"ยิ่งอ่าน ยิ่งอารมณ์ขึ้น" สงสารเด็ก หนุนเอาผิดถึงที่สุด ถูกรุ่นพี่เตะผ่าหมากจู๋ช้ำ
"ยิ่งอ่าน ยิ่งอารมณ์ขึ้น" สงสารเด็ก หนุนเอาผิดถึงที่สุด ถูกรุ่นพี่เตะผ่าหมากจู๋ช้ำ
MED HUB NEWS - กรณีคุณแม่เด็กชายวัย 12 ปี ร้องสื่อ กรณีลูกถูกรุ่นพี่ทำร้ายร่างกาย เตะอวัยวะเพศจนช้ำ กลางปีเคยทำร้ายมาแล้วเจรจากัน นึกว่าเรื่องจะจบแต่กลับเกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก เรื่องดังกล่าวทำให้คุณแม่ทนไม่ไหว เปิดใจจะไม่ทนอีก เดินหน้าร้องขอความเป็นธรรม
medhubnews.com เว็บไซต์สุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยว วาไรตี้ ของคนรุ่นใหม่ และ เพจ sasook รายงานว่า โหนกระแสช่อง 28 ได้เปิดใจสัมภาษณ์ “คุณรชต คำรอด” แม่เด็กที่ถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งมาพร้อม “ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์” ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม
แม่มีลูกกี่คน ?
รชต: “2 คนค่ะ น้องที่ถูกทำร้ายเป็นคนเล็ก อายุ 12 ปี”
สมัครเรียนที่โรงเรียน ต้องมีความสามารถพิเศษ?
รชต: “เด็กที่จะเข้าเรียนที่โรงเรียนรัฐแห่งนี้ได้ต้องมีความสามารถ 1 ชนิดกีฬา ของน้องไปกีฬาว่ายน้ำ ทั้งประเทศไปสมัครเพื่อจะสอบ ปีนี้รับ12 คนไปสมัครประมาณ 80 คน ลูกเราเป็น 1 ใน 12 คน
พอลูกเราเข้าไปปุ๊บ เริ่มเข้าหอโรงเรียนวันแรก 1 พ.ค. 2561 ด้วยความที่เราเป็นแม่ เป็นโรงเรียนประจำ กินนอนอยู่ที่นั่น โรงเรียนนี้สอนว่ายน้ำอย่างเดียว วิชาการต้องเดินไปเรียนโรงเรียนข้างๆ เราไปดูลูกทุกวัน แต่เราไม่ได้ไปกดดันครูผู้สอนอะไรทั้งนั้น
เราไปเพื่อดูการเป็นอยู่ของลูกว่าอะไรยังไง แต่ระหว่างนั้นที่เราดูลูกเราไม่ได้รับการฝึกสอนเท่าที่ควร เข้ามาก็เหยาะๆ แหยะๆ พาวิ่งเล่นโน่นเล่นนี่ ลูกเพิ่งจะไปวันที่ 1 พ.ค. 61 คุณแม่ไปทุกวัน ย้ำว่าทุกวัน จนถึงวันที่ 14 พ.ค.”
เขาอาจต้องดูฟอร์มของเด็กก่อนหรือเปล่า แม่คิดมากเกินไปหรือเปล่า?
รชต: “เด็กกลุ่มนี้ในความคิดของคุณแม่ ไม่ใช่นักกีฬาที่เพิ่งมาฝึกสอน เป็นเด็กที่ควรพัฒนาเพื่อไปสู่ความเป็นเลิศแล้ว เก่งมาแล้วทุกคน ทุกคนมีถ้วย ลูกคุณแม่มีถ้วยอันดับ 1 ก็มีแล้ว ทุกคนที่เข้ามาตรงนี้ไม่ใช่ใครก็ได้ ต้องเก่งจริงๆ ถึงได้เข้ามา เขาต้องพัฒนาทักษะขึ้นไปแล้ว”
เด็กทั้ง 12 คนได้แชมป์มาแล้ว ต้องพัฒนาสกิลไประดับชาติ ไม่ใช่พื้นๆ ไก่กา ?
