เปิดใจ “ปริมระตา" แอลวาคลินิก โดน "โอ ศัลยกรรม" รุมตบทั้งๆ ช่วยเรื่องงาน
เปิดใจ “ปริมระตา" แอลวาคลินิก โดน "โอ ศัลยกรรม" รุมตบทั้งๆ ช่วยเรื่องงาน
MED HUB NEWS - หลังจากที่เรานำเสนอข่าวดัง เป็นคลิปที่ได้รับการแชร์ในโลกออนไลน์ เมื่อ สาวสวย ปริมระตา ใจสุข เจ้าของคลินิกเสริมความงามแอลวา โพสต์คลิปและภาพนิ่ง
โดนผู้หญิงคู่กรณี ทราบภายหลังว่า ชื่อ "โอ ศัลยกรรม" เจ้าของ ธิดารัตน์คลินิก ดูแลผิวพรรณ ปรับรูปหน้า รักษาสิวฝ้า หน้าใส พร้อมกับพวก มารุมทำร้ายร่างกายในวันที่เปิดคลินิก ซึ่งเธอระบุว่ามีทั้งผู้ชายผู้หญิง จำนวน 8 คน เข้ามารุมทำร้ายร่างกาย กระชากเสื้อผ้า
กลายเป็นเรื่องราวสนั่นโซเชียล ล่าสุด medhubnews.com เว็บไซต์สุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยว วาไรตี้ และ เพจ sasook รายงานว่าโหนกระแส วันที่ 27 ส.ค.งช่อง 28
ได้เปิดใจสัมภาษณ์ “คุณปริมปริมระตา ใจสุข” เจ้าของคลินิก และ “คุณโอ” คู่กรณี พร้อมด้วย “ฟิล์ม” มือตบอีกคน ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
คุณปริมอายุเท่าไหร่?
ปริม: “30 ปีค่ะ ตอนนี้มีโรงงานน้ำดื่ม โรงงานเสื้อยืด และเพิ่งมาเปิดคลินิก”
อาการคุณเป็นยังไง?
ปริม: “ข้อมือซ้นและช้ำที่แขน และบ่า หัวโน ถ้าเป็นแผลถลอก สะโพกจะเยอะที่สุด”
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือวันเปิดคลินิก?
ปริม: “ใช่ค่ะ จริงๆ คลินิกเปิดแต่ไม่ได้เปิดให้การรักษา เปิดทำทรีทเม้นต์ แต่วันนั้น 23 ส.ค. เราประกาศออกไปว่าคุณหมอจะเข้าให้การรักษา มาฉีดมาอะไรได้”
เรื่องราวเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณโอมาทำร้ายคุณ?
ปริม: “คือตอน 5 โมงเย็น เรามีลูกค้าเข้าร้านแล้ว ค่อนข้างเยอะ มีลูกค้ามารอคิวที่จะพบคุณหมอ ก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา เนเสียงแจ๊ดๆ โทรมาด่าเลย ไม่ได้ตั้งใจที่จะสอบถามคนที่โทรปริมไม่รู้จัก แต่เพิ่งจะรู้ว่าเขาเป็นใคร”
กับคุณโอคุณรู้จัก ?
ปริม: “ใช่ค่ะ โอเขาเป็นเซลล์ของคลินิกศัลยกรรมที่นึงที่ปริมไปใช้บริการเจอกัน 4 ครั้ง ในรอบ 2 ปี วันนึงโอก็โทรหาปริมว่าเขาจะลาออกจากที่ทำงาน จะไปขายเสื้อยืดให้ปริมได้มั้ย ปริมก็ถามว่าทำไมจะมาขายเสื้อยืด
เขาบอกว่าเขาติดสัญญาข้อนึงถ้าออกแล้วห้ามไปทำซ้ำ ซึ่งเราก็ว่ามันไม่แฟร์ เราดูแลให้มั้ย เดี๋ยวเราให้ทนายเราไปดูแล เพราะไม่เป็นธรรม
เหมือนคนขายหมูปิ้งแล้วจะให้ไปขายอะไร เราอยากจีบเขาด้วย เขามีประสบการณ์ที่เราชอบ ก็เลยบอกว่าเรามาดูแลด้วยกันมั้ย
เราลงทุนเธอก็เหมือนดูแลลูกค้า เราให้หุ้นเธอ 25 เปอร์เซ็นต์ ถ้าหนึ่งปีเราคืนทุน เราจะเปลี่ยนให้เธอเป็น 40-60”
เขาบอกคุณหลอกให้เขาออกมา?
