เวชศาสตร์ชะลอวัย Anti-Aging Medicine เทรนด์ดูแลสุขภาพ 2019 ที่ต้องอ่าน ช่วยลดโอกาสเกิด "โรคหัวใจ มะเร็ง โรคร้าย"
เวชศาสตร์ชะลอวัย Anti-Aging Medicine เทรนด์ดูแลสุขภาพ 2019 ที่ต้องอ่าน ช่วยลดโอกาสเกิด "โรคหัวใจ มะเร็ง โรคร้าย"
MED HUB NEWS - ปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าวงการแพทย์มีวิวัฒนาการที่ก้าวไกล มนุษย์เรามีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น และคงหลีกเลี่ยงความชราไม่ได้ แต่จะทำอย่างไรเพื่อให้เรามีชีวิตที่ยืนยาวควบคู่ไปกับการมีสุขภาพที่ดีในอนาคตข้างหน้า
ดังนั้น “เวชศาสตร์ชะลอวัย หรือ Anti-Aging Medicine” จึงได้เข้ามามีบทบาทในยุคสมัยนี้ เพื่อตอบรับกับความต้องการของผู้ป่วย ทั้งคนไทยหรือต่างชาติที่หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพตนเองมากขึ้น
ผู้สื่อข่าว medhubnews.com เว็บไซต์สุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยว วาไรตี้ ของคนรุ่นใหม่ และ เพจ sasook รายงานว่า ในงาน The Special One for Wellness Destination
โดยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ร่วมกับศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ผศ. นพ. พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยถึง “เทรนด์ในการดูแลสุขภาพแห่งอนาคต
มีแนวคิดเพื่อการป้องกันโรคและการส่งเสริมสุขภาพในแนวทางที่ให้เกิดการชะลอวัยและการมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสุขภาพที่ดีในอนาคตข้างหน้า หรือที่เรียกว่า “เวชศาสตร์ชะลอวัย” นับเป็นศาสตร์แห่งการดูแลสุขภาพแนวใหม่แบบบูรณาการ
เป็นการดูแลรักษาสุขภาพจากภายในสู่ภายนอก ทำให้ทราบถึงโอกาสที่จะเกิดโรค รวมไปถึงสาเหตุแท้จริงที่ทำให้เกิดโรคด้วยโดยจะวิเคราะห์จากผลการตรวจเลือด
จากการตรวจสภาพร่างกายโดยใช้เทคโนโลยีเครื่องมือต่างๆ ที่วัดสมรรถนะร่างกาย รวมถึงปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาหารและการออกกำลังกาย สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะนำไปสู่ดัชนีการมีชีวิตที่ยืนยาว ซึ่งควรจะต้องมีการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี”
เวชศาสตร์ชะลอวัย ประกอบด้วยเสา 2 หลัก 1 การป้องกันโรค และ 2 การวิเคราะห์ หรือวินิจฉัยโรคตั้งแต่ระยะเวลาตั้งต้น ซึ่งการป้องกันโรคเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการมีชีวิตที่ยืนยาว และมีสุขภาพที่ดี
เพราะถ้าเราสามารถป้องกันโรคต่างๆ ได้แล้วจะทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างปกติสุข อันดับรองลงมาคือการคัดกรองโรคตั้งแต่โรคยังเป็นในระยะแรกๆ ทำให้การรักษาได้ผลดี
มีผลศึกษาวิจัยต่างๆ ยืนยันแล้วว่าการดำเนินชีวิตที่มีคุณภาพ ได้แก่ การรับประทานอาหารที่ถูกส่วนครบทุกหมวดหมู่ ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอทำให้ใจมีความสุข
และป้องกันการได้รับสารพิษต่างๆ นั้น จะช่วยลดโอกาสการเป็นโรคหัวใจที่คร่าชีวิตมนุษย์อันดับหนึ่งลงได้ถึง 8 เท่า และช่วยลดอุบัติการณ์การเป็นมะเร็งต่างๆ ลงได้ถึง 3 เท่า
นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงระดับของสมดุลของฮอร์โมนซึ่งจะเริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ช่วงอายุ 30 - 40 ปีขึ้นไป การที่ระดับสมดุลของฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงไปนี้ ก่อให้เกิดภาวะหรืออาการผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของฮอร์โมน
ได้แก่ ระดับพลังงานลดลง อัตราการเผาผลาญในร่างกายลดลง ปริมาณไขมันสะสมในร่างกายเพิ่มขึ้นผิวพรรณเริ่มแห้งกร้านและมีรอยเหี่ยวย่น มีมวลกล้ามเนื้อลดลง กระดูกบาง ความจำลดลง สมองเสื่อม ภาวะการนอนหลับผิดปกติ นอนหลับยากขึ้น นอนหลับไม่สนิท หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า ความต้องการทางเพศลดลง
หรือเรียกว่า ผู้มีภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล (Hormonal imbalance) ซึ่งปัญหานี้อาจพบได้ในผู้คนที่มีความเครียดหรือทำงานหนัก
