ล้มทั้งครอบครัว "แม่น้องเต้" เมียชายโดดตึกศาลร่ำไห้สูญเสีย 4 ศพ แพ้ไม่อยากอยู่แล้ว
ล้มทั้งครอบครัว "แม่น้องเต้" เมียชายโดดตึกศาลร่ำไห้สูญเสีย 4 ศพ แพ้ไม่อยากอยู่แล้ว
MED HUB NEWS - จากเหตุการณ์สลดใจ “นายศุภชัย ทัฬหสุนทร” กระโดดศาลอาญาเสียชีวิต เสียใจที่ลูกชาย “น้องเต้” ถูกแทงเสียชีวิต ศาลชั้นต้นตัดสินยกฟ้อง ล่าสุดพ่อนายศุภชัยเสียชีวิตตามไปอีกคน เหตุตรอมใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เว็บไซต์ medhubnews.com ข่าวสุขภาพ และ เพจ sasook รายงานว่า โหนกระแส ช่อง 28 ได้เปิดใจสัมภาษณ์ “เรวดี ทัฬหสุนทร” ภรรยาและคุณแม่น้องเต้ “อนันต์ชัย ไชยเดช” ทนายความ
คุณปู่น้องเต้เสียชีวิต ในวันที่ 25 ส.ค. เป็นวันเกิดคุณศุภชัย ?
เรวดี : “ใช่ค่ะ ท่านไม่สบายอยู่แล้ว พอท่านได้รับข่าวว่าลูกชายเสียชีวิตจากการกระโดดตึก อาการก็ทรุดลง บ่นกับลูกชายคนเล็ก เขาไปทำเรื่องประกันสังคมของพ่อ ท่านก็บอกว่าปู่อยากตายตามลูกไม่อยากอยู่แล้ว”
สี่คนแล้วที่เสียชีวิต คนแรกคือน้องเต้ ตามด้วยเพื่อนน้องเต้ ที่ถูกยิงในงานศพเต้ แต่ไม่เป็นข่าว จับผู้ร้ายไม่ได้ ตามด้วยคุณศุภชัยที่กระโดดตึกศาลอาญาเสียชีวิต ล่าสุดคือคุณปู่ 4 ศพแล้ว ทนายเข้ามาดูแลเรื่องนี้ได้ยังไง?
อนันต์ชัย : “ทางคุณศุภชัย แกไปดูผมว่าความคดเด็กโจ๋ฆ่าคนพิการเกือบทุกนัด แกก็ไปถามวิธีการสืบพยาน แกก็ไปนั่งฟังการพิจารณาคดีตั้งแต่เช้าจนเย็น
แกคุยกับผมว่าลูกแกถูกคนร้ายแทงตายเมื่อวันที่ 15 เม.ย. ปี 59 ห่างจากชายพิการ 15 วัน แกอยากมาดูคดีนี้เป็นแนวทางในการต่อสู้คดีของลูกแก
แกบอกว่าแกเป็นวิศวกร แกลาออกจากงานมาหาพยานหลักฐานเอง ตำรวจไม่ให้ความร่วมมือ แกมาดูคดีนี้เผื่อเป็นแนวทางในการต่อสู้คดีของแก”
สุดท้ายไปหาหลักฐานเอง กล้องวงจรปิด สอบถามคนละแวกนั้น หลังจากนั้นคุณศุภชัยนำหลักฐานมอบให้ตำรวจ นำเข้าสู่กระบวนการ?
อนันต์ชัย : “แกมีความพยายามมากนะ กล้องวงจรปิดเดินตามเวลามัน แกก็พูดเป็นช็อตๆ บางทีแกเอากล้องส่องขยายมาดูภาพด้วย มาดูในคลิป และในภาพนิ่งด้วย แกก็เขียนมาเป็นระยะเวลาละเอียดมาก”
คนชื่อโจ้บอกว่าไม่ได้เป็นคนแทง คนแทงคือเบนซ์ แล้วทำไมพี่อนันต์ชัยมาดูแลเรื่องนี้?