ปริม: “ไม่ใช่ค่ะ เขาไม่ได้พูดว่าปริมหลอก สื่อตีความไปผิด เขาจะพูดว่าเขาโทรมาปรึกษาปริมว่าเขาจะออกจากที่ทำงาน เพราะเจ้านายเก่าเขาหาว่าเขาร่วมกันทุจริตแต่เขาไม่ได้ทำ เขาไม่พอใจว่าเจ้านายมาเปลี่ยนกฎ
แต่แรกเริ่มเจ้านายให้ลูกค้าโอนเงินจองกับเซลล์ได้เลย แต่พอมีการเกิดทุจริตในทีมเกิดขึ้นเจ้านายก็เปลี่ยนว่าให้โอนเงินจองทั้งหมดเข้าคลินิก”
คุณให้เขา 25 เปอร์เซ็นต์ ตัวคุณ 75 เปอร์เซ็นต์ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเกิดอะไรขึ้น?
ปริม: “ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างดำเนินมาแบบนั้น ร่วมกันทำมาตลอด ปริมลงทุนทั้งหมด”
เหมือนเขาถือหุ้นลม?
ปริม: “ค่ะ เอาประสบการณ์ความสามารถมาใช้ ทุกอย่างโอเค ดี ปริมเป็นนางฟ้า เป็นผู้ให้ตลอด แต่พอวันคลินิกปิดงบ ทุกอย่างพร้อมเปิด โอเดินมาหาปริม บอกว่าเราไม่ชอบทุกอย่างที่เป็นปริม
ไม่อยากให้ปริมเข้ามาบริหาร ไม่ชอบการตกแต่ง ไม่ชอบเคาท์เตอร์ ไม่ชอบผนัง ไม่ชอบทุกอย่าง เราอึดอัด ปริมก็ถามว่าแล้วจะเอายังไง
เขาก็บอกว่าปริมให้หุ้นเรา 25 เปอร์เซ็นต์ ให้เราบริหารได้มั้ยเราก็คิดว่าทำไมเธอคิดอย่างนั้น เธอทำเป็นเหรอ ก็ปริมยังทำคอลลาเจนเจ๊งเลย
ทำไมไม่ให้เราบริหาร เราก็บอกว่าเฮ้ย คอลลาเจนเจ๊งเป็นสิ่งที่เราเล่าให้เธอฟังนะ เราเล่าขำๆ ไม่ได้อายว่าต้องเป็นความลับ
เราแค่สต็อกของไว้เยอะ เราขายไม่หมด เราก็เลยบอกว่าเจ๊ง แค่นี้ แต่ตัวปริมเองมีโรงงานเสื้อยืด โรงงานน้ำดื่มซึ่งปริมบริหารเอง
ปริมไม่เคยเรียนด้านบริหารมาแต่ก็ทำให้มันอยู่รอดได้ การบริหารไม่ใช่แค่อยากจะทำ แล้วมีลูกค้าแล้วบริหารได้ มีเรื่องระบบ มีเรื่องประสานงาน ติดต่อ มีเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับทั้งหมดเธอทำได้มั้ย เขาก็อึ้งไปนิดนึงแล้วบอกว่าขอไปปรึกษาพี่ราม ซึ่งเป็นสามีเขาก่อน”
เงินลงทุนได้ทำสัญญามั้ย
ปริม: “มีค่ะ ถ้าปริมได้ผลประกอบการจะเปลี่ยนเป็น 60-40 ยังไม่ได้เซ็น แต่โอเห็นสัญญานี้ตลอด มีการปรับปรุง แก้ไขจนเป็นที่พอใจของเขา เพราะทุกครั้งที่มีสัญญา เสมียนปริมจะอ่านสัญญาให้โอฟัง ไม่พอใจก็แก้ แล้วพิมพ์ใหม่”
ปัญหาเกิดอะไร?
