หรือไปเบ่งให้เขาเห็นว่าตัวเองใหญ่ ไม่ใช่ความหมายของผม”

มีปัญหาอะไรกัน ?

“ผมไม่มีปัญหาหรอก แต่ผมคิดว่าเขาอยากมีปัญหากับผม ผมก็พร้อมนะ ผมไม่ได้เข้าไปมีปัญหา หรือไปสร้างปัญหา ผมไม่ได้เป็นคนสร้างเหตุ แต่เมื่อเขาอยากให้มีเหตุ ผมก็เลี่ยงไม่ได้”

ก็ต้องชน ?

“ไม่ต้องชนหรอกครับ ผมอยู่เฉยๆ เขาเดินมาสะดุดผมเอง ก็ช่วยไมได้ คำว่ามาเฟียปรากฎขึ้นมาหลังมีเหตุการณ์ มีคำนี้ขึ้นมาตลอด ก็อยากจะถามว่าผมเป็นมาเฟียใช่มั้ย เท่านั้นแหละที่อยากจะถาม จะได้ไปถามเขาต่อได้ แล้วถ้าบอกว่าผมเป็นมาเฟีย คุณคบกับผมทำไม ถ้าบอกผมเป็นมาเฟีย คุณก็คบมาเฟียนะ ทางโน้น รองโฆษก ก็เลยบอกว่าผมพูดไปเอง เป็นเรื่องละเมอเพ้อ ผมเลยต้องสวนกลับอีก แจงให้ทราบเป็นฉากๆ ไป”

แบบนี้จะทำยังไง เห็นท่านบอกว่ารักนะ ?

“ก็รักจริงๆ นะ สมัยก่อน”

สมัยนี้ล่ะ ?

“เคยจีบผู้หญิงหรือเปล่าล่ะ(หัวเราะ) ถ้าพูดให้เต็ม รักจริงก็ทิ้งจริง จบข่าว”

ล่าสุดท่านยื่นหนังสือถึงท่านนายกฯ ?

“ผมก็ไม่คาดหวังว่าท่านจะต้องลงมาเจอ ผมเป็นประชาชนคนเดียวในประเทศนี้”

ท่านบอกอีกไม่กี่วันก็ตายแล้ว ?

“เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าผมไม่มีกระบวนการอะไรที่จะเซฟตัวเอง เพราะผมไปร้องขอให้เจ้าหน้าที่รัฐสีไหนก็ช่างเถอะ มาดูแลความปลอดภัยของผมก็ไม่ใช่ เพราะที่ผมออกมาพูด ที่ใช้คำว่าแฉ ผมไม่ได้แฉ ผมเอาข้อเท็จจริงมาพูดให้สังคมรู้ มันเป็นเรื่องเสียผลประโยชน์เขาทั้งนั้น แล้วเขาจะมารักห่วงใยอะไรผม”

มีหลักฐานในมือ ?

“ใช่ ถ้าไม่จริง ผมพูดไม่ได้ ถ้าไม่จริง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องนี้ ชีวิตผมอยู่จนถึงวันนี้ไม่ได้”

เป็นไปได้มั้ย ท่านเป็นแมวเก้าชีวิต ผ่านการถูกยิง ลอบยิง ระเบิดก็ผ่านมาหมด วันนี้เลยลุยแหลก ?

“วันนี้ไม่ใช่แมวเก้าชีวิตเป็นเสือหมอบ เป็นจักรยาน แต่เดี๋ยวนี้มีเกียร์นะ เร่งสปีดอีกนิดหนึ่ง อีก 2 วันเดี๋ยวมีอีก เร่งสปีดนิดหน่อย”

เรื่องนี้ยาวมาก ?

“ถ้าไม่หยุด ผมก็ไม่หยุด”

วันนี้มีผู้ใหญ่มาบอกว่าอย่าไปให้ค่ากับคนแบบนี้ ?

“ท่านบอกไม่มีราคา ไม่ทราบนะ ไม่เคยมีใครนำผมไปประมูล ผมเลยไม่รู้ราคา”

 ทุกวันนี้กลับบ้านไม่ได้ ?

“ยังกลับไม่ได้ จริงๆ ชีวิตยามราตรีผมมีความสุขที่สุด แต่เดี๋ยวนี้ราตรีช่างยาวนาน พอค่ำมาเราต้องนับถอยหลัง ว่าชีวิตเราจะอยู่ถึงดูพระอาทิตย์ขึ้นมั้ย”

แล้วจะทำยังไงต่อไป จะอยู่อย่างนี้หรือจะยังไง ถอยสักก้าวสองก้าวได้มั้ย ?

“ถอยไม่ได้ หกล้มทันที แค่ยืนเฉยๆ หยุดนิ่งก็แพ้แล้ว เพราะเวลาชีวิตมีจำกัด จะทำอะไรให้ประชาชนสังคมหรือรุ่นเจนเนอเรชั่นให้เขาเห็น เราต้องรีบทำเขาจะได้รู้ว่ามีแบบอย่างอะไรที่สามารถทำแล้วช่วยกันประคับประคอง”

ครอบครัวทำยังไง ?

“เขาเข้าใจ ในวัยหนุ่มของผม ผมใช้ชีวิตช้า เขาอาจไม่เห็นภาพผมดุดันเหมือนเมื่อก่อน แต่การใช้ชีวิตกับผม เขาเข้าใจ เพราะเจอมาตลอดเป็นระยะๆ ก็ผ่านมา”

รู้สึกยังไง ในกรณีครั้งหนึ่งเคยเป็นอดีตนายตำรวจ แต่วันนี้ทุกคนขนานนามว่ามาเฟีย จากตำรวจเป็นผู้ร้าย ?

“แล้วผมร้ายกับพวกเขามั้ยที่เขาเห็น ผมก็ใช้ชีวิตปกติในสังคม แต่เมื่อมีสัญญาณจากผู้มีอำนาจพูดถึงผมตรงนั้น ผมต้องระวัง เขาไม่ได้พูดแบบจะเมตตาเลยนะ บางคนที่ผมพูดเขาไร้เมตตา แต่ใหญ่กว่านั้นยิ่งซ้ำลงมาอีก สัญญาณนี้อันตรายมั้ย ไม่ใช่ไฟเหลือง มันแดงเข้มนะ”

ทุกสิ่งที่พูดมา ท่านคิดไปเองหรือเปล่า ?

“ใครมาเป็นผู้กำกับให้ผม บอกสิ ผมก็อยู่คนเดียว เวลามีเหตุก็มีคนเดียว ข้างหลังก็ไม่มีใคร นี่ไม่ใช่หนัง ไม่ใช่ละคร”

อยากฝากอะไรถึงใคร ?

“ผมฝากชีวิตของผมกับประชาชน พี่น้อง สังคม จะมองผมยังไงก็ช่างถ้าไม่รักษาชีวิตผมไม่เป็นไร แต่ถ้าหากผมสูญสิ้นไปวันไหน วันนั้นประชาชนสังคมจะเข้าใจผมดี”

 

เมดฮับ นิวส์ medhubnews.com 

เว็บไซต์ข่าวสุขภาพ  สาธารณสุข การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ วาไรตี้ ฯลฯ 

Thailand Health and Wellness News  

ติดตามข่าวสารจาก medhubnews.com ได้จาก Facebook : sasook ของเรา 

07 มกราคม 2562

ผู้ชม 1719 ครั้ง

Engine by shopup.com