รชต: “ใช่ค่ะ แล้วมันสำคัญตรงนี้ค่ะ พอเสร็จแล้วเด็กไปไหน เด็กมีเวลาว่าง เด็กก็ออกไปข้างนอก ข้างนอกคืออะไร โต๊ะสนุ๊ก ร้านเกม ทกสิ่งทุกอย่างอยู่ข้างโรงเรียนหมดเลย ทำไมคุณแม่พูดได้เต็มปาก คุณแม่มีลูก คุณแม่ยอมที่จะอยู่ตรงนั้นทั้งวันยัน 2 ทุ่ม”
ไม่ได้กล่าวหาโรงเรียนเขานะ ?
รชต: “ไม่ค่ะ มีหลักฐาน ถ้าเด็กมีกิจกรรมในการฝึกซ้อม เด็กจะไม่มีเวลาว่างไปข้างนอก แต่นี่เด็กอยู่ประจำ ทำไมออกไปข้างนอกตรงนั้นได้ ตรงนั้นมีอะไร โต๊ะสนุ๊ก ร้านเกม หนักกว่านั้นก็มี”
พอบอกว่าโรงเรียนน่าจะพัฒนาสกิลลูก แต่สุดท้ายไม่ได้เป็นแบบนั้น ?
รชต: “ก็ยังก๊อกๆ แก๊กๆ ไปจนถึงสิ้นเดือน ครบ 1 เดือน ระหว่างนั้นในไลน์กลุ่มผู้ปกครองก็จะเข้าไปถามว่าเมื่อไหร่เด็กจะได้ซ้อมเต็มที่ ถามโค้ชหรือครูผู้สอนที่อยู่ในกลุ่ม คำตอบที่ได้รับกลับมาคือเงียบ
ไม่ตอบ ไม่มีคำตอบ อาทิตย์ถัดไปมีผู้ปกครองถามอีกก็ไม่ตอบ เราก็ถามเขาก็ไม่ตอบ มันเลยเริ่มมีกลุ่มผู้ปกครองกลุ่มเล็กๆ แยกออกมาว่าเราจะทำอย่างไรดี เราควรร้องเรียนนะ แต่ส่วนมากบอกว่าอย่าเลย ถ้าเราร้องเรียน ผลกระทบจะอยู่ที่ลูก หนึ่งเขาไม่ดันลูกเรา สองกลัวได้รับอันตรายมั้ยว่าผู้ปกครองมาร้องเรียน ไม่เอาดีกว่า แต่มีอีกกลุ่มเล็กๆ ที่ไปปรึกษาเพจว่าควรทำยังไง เพจก็เอาออกมา”
แม่ต้องการไปฟ้องมั้ยทำไมต้องพึ่งเพจให้มันเป็นข่าว ?