ปริม: “พี่รามเขาได้โทรมาคุยกับปริม โทรมาต่อว่าทำไมจะทิ้งภาระค่าใช้จ่าย แค่ขอบริหาร มึงก็ทำไปสิ เป็นคำพูดไม่ดี คุกคามหยาบคาย พูดด้วยวาจาที่กระแทก พูดไม่ดี พูดคำหยาบ
พี่รามโทรมาแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้โอเขาไม่พอใจเรื่องสัญญาเพิ่มเติมระหว่างปริมกับโอ ข้อนึงโอทำงานไม่มีวันหยุด แต่ปริมไม่มีวันทำงานตายตัว ถ้าโอจะหยุดวันไหนต้องแจ้งล่วงหน้า แล้วปริมจะเข้าไปดูแลแทน ไม่สามารถหยุดติดกันเกิน 3วัน”
วันตบกันเกิดอะไรขึ้น?
ปริม: “วันเกิดเหตุมีคนของเขาโทรเข้าคลินิกมาด่าปริมเสียหาย ว่าปริมส่งคนไปสืบราคาและโปรโมชั่นกับคลินิกเขา ซึ่งปริมพยายามชี้แจงว่าไม่จริง
ปริมไม่ได้ทำ มากล่าวหาปริม ลูกค้าคนที่เขากล่าวหาว่าเป็นสายสืบที่ปริมส่งไป ยังอยู่ในคลินิกทุกคน ปริมมั่นใจว่าเขาดูจากเฟซบุ๊กปริมเพราะลงในเฟซบุ๊กให้รู้ว่าเรามีลูกค้า
พอปริมลงรูปปุ๊บโทรศัพท์มาเลย บอกว่าไอ้คนที่นั่งข้างๆ มึง มึงส่งมาทำไม ด่าอี ด่าเ-ย ด่าสารพัด โทรมาสร้างความวุ่นวายก่อกวนในวันที่ปริมเปิดร้านวันแรก ซึ่งปริมมั่นใจว่าปริมไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น
แล้วลูกค้าปริมก็ยังอยู่ครบ ปริมเลยบอกว่าให้เข้ามาดูเลยก็ได้ ปริมยินดีให้ตรวจสอบว่าลูกค้าคนไหนคือคนที่คุณหมายถึง”
เขามามั้ย?
ปริม: “เขามาตอนที่ปริมส่งคุณหมอกลับไป และเรียกประชุมงาน ปิดงานในวันนั้น ก็บอกว่าให้รอแป๊บนึง เขาก็ตะโกนให้ออกมา ปริมก็อาย”
รู้จักทุกคนมั้ย?
ปริม: “รู้จักโอคนเดียว ไอ้สามคนที่มาด้วยกับโอ เคยมาสัมภาษณ์งานตอนเปิดคลินิกครั้งเก่า เขาเป็นน้องของโอนี่แหละ แต่ไม่เคยรู้จักส่วนตัว เคยเจอในวันสัมภาษณ์งาน ปริมไม่ได้ตั้งรับว่าจะตัวเองจะต้องโดนอะไรแบบนี้”
สุดท้ายคือฝั่งเขาและคุณทำงานร่วมกันต่อมั้ย?
ปริม: “ไม่ได้ทำค่ะ เพราะคลินิกปิดไปแล้ว โอไปเปิดคลินิกใหม่ และปริมคิดว่าไม่มีอะไรแล้ว ปริมเลยมาเปิดของตัวเองอีกที่นึง ไม่ได้เปิดใกล้กันมาก เขาเปิดก่อน”
มีแหล่งข่าวว่าคุณส่งสปายเข้าไปดู?
ปริม: “ไม่ใช่ค่ะ ปริมต้อนรับลูกค้าอยู่ในวันแรกที่เปิดคลินิก ปริมถ่ายรูปกับลูกค้าลงเฟซบุ๊ก พอลงปุ๊บก็มีโทรศัพท์มาต่อว่าปริม ว่าคนที่อยู่ข้างๆ ปริมเป็นคนที่สอบถามราคาเขา ก็ชี้แจงว่าไม่ใช่ ให้มาตรวจสอบได้เลย เขามาตอนกลางคืนซึ่งลูกค้ากลับไปหมดแล้ว”
คุณโอ สรุปคุณไปตบเขา?