สำหรับฮอร์โมนที่มีความสำคัญต่อร่างกายมนุษย์ ประกอบด้วย1. โกรทฮอร์โมน ( Growth hormone ) ฮอร์โมนสำคัญต่อการเจริญเติบโต ซ่อมแซมและเสริมสร้างร่างกาย
2.เทสโทสเตอโรน ( Testosterone ) ฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายเกิดการตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า มีเรี่ยวแรง 3.เอสโตรเจน (Estrogen)ฮอร์โมนที่ทำหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธุ์ ผิวพรรณ หัวใจและหลอดเลือด และกระดูก
4. อินซูลิน และฮอร์โมนไทรอยด์( Insulin และ Thyroid Hormone) ฮอร์โมนที่ควบคุมระดับน้ำตาลและกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย
และ 5.คอร์ติซอล (Cortisol) ฮอร์โมนความเครียด ถูกผลิตโดยต่อมหมวกไตเพื่อลดการอักเสบและทำให้ระดับของน้ำตาลในร่างกายเกิดความสมดุลแต่หากขาดฮอร์โมนชนิดนี้ จะทำให้ร่างกายมีอาการอ่อนเพลียตอนเช้าหรือตื่นนอนยาก ง่วงนอนตอนบ่าย หิวขนมหรือของหวานเป็นประจำ
พญ.นุสรา เตชานุกูลชัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาเกี่ยวกับความงาม ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “พออายุเริ่มเข้าสู่ช่วงอายุ 40 ปลายๆ -50 ต้นๆ รังไข่จะหยุดทำงาน หยุดผลิตฮอร์โมน ทำให้มีปัญหาเรื่องสุขภาพ เรื่องผิวพรรณตามมา ผิวจะเริ่มเหี่ยว
เนื่องด้วยวัยที่เพิ่มขึ้น แสงแดด ความเครียด ริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ทางใบหน้า ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวพรรณที่เคยสดใสตึงกระชับ กลับกลายเป็นหมองคล้ำ
เกิดริ้วรอย จุดด่างดำ และหย่อนคล้อย ซึ่งนวัตกรรมเพื่อผิวพรรณที่ดูอ่อนเยาว์ และมีสุขภาพ Photo Rejuvenationสามารถชะลอวัยและฟื้นฟูสภาพผิวให้ดีขึ้นเป็นการนำเทคโนโลยีแสงเลเซอร์และคลื่นแสงความเข้มสูงมาใช้ในการแก้ปัญหาและฟื้นฟูสภาพผิวหน้าให้กระจ่างใส เรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยจางลง และยกกระชับ ด้วยเครื่องมือ
4 ชนิดที่มีคุณสมบัติโดดเด่นแตกต่างกันออกไป โดยแพทย์จะเป็นผู้เลือกใช้ชนิดของเลเซอร์หรือคลื่นแสงที่เหมาะสมตรงกับปัญหาผิวพรรณของแต่ละบุคคลโดยเบื้องต้นจะใช้ เครื่อง VISIA Skin Analysis วิเคราะห์สภาพผิวหน้า ทั้งชั้นผิวภายนอก และชั้นผิวภายใน
โดยการถ่ายภาพใบหน้า ตรงส่วนที่สำคัญต่างๆและนำข้อมูลไปประมวลผลวิเคราะห์สุขภาพและลักษณะผิวของลูกค้า เพื่อเป็นแนวทางในการจัดโปรแกรมการรักษาและดูแลสภาพผิวหน้าเฉพาะบุคคลที่เหมาะสมกับบุคคลนั้นๆ และรักษาได้ตรงกับสาเหตุที่แท้จริง ทำให้ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี”
“เราสามารถยืดอายุให้ดูอ่อนเยาว์ลงและมีสุขภาพดีจากภายใน ด้วยหลักการง่ายๆ คือ การกิน การออกกำลังกาย การพักผ่อน และอารมณ์ โดยจะต้องเลือกกินอาหารที่มีคุณภาพ กินให้หลากหลาย ทานผักผลไม้หลากสี
และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและไขมัน และควบคุมปริมาณไขมันในร่างกาย ผู้หญิงไม่ควรเกิน 30% และผู้ชายไม่ควรเกิน 20% และควรออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ หรือเคลื่อนไหวไม่น้อยกว่า 150 นาทีต่อสัปดาห์
หรือเดินประมาณ 5,000 – 10,000 ก้าวต่อวัน ส่วนการพักผ่อน ไม่ควรนอนน้อยกว่าวันละ 7 ชั่วโมง และการนอนในช่วงเวลา 22.30 น. ก็จะดีกว่านอนหลังเที่ยงคืน เพราะฮอร์โมนที่มีผลต่อการชะลอวัยจะทำงานได้ดีกว่า
ที่สำคัญควรทำจิตใจให้แจ่มใส อารมณ์ดี มองโลกในแง่ดี พยายามจัดการกับความเครียด หากปฎิบัติได้ตามทั้ง 4 ข้อนี้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ได้มีอายุยืนขึ้นถึง 10-20 ปี และทำให้มีสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก
เมดฮับ นิวส์ medhubnews.com
เว็บไซต์ข่าวสุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ วาไรตี้ ฯลฯ
ติดตามข่าวสารจาก medhubnews.com ได้จาก Facebook : sasook ของเรา
18 มกราคม 2562
ผู้ชม 5415 ครั้ง