อนันต์ชัย: “ผมได้ดูคำให้การคุณตง คุณตงให้การชัดเจนว่าเห็นคุณโจ้ใช้อาวุธมืดแทงหลายครั้ง อยู่ในชั้นสอบสวน ว่าเห็นตั้งแต่แรก แทงหลายครั้ง ระยะเวลาที่เกิดเหตุ 22.00 น. หลังจากที่มีการเสนอข่าวนี้ ปรากฏว่านายโจ้ก็ออกมาแถลงข่าว
บางช่วงบางตอนบอกว่าป้าแหม่มเห็นเหตุการณ์ด้วย ปรากฏว่าหลังจากนั้นพนักงานสอบสวนมีการรวบรวมพยานหลักฐานใหม่ ดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ปรากฏว่ามีประจักษ์พยานถึง 3 ปาก
นอกจากนายตงที่เห็นเหตุการณ์นี้ หนึ่งในนั้นคือป้าแหม่ม และผู้ชายอีก 2 คน พยาน 3 ปากนี้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตอนนั้นพนักงานสอบสวนไม่เอามา แต่พอเกิดเรื่องเกิดราว พยานกลับโผล่ขึ้นมาว่าเห็นเหตุการณ์ พยาน 3 ปากนี้เป็นพยานนอกสำนวนการสอบสวน เราจึงไม่สามารถนำพยาน 3 ปากนี้มาพิจารณาใหม่ได้”
ทำไมคุณแม่ทราบเรื่องนี้?
เรวดี : “โฟล์กกับฟลุคเป็นเพื่อนของเต้ เขาบอกว่าโจ้เอาปืนมาจ่อหัวเต้ด้วย เขาก็กราบโจ้ขอร้องไม่ให้ทำเต้”
ไม่ได้ไปกล่าวหาเหรอ?
อนันต์ชัย: “คุณเรวดีได้รับการบอกเล่าจากคุณโฟล์กตั้งแต่ตอนแรก”
คุณแม่ยืนยันว่าเป็นใคร ?
เรวดี : “นายโจ้ นี่แหละค่ะที่ทำเต้ ออกมายอมรับความจริงเหอะ ถ้าคิดว่าเป็นลูกผู้ชายอยู่ (ร้องไห้)”
แม่ทราบใช่มั้ยทางโจ้และแฟนเขาตั้งโต๊ะแถลง?
เรวดี : “ทราบค่ะ เขาปฏิเสธแก้ตัวยังไงก็ได้ แต่รู้อยู่แก่ใจว่าได้ทำเต้”
แม่ไม่คิดว่าเป็นเบนซ์?
เรวดี : “ไม่ค่ะ เบนซ์รูปร่างเล็กขนาดนั้นจะทำได้ยังไง โจ้รูปร่างใหญ่ๆ พอกับเต้เขาเอาปืนมาจ่อหัวเต้ด้วย(สะอื้น)”
ตงเป็นพยานปากสำคัญ ตงเคยจะไปขึ้นศาลแล้วสุดท้ายบอกไม่ไป เนื่องจากป่วยเป็นโรคจิต ล่าสุดคุณพ่อตงเดินทางมาหาพี่อนันต์ชัย?
อนันต์ชัย : “เมื่อวานนี้เองครับ เขาโทรมาหาผมก่อน บอกว่าขอคุยกับผม ทางสำนักงานก็ถามว่าชื่ออะไรเขาก็ไมยอมบอก จนมาบอกว่าเป็นพ่อน้องตง แล้วก็บอกว่าผมเข้าใจผิด ตงไม่รู้เรืองเลย แล้วเขาก็บุกมาสำนักงาน ว่าผมเข้าใจผิด ตงไม่รู้เรื่องเลย เขาบอกว่าเขาไม่เห็นเหตุการณ์ แต่จากการได้ดูคำให้การสอบสวนของนายตง เขาระบุชัดเจนว่านายโจ้ใช้อาวุธมีดแทง
เป็นเหตุการณ์วันที่ 15 16 เขาให้การเลย เป็นเหตุการณ์กระชั้นชิด ถ้าไม่เห็นเหตุการณ์ นายตงจะมาให้การพนักงานสอบสวนในเวลากระชั้นชิดได้อย่างไร ที่สำคัญพ่อของนายตง ไม่ได้เป็นนายตง จะพูดยังไงก็ได้
เขาบอกว่าปกติลูกเขาเวลาปกติจะไม่มีปัญหา แต่เวลาเครียดเขาจะจิตไม่ปกติ ลนไปหมด ถ้าพูดแหย่อะไรก็สติแตก ซึ่งเรื่องนี้ผมได้คุยกับพนักงานสอบสวนที่จัดตั้งขึ้นมาท่าน ก็ได้ไปคุยกับแพทย์ที่รักษาอาการนายตงอยู่
เขาบอกนายตงไม่ได้บ้านะ อาการถ้ามียารับประทานสามารถพูดคุยได้รู้เรื่อง แต่เวลามาขึ้นศาลจะจิตไม่ปกติ ต้องค่อยๆ คุย ซึ่งถามว่าสามารถเป็นพยานได้มั้ย หมอยินดีมาให้การในชั้นศาล ว่าถ้าหากจะให้หมอมาพูดถึงสภาพจิตใจนายตง หมอก็ยินดีนะ”
เอาเรื่องนี้เข้าสู่ไปสำนวนของอุทธรณ์ ?