รชต: “หนึ่งเราไม่มีเบอร์ติดต่อ สองโค้ชผู้สอนส่วนตัวกับคุณแม่เลยนะ เคยไปถามเรื่องเล็กๆ โรงเรียนนี้กินฟรีอยู่ฟรี ทุกอย่างฟรีหมดแต่ของหาย เสื้อผ้าหายคุณแม่ก็แก้ปัญหาให้เฉพาะลูกตัวเอง จ้างแม่บ้านส่วนตัว ของลูกหายในตู้ ก็ไปถามในไลน์กลุ่ม ว่าเหตุการณ์แบบนี้จัดการยังไงได้บ้าง
เขาตอบกลับมาว่าคุณแม่เอาไปซักบ้านแล้วเอากลับมา มันจะไม่หาย ได้รับคำตอบหนักกว่านี้ เราบอกว่าปัญหาเราเราแก้ปัญหาได้ แต่ถ้าคนอื่นล่ะ จะมีวิธีป้องกันหรือแก้ปัญหาได้มั้ย เขาบอกว่าผมเหนื่อยที่จะคุยกับคุณแม่ แล้วเขาก็ออกจากกลุ่มไปเลย
นั่นคือโค้ชผู้สอนลูกเราโดยตรง พฤติกรรมแบบนี้เราก็เหวอที่จะปรึกษา พอเราไม่กล้าปุ๊บ ผู้ปกครองที่เขาไปติดต่อเพจเพจก็ออกมาขอคำชี้แจง เขาก็เงียบ ฟีดแบ็กที่กลับมาคือศิษย์เก่า รุ่นพี่เฟสอวตารทั้งหลายแหล่
เราไม่รู้จักเขา มาด่า มาข่มขู่ ด่าว่ามึงจะเอาอะไรนักหนา ในโรงเรียนนั้นเข้าไปกินฟรีอยู่ฟรี มีกางเกงในตัวเดียวเข้าไปอยู่ได้เลย แล้วเริ่มสืบว่าผู้ปกครองคนไหนเป็นคนมาฟ้องเพจ ศิษย์เก่าเริ่มสืบ”
เขาอาจรักสถาบันเขา?
รชต: “ถูกต้อง เขาอาจรักสถาบันเขาพูดเลยว่ากูรักสถาบันกู มึงอย่ามาแตะต้องสถาบันกู ไม่พอใจก็เอาลูกมึงออกไปสิ สุดท้ายมาพุ่งประเด็นว่าเป็นคุณแม่ เขาเริ่มส่งรูปก่อน ว่าเฟสนี้เป็นตัวตั้งตัวดี และบอกว่ามึงเข้ามาวันไหนมึงบอกนะ กูจะหาอะไรให้มึงแดก
ผู้ปกครองที่รวมตัวกันถอยหมดเลย ไม่เอาแล้ว เพราะบางเฟซเช็กมาเป็นศิษย์เก่าจิรงๆ เขายังกล้าคอมเมนต์ขนาดนี้ ถ้าเขารู้ว่าเป็นใคร ลูกเราโดนแน่นอน เพราะลูกเราอยู่ในนั้น 24ชม. ผู้ปกครองก็บอกว่าหนูไม่เอาแล้วนะคุณแม่หนูถอย”
แม่ทำยังไง?
รชต: “ทางโรงเรียนเขาไม่ติดต่อค่ะ เราหวาดผวาก็ติดต่อเข้าไปคุยที่โรงเรียน ก็เจอระดับผอ.กองการกีฬา ผอ.โรงเรียน รองผอ.โรงเรียน ไปคุยวันที่ 20 มิ.ย. นอกจากทางเขา 3 ท่าน ทางเราคือคุณแม่เป็นตัวแทนผู้ปกครอง อีก 2 ท่านเป็นตัวแทนจากทางเพจไปร่วมฟัง และมีนักข่าวช่องนึงเข้าไป
ก่อนคุยคุณแม่เกริ่นว่าขอความร่วมมือนะคะ การที่คุณแม่มาคุยวันนี้ ขอให้เป็นความลับระหว่างแค่นี้ได้มั้ย เพราคุณแม่ห่วงความปลอดภัยของลูก คุณแม่กันตัวเองระดับหนึ่ง คุณแม่ขออนุญาตบันทึกเสียงได้มั้ยคะ บันทึกเสียงเพื่ออะไร เพื่อกันตัวเอง ตอนนี้เรื่องอยู่ในสื่อ ลูกคุณแม่อาจไม่โดน แต่ 3 เดือน 4 เดือนผ่านไป ลูกคุณแม่โดน จะได้งัดมาดูว่าเคยคุยกับท่านแล้วนะ”
ทำได้มั้ย ?
