"หมอปลา มือปราบสัมภเวสี" แจงโดนใส่ร้าย กรมสุขภาพจิตเผยหลอนคลุ้มคลั่งป่วยโรคทางจิต เว็บไซต์สุขภาพ medhubnews.com ข่าวการแพทย์ บทความสุขภาพ ระบบสาธารณสุข

บทความ

"หมอปลา" แจงโดนใส่ร้าย "กรมสุขภาพจิต" ย้ำหลอนคลุ้มคลั่ง "ป่วยโรคทางจิต"

 

"หมอปลา มือปราบสัมภเวสี" แจง 2 เพจลงข้อมูลมั่ว ใส่ร้าย

กรมสุขภาพจิต เผยอาการหลอนคลุ้มคลั่ง เป็นอาการป่วยโรคทางจิต

MED HUB NEWS - หลังจาก หมอปลา มือปราบสัมภเวสี พร้อมทนายรณณรงค์ เข้าแจ้งความเอาผิดด้วย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังถูกโพสต์กล่าวหา บ้านของตนเปรียบเหมือน โรงฆ่าสัตว์ และภาพหลุดล่ามโซ่คนไข้ ที่เข้ามารักษากับตน

ทั้งนี้ “หมอปลามือปราบสัมภเวสี” เป็นอีกคนที่ช่วงนี้กำลังเป็นข่าว และพูดถึงกันมากในโลกโซเชียล โดย นายจีระพันธ์ เพชรขาว อายุ 40 ปี หรือหมอปลา มือปราบสัมภเวสีเอาผิดเพจข่าวและแฟนเพจ

เว็บไซต์เมดฮับนิวส์ดอทคอม MEDHUBNEWS.COM และ เพจ sasook รายงานว่า เจ้าตัวบอกว่าได้แจ้งความดำเนินคดีกับ 1 เพจสำนักข่าว กับอีก 1 แฟนเพจ แต่ไม่ขอบอกว่าเพจของที่ใดชื่ออะไร ที่มาหมิ่นประมาทกล่าวหาว่าบ้านตนเป็นโรงเลี้ยงสัตว์

ภาพจากรายการมือปราบสัมภเวสี

เรื่องนี้ตนรับไม่ได้ ที่ผ่านมาบ้านตนช่วยบรรเทาและเยียวยาคนที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งไม่สามารถใช้วิธีการรักษาทางวิทยาศาสตร์ได้

ส่วนใหญ่จะไปหาพวกร่างทรงจนโดนหลอกเงินหมดตัว แล้วสุดท้ายจึงมาหาตน ทั้งนี้ ขอชี้แจงเรื่องที่มีภาพหาว่าตนใช้โซ่ล่าม และใช้เข็มฉีดยากับคนที่มาให้ช่วยรักษานั้น ไม่เป็นความจริง

บางครั้งผู้ขอให้ช่วยเป็นกลุ่มติดยาเสพติดอย่างหนัก ญาติของเขาต้องหาโซ่มาล่ามเอง กลัวจะทำร้ายคนรอบข้าง หรือมีบางครั้งคนที่มาขอให้ตนช่วยก็เป็นคนป่วยมาแบบใส่เครื่องออกซิเจนและต่อสายน้ำเกลือเข้าเส้นมาเลย

ตนก็ช่วยบรรเทาให้ตามลักษณะอาการ และตนไม่เคยเก็บเงิน หรือให้คนเหล่านั้นเสียค่ารักษาเลย วันนี้จึงมาแจ้งความดำเนินคดีข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตาม พ.ร.บ.คอมฯ มาตรา 14 ส่วนคนที่แชร์ตนไม่เอาผิด เพราะถือว่าไม่รู้

              

ไม่จำเป็นต้องล่ามโซ่ หากพาไปรักษาทางไสยศาสตร์ ผู้ป่วยจะไม่หายและอาการจะรุนแรงหนักขึ้น กรณีญาติต้องการพาไปรักษาตามความเชื่ออื่นๆ เพื่อเสริมด้านกำลังใจ สามารถทำได้หลังจากผู้ป่วยได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้นแล้ว แต่มีข้อควรระวัง

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวของ เว็บไซต์เมดฮับนิวส์ดอทคอม MEDHUBNEWS.COM และ เพจ sasook รายงานว่า นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าวถึงกรณีมีข่าวประชาชนบางส่วนพาผู้ป่วยบางรายมีอาการคลุ้มคลั่ง ญาติต้องล่ามโซ่ และพาไปพึ่งการทำพิธีกรรมรักษาทางไสยศาสตร์ หรือรดน้ำมนต์ จากผู้ที่อยู่นอกวงการแพทย์

เรื่องนี้เป็นทั้งความเชื่อส่วนบุคคลและความเข้าใจผิด แม้ว่าขณะนี้การแพทย์จะเจริญก้าวหน้าก็ตาม แต่ความเชื่อทางไสยศาสตร์ก็ยังมีปรากฎในสังคมไทย 

โดยเชื่อว่าการเจ็บป่วยเกิดมาจากอำนาจเหนือธรรมชาติหรือผิดธรรมชาติ เมื่อเจ็บป่วยขึ้นก็มักจะแก้ปัญหาหรือบำบัดรักษาตามความเชื่อ ทั้งการรักษาด้วยน้ำมนต์ หมอพระ หมอผี คนทรง เป็นต้น เป็นเรื่องที่ต้องเร่งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน

“ขอยืนยันว่าผู้ที่มีอาการประสาทหลอน เช่น ได้ยินเสียงคนพูดขณะที่ไม่มีใครอยู่ใกล้เลย เห็นภาพแปลกๆ รู้สึกเหมือนมีแมลงไต่ตามร่างกาย หรือมีอาการคลุ้มคลั่ง เอะเอะเกรี้ยวกราด ทำร้ายคนใกลัตัว ยิ้มคนเดียว พูดพึมพรำเรื่อยเปื่อย  

เป็นอาการป่วยของโรคทางจิตเวชชัดเจน หรืออาจเป็นความผิดปกติในสมอง ทำให้บุคลิกภาพผู้ป่วยเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคน ทั้งด้านพฤติกรรม ความคิดและอารมณ์  ผู้ป่วยจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ซึ่งอาจเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ญาติเข้าใจผิดว่าถูกผีวิญญานเข้าสิง หรือถูกคุณไสย

ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้ป่วยทางจิตเวชเกิดจากหลายสาเหตุทั้งจากกรรมพันธุ์ ความกดดัน ความเครียด อุบัติเหตุทางสมอง และจากสารเสพติด โดยเฉพาะยาบ้า เหล้า ทำให้การทำงานของสมองผิดปกติ  ไม่ได้เกิดมาจากถูกคุณไสย เวทมนต์ ผีเข้าสิง แต่อย่างใด” อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าว

ประเด็นเร่งด่วนสำคัญที่สุดและเป็นที่พึ่งแห่งแรกก็คือต้องพาผู้ป่วยไปรับการดูแลรักษาที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด หากพาไปรักษาด้วยพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ ผู้ป่วยจะไม่หายและจะยิ่งทำให้อาการรุนแรงหนักขึ้นไปเรื่อยๆ

โดยขณะนี้โรงพยาบาลทุกแห่งสามารถให้การรักษาได้ มียาควบคุมอาการ หลังรักษาผู้ป่วยจะมีอาการสงบขึ้น ภาพหลอนหรือการคุ้มคลั่งจะหายไปการรับรู้ของผู้ป่วยจะกลับคืนมาสู่ความเป็นจริง แต่การรักษาต้องใช้เวลาไม่ได้หายขาดทันทีเหมือนเป็นไข้ตัวร้อนทั่วไป โดยแพทย์จะให้กินยาต่อเนื่องเพื่อป้องกันอาการกำเริบซ้ำ  

พร้อมทั้งฟื้นฟูสมรรถภาพทางด้านกายจิตสังคมและวิญญาณ เพื่อผดุงรักษาระดับความสามารถเดิมของผู้ป่วยในการทำกิจกรรมภารกิจประจำวัน โดยพึ่งตนเองได้มากที่สุด ดำรงชีวิตในชุมชนได้อย่างปกติสุข และนัดผู้ป่วยติดตามผลเป็นระยะๆ

ไม่จำเป็นต้องล่ามโซ่ กักขังผู้ป่วยแต่อย่างใด และหลังจากผู้ป่วยอาการดีแล้ว ญาติสามารถพาไปรักษาตามความเชื่ออื่นได้ควบคู่กัน  อาจให้ผลทางจิตวิทยาคือช่วยเสริมด้านขวัญกำลังใจทั้งญาติและผู้ป่วยได้ แต่ทั้งนี้ขอเน้นย้ำที่เป็นหัวใจสำคัญที่สุดคือต้องดูแลให้ผู้ป่วยกินยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

 

ทางด้านนายแพทย์กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ จ.นครพนม กล่าวว่า เมื่อพาผู้ป่วยทางจิตเวชไปทำพิธีกรรมตามความเชื่อ มีข้อควรระมัดระวังดังนี้ 

1.ให้หลีกเลี่ยงการไปรักษาด้วยวิธีการที่อาจเป็นอันตรายเช่นการใช้ของมีคมกับร่างกาย หรือทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บ เช่น ใช้ไม้เฆี่ยนตีไล่วิญญาณ 

2. การรับประทานยาหรือดื่มน้ำที่อาจจะไม่สะอาดและไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีอาการหมดสติสับสนไม่รู้เวลาสถานที่ ยิ่งต้องควรระวัง เนื่องจากอาจมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในสมองหรือระบบประสาทเช่นมีเลือดคั่งในสมอง มีภาวะเกลือแร่ผิดปกติอย่างรุนแรง  

ซึ่งมีโอกาสเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอย่างทันท่วงที ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีภาวะสับสนมึนงง คล้ายๆกับที่ชาวบ้านเข้าใจว่าถูกผีเข้าสิงหรือมีอาการเปลี่ยนเป็นคนละคน ขอแนะนำให้ญาติพาไปโรงพยาบาลเพื่อให้ได้รับการตรวจวินิจฉัยโรค และดูแลรักษาจากแพทย์หรือจิตแพทย์  

นายแพทย์กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ จ.นครพนม

เมดฮับ นิวส์ medhubnews.com 

เว็บไซต์ข่าวสุขภาพ  สาธารณสุข การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ วาไรตี้ ฯลฯ 

Thailand Health and Wellness News  

ติดตามข่าวสารจาก medhubnews.com ได้จาก Facebook : sasook ของเรา 

10 มิถุนายน 2561

ผู้ชม 2038 ครั้ง

Engine by shopup.com