โอ : “ใช่ค่ะ”
วันนั้นคุณเปิดร้านของคุณเอง ทางนี้ส่งสปายไปสืบจริงมั้ย?
โอ : “อันนี้โอไม่ทราบค่ะว่าเขาส่งมาสืบจริงหรือเปล่า เป็นทางพนักงานได้บอกกับโอไว้ค่ะ แต่ตัวโอไม่ทราบในเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เลยค่ะ พนักงานเป็นผู้หญิงอีกคนนึงค่ะ เขาได้บอกเรา บอกว่าพี่โอมีคนนึงเข้ามาถามโปรโมชั่นถามเยอะมากๆ เลย
ระหว่างที่พนักงานคนนั้นขออนุญาตดูไอแพดจะกดเข้าไปกดถูกใจให้ ระหว่างนั้นปริมได้ไลน์เข้ามาหาลูกค้าคนนั้นว่าถึงหรือยัง อันนั้นพนักงานบอกกับโอ ไลน์เด้งมาหน้าไอแพดว่าถึงหรือยัง”
ปริม: “ชื่อว่าอะไร”
โอ : “โอไม่ทราบค่ะ”
ทำไมพนักงานรู้ว่าเป็นปริม?
โอ : “เขาบอกว่าชื่อปริมขึ้นมาค่ะ ไม่รู้ไลน์หรือแชต หรือเฟซบุ๊กไลน์มาว่าถึงหรือยัง
ทางคุณปริมว่าไง?
ปริม: “ไลน์ปริมไม่ได้ชื่อปริม ชื่อสู้เพื่อลูก”
เป็นไปได้มั้ยอีกฝ่ายเซฟชื่อคุณว่าปริม?
ปริม: “อันนี้ไม่รู้ค่ะ”
กรณีนี้ทำไมคุณโอเดือดถึงขนาดบุกไปหาเขาที่ร้าน?
โอ : “เขาโทรเข้ามาหาโอค่ะ ตอนสองทุ่มสามนาที คุยกันประมาณหกนาที ว่าทำไมเธอให้พนักงานมาด่าเรา เราก็บอกว่าเราเหรอ เราให้โทรไปเหรอ เขาให้เราไปเคลียร์ดีกว่า เราเลยออกไปจริง
โดยไม่ได้ตั้งตัวอะไรทั้งสิ้นเพราะเราจะนอนอยู่แล้ว ระหว่างนั้นเราอยู่ที่บ้าน ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย เราไปหาเขาถึงที่คลินิก เราไปเคาะประตุเรียกเขา ไม่ได้ไปพูดไม่ดี”
เขาบอกคุณโวยวายหน้าร้าน?
โอ : “ไม่จริงค่ะ โอพูดดีกับปริมทุกอย่างค่ะ”
การที่คุณไปจิกหัวเขาเกิดอะไรขึ้น?
โอ : “เกิดจากที่เขายั่ว เหยียดหยามเรามานานมากแล้ว เช่นใครให้เธอออกจากงาน ใครไปขโมยความรู้ของเธอ ซึ่งเรารับไม่ได้ เพราะถ้าไม่มีเรา เธอก็ทำคลินิกไม่เป็นเลย เพราะเธอไม่ได้มีพื้นฐานตรงนี้มา เราไม่ได้เก่งนะคะ แต่เราให้คนที่เคยทำคลินิกกับเรา มาร่วมทำ ถึงสำเร็จ”
คุณจะบอกว่าคุณปริมขอให้คุณออกจากงานเหรอ?
โอ : “ใช่ค่ะ เขาเป็นฝ่ายโทรหาโอค่ะ”
ทางคุณปริมบอกว่าคุณจะลาออกเอง ปริมเลยไปจีบเขามา?
โอ : “โอพูดหลังจากนั้นค่ะ เพราะโอจะให้หลานโอไปขายเสื้อ แต่ตัวโอไม่คิดจะไปขายเสื้ออยู่แล้ว โอจะให้หลานไปขายเสื้อ”
คุณปริมขอให้คุณออกมา?