ทนาย : “ถ้าเขาอนุญาตก็ทำได้”
รชต: “เราขออนุญาตเสร็จก็วางเลย การพูดคุยกันวันนั้นเป็นไปในทิศทางที่ดี อันไหนท่านรับได้ท่านก็บอกจะปรับปรุง จบสวยด้วยค่ะ พอหลังจากนั้นคุณแม่ออกจากห้องนั้น 15.47 น. กลับบ้านไปปกติ จนถึงกำหนดวันที่รับลูกกลับบ้าน วันที่ 23 มิ.ย.
พอไปรับปุ๊บ ลูกขึ้นมาตรงแขนลูกมีรอย เราก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาบอกว่าพี่เขาหยิก เราก็ถามหยิกยังไงเนื้อหลุด เขาบอกตอนแรกไม่หลุดแม่ หนูดึงออกมาเอง นั่นคือลูก เขาอยากอยู่ตรงนั้น ปกป้องอยู่ ระหว่างนั้นเราสังเกตลูก ลูกเปลี่ยนไป”
ซึมหรือยังไง?
รชต: “ไม่ได้ซึม แต่เขาเลี่ยงที่จะเจอแม่ มันต้องมีปัญหาแล้ว จนวันที่ 24 มิ.ย. ถึงกำหนดจะไปส่งลูกเข้าหอ เราก็เรียกลูกมาขอดูอวัยวะเพศลูก”
ทำไมต้องขอดู?
รชต: “เราได้ข้อมูลมา ปีที่แล้ว 2560 เด็กโรงเรียนนี้เคยโดนเตะผ่าหมากหนักกว่าลูกเราด้วยซ้ำ”
แม่ได้ยินข้อมูลมา เลยสงสัยว่าลูกจะโดนบ้างมั้ย?
รชต: “ส่วนเรื่องหยิกถามอะไรลูกก็ไม่ตอบ บอกแค่นั้น รุ่นพี่เด็กหรือผู้ใหญ่ก็ไม่รู้ แต่ก็มีอายุไม่เกิน 18พอเราขอดูอวัยวะปกติลูกไม่เคยเขินอายแม่ แต่พอขอดูวันนั้นปุ๊บ ลูกเอามือจับกางเกงก่อน เราไม่มีอะไรปิดบังกับลูกอยู่แล้ว
ทุกวันนี้เขาก็ยังแก้ผ้าอาบน้ำ นั่นเขาผิดปกติมากสำหรับแม่ เขาก็บอกว่าไม่มีอะไร พอเขาเอามือออก เราดึงกางเกงลงเอง เขียวบริเวณฝั่งซ้าย ตอนนั้นอารมณ์เราค่อนข้างแรง ก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ใครทำ
ลูกบอกว่าพี่เขาแตะหนู พี่คนไหน วกมาเรื่องหยิก คนเดียวกันมั้ย คนเดียวกัน เหตุการณ์เดียวกันมั้ย เหตุการณ์เดียวกัน เล่าแม่สิ ก็พี่เขาเดินมาไม่พูดอะไร เดินมาก็หยิกแล้วเตะ แล้วก็ไป หนูจุกไม่ได้พูดอะไรเลย ตรงนี้หมอยังพูดว่าถ้าโดนจุดสำคัญไม่ใช่แค่จุก อันตรายมาก พอถามเสร็จ ก็พาไปหาหมอ”
ได้ใบรับรองแพทย์มา ในนี้มีการเขียนไว้ว่าแผลถลอกที่แขนซ้าย บริเวณขาหนีบซ้ายมีรอยฟกช้ำเขียว หลังจากนั้นแม่ให้ลูกไปเรียนมั้ย?
รชต: “ไม่ค่ะ พอออกจากรพ. ลูกบอกว่าแม่หนูขอไปโรงเรียน หนูดูแลตัวเองได้ หนูจะดูแลตัวเองให้มากขึ้น หนูขอไปเรียน โอเค ก็บอกว่าถ้ามีอะไรให้บอกแม่ แต่ความระแวงเราเพิ่มแล้ว”
มีการบอกครูมั้ยว่าลูกเราโดนแบบนี้?
