เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด “อัจฉริยะ” น้ำตาแตก แหก “ทนายตั้ม” อุดมการณ์เปลี่ยน ทำแต่คดีที่ได้เงิน เว็บไซต์สุขภาพ medhubnews.com ข่าวการแพทย์ บทความสุขภาพ ระบบสาธารณสุข เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ นวัตกรรม การค้าการลงทุนด้านสุขภาพ

บทความ

เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด “อัจฉริยะ” น้ำตาแตก แหก “ทนายตั้ม” อุดมการณ์เปลี่ยน

MED HUB NEWS - ดราม่าทนายความ เรื่องราวของ “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กับ “ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด” เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ซึ่งออกมาซัดกันนัวเรื่องคดีต่างๆ จากคนเคยรักมาสู่การเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด

เกิดกรณีพิพาทกลางโซเซียล จนอัจฉริยะประกาศยุติเพจชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม   

medhubnews.com เว็บไซต์สุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยว วาไรตี้  และ เพจ sasook รายงานว่า ทางโหนกระแส 30 ส.ค.  ได้เปิดใจสัมภาษณ์“อัจฉริยะ” แบบหมดเปลือก

ข้อความในเพจชมรมช่วยเหลืออาชญากรรมใครเป็นคนพิมพ์ ?

อัจฉริยะ : “ผมเป็นคนพิมพ์ เราเห็นคนนึงเป็นเน็ตไอดอล เป็นตัวอย่างของเยาวชน สิ่งที่เราเคยได้คุยกัน มันไม่ใช่ การที่เราเป็นทนายความ หรือเป็นจิตอาสาก็ดี ต้องมีอุดมการณ์แม้จะกินไม่ได้ เงินเท่านั้นที่ทำให้ทุกอย่างบันดาลได้ แต่สำหรับผม ผมมองว่าเราเลือกที่จะทำได้ คดีฉ้อโกงก็เลือกทำได้ แต่ทำไมมาเลือกทำคดียาเสพติด”

ในสิ่งที่ลง บอกว่าคนทำงานรูปหล่อในฐานะนักกฎหมาย หมายถึงใคร?

อัจฉริยะ : “ทุกคนไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร ในเพจชมรมเกิน 300 คนที่มาคอมเมนต์ ยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร”

ทนายตั้ม มีการพิมพ์เข้าไปในเฟซ ว่าโบราณว่าไว้ ดีได้แต่อย่าเด่นอย่าเป็นภัย บางคนสร้างดราม่า กล่าวหาตำรวจรับเงิน ผมยังไม่เคยยุ่งเลย ดีเหมือนกัน เปิดหน้าออกมา ไปสิงอยู่ในกลุ่มดาร์กใส่ร้ายผมมานานแล้ว แล้วมีการเข้ามาโพสต์ในคอมเมนต์ในชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมว่าในที่สุดก็เปิดหน้า

เอามาออกสื่อเลย ที่บอกผมช่วยเหลือคดีคนยิงคนพิการ  ทีคุณทำคดีผิดพลาดยังไม่เคยยุ่ง ไม่เคยกล่าวหาเจ้าหน้าที่ กล่าวหาตำรวจมินแว่น?

อัจฉริยะ : “พี่หนุ่มรู้จักผมมาหลายปี ผมเป็นคนเปิดเผยตรวจสอบได้ เราเป็นคนสาธารณะ มินแว่นไม่ใช่ผม เป็นเพจดาร์กที่อยู่ในเพจการเมือง ผมมีสองเพจ เพจชมรมเหยื่ออาญชากรรมและเพจส่วนตัว ผมยืนยันว่ามินแว่นไม่ใช่ผมแน่นอน”

เขาไลฟ์สดว่าพี่ไปเปิดแผลเขาก่อนเขาเลยย้อนกลับมา เรื่องต้องเคลียร์มี 3-4 ประเด็น เขาว่าเรื่องพี่เองเคลียร์ได้หรือยัง เรื่องน้องหญิง ไปกล่าวหาตำรวจรับเงิน 3 แสนบาท?