โอ : “ปริมไม่เชิงขอ แต่ปริมโทรมาและชักชวนโอถึง 3 ครั้ง เขาก็บอกว่าทำไมล่ะ เดี๋ยวเปิดคลินิกให้เอามั้ย มันมีโอกาสเจริญก้าวหน้า เราก็ไป เพราะโอคิดว่าต้องเจริญก้าวหน้า”
ปริม: “พอเขาโทรมาบอกเรื่องปัญหาที่เขาจะออก ปริมก็เลยเอาตรงนี้ไปจีบเขา”
แล้วพูดมั้ยออกมาสิเดี๋ยวมาเปิดคลินิกให้?
ปริม: “ก็เขาบอกว่าเขาจะออกจากที่ทำงานมาขายเสื้อยืดปริมได้มั้ย ถ้าเกิดไม่บอกว่าจะออก แล้วเราจะพูดเรื่องติดสัญญาห้ามไปทำซ้ำแบบนั้นได้ยังไง”
โอ : “ไม่จริงอย่างที่เขากล่าวหา เขาโทรหาโอเองสามครั้งค่ะ มีรายละเอียดลึกๆ อีกหลายอย่างค่ะ”
คุณบันดาลโทสะยังไง ถึงไปจิกเขาก่อน?
โอ : “มันเป็นปมในใจค่ะ ตลอดระยะเวลาสามเดือนเราทำงานให้เขาเต็มที่หมดทุกอย่าง สุดท้ายมาลอยแพ ตรงนั้นเป็นต้นเหตุอยู่แล้ว วันนั้นเขาพูดว่าใครไปขโมยความรู้เธอ ซึ่งเราทนไม่ได้ค่ะ เขาไม่ได้ใช่คำพูดที่หยาบคาบ เขามีฝีปากที่ดีค่ะ ยอมรับ วุฒิภาวะโอสู้เขาไม่ได้แน่นอนค่ะ”
เลยใช้มือสู้เลย?
โอ : “ใช่ค่ะ ยอมรับตรงนี้ และขอโทษจริงๆ จุดนี้ที่เราทำ แต่ประเด็นที่เขาบอกว่ามีผู้ชายไปรุม 8-9 คนไม่มีเลยค่ะ”
ปริม: “มีผู้ชายค่ะ รวมแล้ว 8 คน ทั้งหญิงและชาย”
โอ : “ผู้ชายมีแค่คนเดียวคือแฟนคนที่ท้อง และไม่ได้รุมทำร้ายคุณปริมอย่างที่คุณปริมกล่าวหา ผู้หญิงมีแค่ 4 คนค่ะ นอกนั้นเป็นฝั่งเขาค่ะ”
วันนั้นที่มีทะเลาะกันยืนยันว่ามีผู้ชายคนเดียว?
โอ : “ไม่มีการรุมค่ะ เพราะโอเป็นคนกอดผู้ชายใส่เสื้อกันน็อกว่าอย่าไปทำแฟนเขา ห้ามไว้ ยืนยันค่ะ”
แต่ในภาพทำไมเหมือนไปรุมเขา?
โอ :“อันนั้นเป็นภาพผู้หญิง มีฝั่งเขาและฝั่งเราค่ะ ผู้ชายเสื้อแดงก็ฝั่งเขาค่ะ”
ปริม: “ผู้ชายเสื้อแดง เป็นแฟนน้องพนักงานที่มาตอนหลังแล้วไม่ได้อยู่ตอนเกิดเหตุ ไม่ใช่คนของปริมค่ะ เป็นแฟนพนักงาน”
โอ : “รุมทำร้ายใครคะ”
ปริม: “รุมทำร้ายคือ ไม่จำเป็นต้องมาทำปริมทั้งหมดสี่คนในครั้งเดียว แต่แวะเวียนมาที่วงของปริม”
โอ : “ไม่จริงค่ะ ตามคลิปเลยค่ะ ไม่มีผู้ชายคนไหนไปแวะเวียนทำอะไรเขาเลยค่ะ แต่หัวข้อที่เขาพาดพิงคือเขาโดนรุมทำร้าย 8-9 คน โดนผู้ชายลากไปกระทืบ 8-9 คนในไลฟ์สด ดูตามคลิปเลยค่ะ คนใส่หมวกกันน็อกเป็นคนเดียวที่โอรู้จัก นอกนั้นโอไม่รู้เลยว่าเป็นใคร แล้วเขาอยู่ในละแวกนั้นหรือเปล่า”
ยืนยันไม่ใช่คนของคุณ?