รชต: “ไม่บอก เราเก็บ ขนาดเราไปคุยกับท่านผอ. ลูกยังโดน ถ้าเดินไปคุยกับท่านผอ.อีก ระหว่างที่คุณแม่หันหลังกลับ ลูกฉันตายแน่”
แม่ก็ไปลงบันทึกประจำวัน?
รชต: “ไปลงแจ้งความประสงค์ คุณแม่ไม่ประสงค์จะเอาความ ขอให้เรื่องมันจบ แต่ไม่ได้บอกใครที่โรงเรียน”
แต่ผ่านมาแค่ 2 เดือน?
รชต: “ไม่ถึงค่ะ เดือนนิดๆ”
เหมือนเหตุการณ์จะจบ แม่ไม่ติดใจอะไร ลูกอยากเรียนก็ให้เรียน แล้วเกิดอะไรขึ้น?
รชต: “ถึงวันกำหนดรับลูกคือวันที่ 27 ก.ค. ตอนเช้าไปรับกลับมา ปกติจะถามลูกปกติ ตอนลูกถอดเสื้อผ้าจะอาบน้ำ เราเห็นเขียวช้ำที่ไหล่ลูก เราเอามือไปจิ้มลูกร้องโอ๊ย เจ็บ เราก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น โดนอีกแล้วใช่มั้ยลูก
เขาบอกครับ ถามก่อนใครทำ ลูกก็ไม่พร้อม เราก็ปล่อยลูกก่อนให้เขาคลายเครียดก่อน จนถึงวันที่ลูกเดินมาหาเราเอง แม่ครับ หนูไม่อยากไปนอนที่โรงเรียนแล้ว อยากออกได้มั้ย ก็ถามว่าหนูพร้อมจะเล่าให้แม่ฟังแล้วใช่มั้ยว่ารอบนี้โดนอะไร ใครทำ
เขาบอกว่าพี่เขาถีบหนู ระหว่างคุยก็ไม่สบตาเรา บอกว่าพี่ถีบ แล้วเขาล้มไปใส่เตียงเหล็ก ลุกขึ้นมาแล้วก็ถีบอีกรอบ เอี้ยวตัวแล้วล้มไปกระแทกอีก 2 ข้าง ถามว่ามีใครรู้มั้ยเขาก็ตอบว่าไม่มี”
รุ่นพี่คนเดิมมั้ย?
รชต: “ไม่ใช่ เป็นรุ่นพี่อีกคนนึง เราก็เอาลูกไปหาหมอ”
ก็ได้ใบรับรองแพทย์อีกใบนึง ไปแจ้งความอีกมั้ย?
รชต: “แจ้งความ รอบนี้เราประสงค์จะดำเนินคดี เพราะเราจะเอาลูกออกจากตรงนี้แล้ว ลูกเราอยู่ไม่ได้แล้ว”
ทางผอ.ติดต่อมามั้ย?