อนันต์ชัย : “ถ้าหากศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังมีพยานหลักฐานที่จะสืบพยานเพิ่มเติมก็สามารถสืบได้ ณ ตอนนี้พยานหลักฐานที่อยู่ในสำนวนคนเดียวที่ไม่ได้มาสืบคือนายตง ซึ่งเป็นประจักษ์พยาน มีอยู่ทางเดียวต้องยื่นอุทธรณ์ ยื่นคำร้องขอต่อศาลอุทธรณ์ ให้สืบพยานนายตงเพิ่มเติม ในประเด็นเป็นประจักษ์พยาน ประกอบคำให้การในชั้นสอบสวน”
ในชั้นสอบสวนนายตงบอกว่านายโจ้ใช้ปืนจ่อหัวมั้ย ?
อนันต์ชัย : “อันนี้เอามาจากคำให้การนายตง เรื่องอาวุธปืนไม่มี”
แม่ได้ยินมาจากไหน ?
เรวดี: “โฟล์กเล่าให้ฟังค่ะ แม่กราบเท้าเขาเลยค่ะว่าให้พูดความจริง (ร้องไห้) บอกว่าให้พูดความจริงนะ โฟล์กช่วยแม่ด้วย อย่าให้เต้ตายฟรีนะไม่งั้นแม่จะกระโดดตึกตาย กราบเท้าเขาจริงๆ”
แม่ติดใจเรื่องเสื้อผ้าน้องเต้?
อนันต์ชัย : “ที่จริงเสื้อผ้าก็บอกถึงวัตถุพยานได้ ถ้ามีการชกต่อยอาจพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นคนทำร้าย ซึ่งดูคำให้การคุณโจ้เขาบอกว่ามีการทะเลาะ ชกต่อยกันจริง แต่แยกออกมาแล้ว มีคุณแหม่มแยกออกมา”
เขาบอกเบนซ์ต่างหาก ที่แทง?
อนันต์ชัย : “เบนซ์บอกใช้สนับมือต่อย เขารับสารภาพว่าเอาสนับมือต่อย ขึ้นศาลเยาวชนไป”
ทางตำรวจเอาเสื้อผ้าเบนซ์ไปตรวจสอบพบดีเอ็นเอทางฝั่งโจ้ติดอยู่ แต่ไม่ได้เอาเสื้อผ้าโจ้ไปตรวจสอบ?
อนันต์ชัย : “เป็นเรื่องที่น่าสงสัย มีคดี 7 โจ๋ เอาเสื้อผ้าไปตรวจสอบก็พบเหมือนกัน”
รวมถึงเสื้อผ้าน้องเต้ก็หายไป ?
อนันต์ชัย : “ครับ ตอนนี้เป็นเรื่องวินัยตำรวจมากกว่า การที่วัตถุพยานต่างๆ ประจักษ์พยานต่างๆ ก็ดี มันโผล่ขึ้นมาตอนหลัง ตำรวจที่ทำสำนวนในคดีนี้ผิดวินัยหรือไม่ ตรงนี้ต้องไปว่ากล่าวกันอีกเรื่องหนึ่ง”
พี่อนันต์ชัยทำไมตัดสินใจเข้ามาดูแลเรื่องนี้ ?