อัจฉริยะ : “พี่หนุ่มไปดูได้เลยในเฟซบุ๊กชมรมฯ ก็มีอยู่ เราเอาคลิปเสียงคนสามคนคุยกัน บอกตั้งแต่แรกไม่ยืนยันว่าเป็นใคร ไม่ยืนยันว่ามีใครเอาเงินให้ใคร ผมไม่เคยยืนยันอยู่แล้วว่าให้ใคร คลิปเสียงที่พูดถึงเงินสามแสนก็คุยกันสามคน ประเด็นตรงนี้ไปดูได้ หลักฐานเรามี ไม่เคยไปกล่าวหาตำรวจ

ไม่เคยบอกว่าตำรวจรับตังค์ แต่เราบอกว่าคดีนี้มีเหตุอันสงสัย จากคดีฆาตกรรมทำไมเป็นอุบัติเหตุ แค่นั้นเอง แล้วทำไมเราถึงบอกว่าเรามีข้อมูลตรงนี้ มีผู้หวังดีส่งมาให้เรา

เราก็เปิดให้ประชาชนรับรู้ข่าวสาร มันก็เหมือนคดีหวยที่เราเปิดคลิปเสียงคล้ายครูปรีชา ถามว่าอันนี้ผิดตรงไหน ภาค 1 กองบัญชาการสอบสวนกลางตั้งกรรมการสอบเรื่องนี้ ผมก็พาคนที่อยู่ในคลิป 3คนให้คณะกรรมการตรวจสอบสอบข้อเท็จจริงไปแล้ว มันไม่ได้เกี่ยวกับผม เพราะผมไม่ได้ระบุว่าเขาเอาเงินให้ใคร”

เรื่องรพ. เรื่องกางเกงชั้นในน้องหญิง เขาว่าคุณไปโวยวายว่ามีการข่มขืน พยาบาลรู้เห็นเป็นใจกับตำรวจ ทำลายหลักฐาน อยู่ดีๆ ไปกล่าวหาเขาว่ากางเกงในไป หายไปแบบนี้จะฟ้อง ทำให้รพ.เสียหาย รพ.จะกลับมาฟ้องพี่อัจด้วย ?

อัจฉริยะ : “ผมได้รับมอบจากพ่อน้องหญิง กางเกงในเป็นทรัพย์สินของน้องหญิง ตามระเบียบรพ. ต้องเก็บทรัพย์สินให้กับญาติผู้เสียชีวิต วันที่ 19 กางเกงในน้องหญิงอยู่ในรพ. เสร็จแล้วมีน้องเจนเข้าไปหยิบกางเกงขาสั้นสีดำ รองเท้าแตะข้างนึง แต่ไม่มีกางเกงชั้นใน

วันที่ 29 ผมไปดูวงจรปิด ผมก็เห็นกางเกงในอยู่ที่น้องหญิง แล้วคลิปในห้องฉุกเฉิน มันบันทึกไว้ 1 ชม. 45 นาที เราเลยถามว่ากางเกงในน้องหญิงอยู่ไหน เพราะในทางกฎหมายถ้ามีกางเกงในก็เป็นวัตถุพยานสำคัญที่สามารถนำมาตรวจสอบได้ ถ้ามีการข่มขืน มีดีเอ็นเอตรวจสอบได้ มันคือหลักฐานสำคัญ ที่สามารถชี้ชัดได้ว่าใครเป็นคนร้าย

ถ้าไม่มีการข่มขืนก็ไม่เห็นเป็นไร เพราะคดีนี้ระบุแล้วว่าเป็นคดีฆ่าคนตาย ถ้ามันสามารถตรวจสอบได้ก็จะเป็นการเพิ่มข้อหาอีกข้อหานึง ถ้าคุณเป็นนักกฎหมาย