รชต: “รอบแรกวันที่เกิดเหตุ เราโทรไปหารองผอ.ก่อนว่าลูกเราเกิดเหตุการณ์แบบนี้นะ โทรไปวันที่ 27 ก.ค. เรื่องมันเกิดแบบนี้ เราจะเอาลูกออก รองผอ.พูดว่าเหตุแบบนี้เกิดที่โรงเรียน ทำไมลูกไม่มาบอกที่โรงเรียน ทำไมคุณแม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ที่สอง เราก็บอกว่าเอาตรงๆ นะ เราไม่ไว้ใจ รอบแรกเราไปคุยกับท่าน
ณ วันนั้นลูกเราก็โดนแล้ว ถ้าเราไปคุย เราหันหลังปุ๊บ ลูกเราอยู่ในรั้วโรงเรียน จะปลอดภัยมั้ย เราเลยไม่คุย แต่วันนี้เราจะเอาลูกออกจากโรงเรียนแล้วเราถึงคุยว่ามันเกิดเหตุการณ์แบบนี้
สายก็ตัดไป เราโทรกลับไปรอบที่ 2 ไม่ติด เราก็คาดหวังว่าเช้ามาท่านน่าจะโทรกลับมา เราไม่ได้มีการโพสต์อะไรทั้งสิ้น วันที่ 28 เราเดินทางไปแจ้งความก่อน รอจนเที่ยงไม่มีใครติดต่อมาเราถึงโพสต์เฟซบุ๊กว่ามันเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับลูกเรานะ
พอโพสต์ปุ๊บ มีคนที่ติดต่อไปหา เป็นคนตัวแทนเพจโทรไปหาผอ. เขาก็บอกว่าครับๆ จะโทรไปหาวันนี้ แต่ก็ไม่โทรอีก ข้ามไปอีกวันคือวันอาทิตย์ พอออกข่าวเที่ยงกว่า บ่ายโมงเศษๆ ท่านผอ.โทรมา เขาเหมือนไม่พอใจ ว่าทำไมคุณแม่ไม่มาคุยก่อน
จนวางหูไป ได้สักชม.นึง ท่านผอ.โทรมาหาใหม่ คราวนี้นางเสียงดี บอกว่าค่าใช้จ่ายที่คุณแม่จ่ายไปช่วงน้องบาดเจ็บเท่าไหร่ เดี๋ยวจะขอรับผิดชอบเอง เราก็บอกว่าขออนุญาตไม่รับค่ะท่าน เรื่องเงินค่าใช้จ่ายที่เสียไปรักษาน้องเราหาเองได้ และรักษาน้องได้ระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้ที่แม่ห่วงคือสภาพจิตใจของลูก”
วันนี้ที่คุณแม่เดือดร้อน ต้องการอะไร?
รชต: “ทั้งหมดทั้งมวล เรื่องมันเกิดในความรับผิดชอบของคุณ ในโรงเรียนของคุณ หนึ่งคือลูกเราไม่มีที่เรียน เพราะน้องออกระหว่างกลางเทอม น้องต้องมารอเพื่อสอบเข้าม. 1 ใหม่ ปีการศึกษา 2562 หนึ่งลูกไม่มีที่เรียน และต้องไปหาที่ซ้อมให้ลูกว่ายน้ำ ซึ่งตรงนี้มันนิดๆ แต่สภาพจิตใจลูก แม่จะเอาลูกไปพบจิตแพทย์”
ต้องการให้ผอ.รับผิดชอบ?
รชต: “เลยขีดที่จะรับผิดชอบตรงนั้นแล้ว คุณแม่ต้องการดำเนินคดี”
ได้มั้ย?
ทนาย : “คดีนี้ผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นเยาวชนกับตัวเด็กด้วยกัน ถ้าในทางกฎหมายผู้ก่อเหตุอายุไม่ถึง 15 ปี เขาก็ไม่ต้องรับโทษทางอาญา แม้เขาจะทำร้ายรุนแรงก็ตาม อย่างหนึ่งต้องยอมรับว่าทางครูฝึกสอนไม่ได้เป็นคนลงมือ โดยปกติม.ต้น ม.ปลายยังไงก็ไม่ถึง 18 ปี
ถ้าไม่ถึง 18 ต้องใช้กฎหมายเด็กและเยาวชนในการดูแล ซึ่งน้อยมาก นี่ยังไม่ได้ฟังจากปากรุ่นพี่นะ ว่าเป็นการเล่นกันหรือทำร้ายร่างกาย หรือเป็นประเพณีซ้อมเด็กอยู่แล้ว ทุกอย่างก็ต้องมีคำตอบ ทางผู้อำนวยการโรงเรียนต้องตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพื่อจะได้มีคำตอบให้ทางผู้ปกครองเขา ต้องบอกว่าเด็กอยู่ในความดูแลของโรงเรียน
เมื่อเด็กเกิดอาการเจ็บขึ้น ทางโรงเรียนในฐานะผู้ดูแลเด็ก ต้องรับผิดชอบ ค่าเสียหาย ค่ารักษาพยาบาล ต้องชดใช้ให้คุณแม่เขา แต่เข้าใจว่าวันนี้คุณแม่คงเสียใจ เพราะทางโรงเรียนนิ่งเฉยมาตลอด ในทางคดี ลูกชายเขาโดนเตะ คนเตะก็อาจจะต้องถูกดำเนินคดี เพียงแต่ว่าอาจไมได้ถูกลงโทษทางอาญา แต่ไม่ใช่ว่านิ่งเฉย”
ที่บอกว่าจะไปร้องทางผู้ว่าฯ?