อนันต์ชัย : “จริงๆ พี่ศุภชัยแกอยากได้ผมเป็นทนายตั้งแต่ตอนแรก แกไปถามกับพี่สาวชายพิการว่าค่าทนายเท่าไหร่ แกกลัวค่าทนายแพง แกเลยไม่กล้าพูด วันนี้ผมเข้ามา ไปเจอในรายการหนึ่ง คุณแม่อยากให้ผมช่วยเหลือตั้งแต่ตอนแรก ซึ่งตามมรรยาทต้องให้ทนายคนก่อนถอนไปก่อน ถึงจะเข้ามาได้ปรากฎว่ามีการถอนทนายคนก่อนไป ผมเลยรับอาสาเข้ามาช่วยเขียนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ตอนนี้ผมมีหลายส่วนมาช่วยดูแลคดีนี้ให้”
มั่นใจแค่ไหนว่าคดีจะพลิกได้ ?
อนันต์ชัย : “ถ้าหากศาลอุทธรณ์เมตตาให้มีการสืบพยานเพิ่มเติม นายตงสามารถเบิกความเป็นพยานต่อศาลได้ มั่นใจว่าพลิก แต่ถ้าหากนายตงไม่มา ผมไม่รู้เหมือนกันเพราะสำนวนยังไม่ได้อ่าน”
แม่มั่นใจว่าเป็นนายโจ้ ?
เรวดี : “แม่มั่นใจว่าเป็นเขา คิดว่าเอาปืนจ่อหัวเต้แล้ว คิดว่าเขาต้องคิดจะทำอะไรสักอย่าง”
ต่อไปถ้าเรื่องที่เกิดในชั้นศาลไม่เกิดขึ้นเหมือนอย่างที่คิด จะหยุดมั้ย?
เรวดี : “ทุกคนในประเทศไม่รู้หรอก แม่ก็ไม่อยากอยู่เหมือนกัน อย่าว่าแม่แล้วกันนะ ทุกวันนี้ก็ไม่อยากอยู่(ร้องไห้) ไม่ได้พูดเพื่อให้ทุกคนว่าแม่โง่ จะฆ่าตัวตาย ไม่มีใครเข้าใจความสูญเสียหรอก”
อนันต์ชัย : “ผมก็ปลอบใจว่าไหนๆ ผมก็มาทำคดีให้แล้วตามที่คุณศุภชัยตั้งใจเอาไว้ ขอให้คิดใหม่ อย่าไปกดดันศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา เพราะยังมีแนวทาง ถ้าศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำให้การชั้นสอบสวนของนายตง พยานแวดล้อมอื่นๆ สามารถลงโทษจำเลยได้ก็อาจจะพลิกได้เหมือนกัน”
การที่คุณแม่ออกมาพูดว่าถ้าแพ้อีกก็ไม่อยากอยู่ เหมือนกดดันศาลมั้ย?
อนันต์ชัย : “ใช่ครับ ก็กดดันท่านผู้พิพากษา อยากเรียนต่อคุณแม่ด้วยว่าผู้พิพากษาพิจารณาคดีตามพยานหลักฐาน
ถ้าพยานหลักฐานไปไม่ถึง ท่านก็ลงโทษให้ไม่ได้ ให้เห็นใจท่านผู้พิพากษาด้วย อย่าลืมว่าศาลเมืองไทยไม่ใช่ศาลไคฟง เรามีหน้าที่หาพยานหลักฐานมานำเสนอต่อศาล ไม่ว่าจะโจทก์หรือจำเลย”
อยากให้แม่ทำใจด้วยอย่าคิดแบบนี้อีก แม่ทำแบบนี้กดดันศาล กดตันตัวเอง แม่ยังมีลูก รับปากกับผม?
เรวดี : “แม่ก็พูดตรงๆ ไม่ได้ไปกดดันศาล”
รับปากได้มั้ย อย่าคิดอะไรแบบนั้น อยู่กับลูกคนเล็ก โทรมาหาผมก็ได้ ? เรวดี : “(ไม่ตอบ)”
เมดฮับ นิวส์ medhubnews.com
เว็บไซต์สุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ วาไรตี้ ฯลฯ
ติดตามข่าวสารจาก medhubnews.com ได้จาก Facebook : sasook ของเรา
08 มกราคม 2562
ผู้ชม 3474 ครั้ง