โอ : “ไม่ใช่แน่นอนค่ะ”
ฟิล์ม : “ไม่ใช่ค่ะ มากันแค่ 4 คน และผู้ชายอีกคนใส่หมวกกันน็อก”
5คนรุมทำร้ายเขามั้ย?
ฟิล์ม: “ไม่ได้รุมค่ะ หนูตบกับเขาตัวต่อตัว แต่ที่เห็นเยอะๆ พนักงานของเขาทั้งหมด”
ปริม: “แล้วปริมได้ตบหรือเปล่าคะ ตัวต่อตัว”
ฟิล์ม: “ก็มีรอยจิกค่ะ ก็สู้เหมือนกันค่ะ”
เขาก็ต้องสู้มั้ย?
ฟิล์ม :“ใช่ค่ะ ก็ตัวต่อตัว”
ปริม: “แล้วตัวต่อตัว ปริมสมัครใจหรือเปล่าคะ”
ฟิล์ม : “พี่โอกับหนูมีแผนในใจมาก่อนแล้ว พี่โอกระชาก แต่หนูบอกว่าพี่โอไม่ต้อง เดี๋ยวกูเอง หนูก็เลยกระชากมาตบตัวต่อตัว ไม่มีการรุมแต่อย่างใดค่ะ”
ปริม: “แผนในใจคืออะไร”
ฟิล์ม: “ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา เราทำงานกับเขา ทำความสะอาดรวมถึงแบกของ ไปกระทรวง เหนื่อยกับพี่โอ ไม่ได้เงินสักบาทเลย”
ปริม: “แล้วเราจ้างคุณเหรอคะ”
ฟิล์ม : “ก็คือช่วยกันมา ไหนๆ ไม่ได้เงิน ก็ยอมที่จะรีบเปิดเพื่อให้ลูกค้าเข้ามาเร็วๆ”
เขาบอกว่าเขาไม่ได้รู้จักคุณนะ?
ฟิล์ม : “จะไม่รู้จักได้ไง คุณเคยสัมภาษณ์งาน และคุยกัน เจอกันหลายครั้งแล้วค่ะ”
ปริม: “อันนี้คือน้องมาช่วงทางโอ ทางปริมมีคนมาช่วยไม่เห็นต้องเอามาพูดเลย”
คุณอยากจะพูดอะไร?
โอ : “ที่โอจิกผมก็ยอมรับว่าผิด และขอโทษ แต่มันเป็นปมในใจจริงๆ ที่เขามายั่วเรา กล้องจะไม่เห็นอีกมุมตอนเขายั่ว กล้องเห็นแค่มุมที่เรากระชาก อันนี้ขอโทษค่ะ”
คุณปริมว่าไง?
ปริม: “ก็แจ้งความแล้วค่ะ”
โอ : “ก็แจ้งความดำเนินคดี โอก็ไปรับสารภาพทำร้ายเรียบร้อย 2 คน นอกนั้นไม่เกี่ยวข้องค่ะ”
ปริม: “ปริมจะบอกว่าปริมไม่ได้มีปัญหากับคำขอโทษของคุณนะ แต่คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับใครนะคะ (ร้องไห้) ปริมไม่เคยคิดจะทำอะไรแบบนี้กับใครด้วยซ้ำ”
โอ : “โอก็ไม่ได้คิดที่จะทำร้ายค่ะ คือเลี่ยงแล้วจริงๆ แต่มีใครถามโอบ้างว่าเราเจออะไรมาบ้าง ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่เราอึดอัด (เสียงเครือ) อยู่ดีๆ เรามาโดนลอยแพ ใครมาถามโอมั้ย ยังไม่มีใครมาถามโอเลย”
เมดฮับ นิวส์ medhubnews.com
เว็บไซต์ข่าวสุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ วาไรตี้ ฯลฯ
ติดตามข่าวสารจาก medhubnews.com ได้จาก Facebook : sasook ของเรา
10 ธันวาคม 2561
ผู้ชม 10697 ครั้ง