รชต: “จะไปร้องขอความอนุเคราะห์จากท่าน ลูกจะเสียเวลา 1 ปีในการหาที่เรียน แม่รู้สึกว่าลูกเสียโอกาสจากเหตุการณ์นี้”
มีโอกาสคุยกันได้มั้ย?
รชต: “ลูกมีอาการหวาดกลัว เมื่อคืนนี้นั่งคุยกัน บอกว่าตอนนี้โรงเรียนวิชาสามัญยังค้างอยู่ 2 เดือนเพื่อปิดเทอม ระหว่างนี้คุณแม่จะไปส่งลูกและรอรับกลับทุกวัน 70 กว่าโล ลูกพูดมาคำนึงว่าแม่จะเฝ้าหนูมั้ย”
ทนาย : “เด็กกลัว”
รชต: “ลูกพูดมาทันที ก็บอกว่าจะเฝ้าอยู่ในโรงเรียนและกลับมาพร้อมกัน”
แม่รู้สึกว่าทำไมความปลอดภัยในโรงเรียนไม่มี?
รชต:”ลูกเข้าไปในรั้วนั้นและบาดเจ็บครั้งที่ 1 และเอาลูกไปเจ็บครั้งที่ 2 อีก”
อยากบอกอะไร?
รชต: “พี่คนที่ทำน้องบีม ถามว่าจะเอาเรื่องมั้ย ในใจไม่ประสงค์เอาเรื่อง แต่ขอให้หนูติดต่อมาพร้อมคุณพ่อคุณแม่ มาคุยกันลูก ขอโทษน้องแล้วให้หนูรับรู้ว่าสิ่งที่หนูทำมันไม่ถูกต้องก็คือจบ แต่ในโรงเรียนนี้ผู้ดูแลลูกทุกคน เหตุใดน้องเกิดรอบแรก อยู่ในร่มผ้าไม่เห็น ไม่ว่า แต่รอบสอง ไหล่เห็นแล้วก็ถามสิ ว่าเกิดอะไร ไม่ใช่ทิ้งสิ ไม่ใช่ให้ลูกกลับมาถึงบ้าน สังเกตแล้วเห็นด้วยตัวเอง”
ยังไงก็ไม่กลับไปแล้ว?
รชต: “ไม่กลับ ไม่เอาแล้วค่ะ”
เรื่องนี้ต้องตั้งโต๊ะแถลงหรือยังไง ?
ทนาย : “ก็ต้องอธิบายให้ทางผู้ปกครองเขาเข้าใจว่าเกิดอะไรข้น มันไม่ใช่แค่โรงเรียนนี้นะ มีผู้ปกครองติดต่อมาหาผม แต่เรามองว่ามันไม่ใช่แผลใหญ่โต"
เมดฮับ นิวส์ medhubnews.com
เว็บไซต์ข่าวสุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ วาไรตี้ ฯลฯ
ติดตามข่าวสารจาก medhubnews.com ได้จาก Facebook : sasook ของเรา
05 มกราคม 2562
ผู้ชม 1924 ครั้ง