คุณต้องรู้ว่าหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์คุณต้องรู้เพราะเป็นทนายความ เป็นนักกำหมาย อย่างผมไม่ใช่นักกฎหมายเหมือนเขา

ผมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมในภาคปฏิบัติ อะไรก็ตามที่ผมสามารถรวบรวมหลักฐานได้ผมก็ทำเต็มทุกรูปแบบ การที่เอาชีวิตน้องหญิงซึ่งเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตแล้วเอามาดิสเครดิตนี่ พึงกระทำเหรอ ถามหน่อย

ถ้าคนเป็นนักกฎหมายที่ดี จรรยาบรรณวิชาชีพ การวิพากษ์วิจารณ์คนตาย มันเหมาะสมมั้ย”

ทนายตั้มตั้งข้อสงสัยถึงกรณีสาวชาวม้ง ว่าจรงๆ เขาไม่ได้ข่มขืน แต่พี่บอกข่มขืน จริงๆ ม้งสมยอมและฆ่าตัวตาย แต่พี่ยัดเยียดว่าข่มขืน?

อัจฉริยะ : “ถ้าหลักฐานไม่เพียงพอ ศาลจะออกหมายจับได้ยังไง ประเด็นแรก วันที่จับมาแล้ว ตัวผู้ต้องหาเองก็คุยกับผม ว่าเขามีการล่วงละเมิดทางเพศ 5 ครั้ง

ส่วนบังคับไม่บังคับเราไม่ได้อยู่ในห้อง ก็ว่ากันไปตามหลักฐาน ไปสู้คดีในศาล อย่าเอาคนตายที่ตายแบบทรมาน เพราะกินยาฆ่าแมลงไป กระทั่งอย่าเอาคนตายมาดิสเครดิตผมเลย มันไม่ใช่เรื่องที่ควรเอามาดิสเครดิส”

ยืนยันว่าฝั่งผู้ต้องหาก็บอกว่ามีการล่วงละเมิดจริงๆ?

อัจฉริยะ : “เขาก็พูดต่อหน้าสื่อมวลชนอยู่แล้ว แต่การต่อสู้ก็เป็นเรื่องธรรมว่าสมยอมหรือไม่สมยอม มีสิทธิ์ทุกคน”

ทนายตั้มบอกว่าภาพเหมือนสมยอม?

อัจฉริยะ : “ก็ไปเป็นทนายความให้ผู้ต้องหาทั้งสองคดีไปเลย ไปเป็นทนายความให้หนุ่มม้ง พ่ออ๊อฟไปเลย”

เขาบอกว่าใครมีเรื่องกับพี่ อยากให้เขาเป็นทนาย เขาก็จะทำ?

อัจฉริยะ : “ผมทำหน้าที่ของผม ผมตรงไปตรงมา ตรวจสอบได้ และไม่เคยไปแสวงหาผลประโยชน์”

ปมความขัดแย้งลึกๆ มาจากอะไร อยู่ดีๆ ทะเลาะกันได้ยังไง?

อัจฉริยะ : “ผมโพสต์ ผมคิดว่าเขาเป็นน้อง เพราะหลายคนเคยโพสต์แบบนี้ ผมก็เห็นทางออยศรี คนที่อยู่ข้างหลังคดีหวย 30 ล้าน วันนี้ก็ถูกทำลายเมื่อไปขัดใจเขา”

ใครทำลาย?

อัจฉริยะ : “ก็เนี่ย คนรูปหล่อ เอาไว้วันนึงพี่จะรู้ว่าเป็นยังไง ผมไม่ไปก้าวล่วง เรื่องผมเอง ผมก็ไม่เคยคาดคิด ว่าจะไลฟ์สดพาดพิงผมขนาดนั้น โอเค ผมไม่ได้ดู มีคนดูแล้วเล่าให้ผมฟัง ถามว่าผมรู้สึกยังไง ผมไม่รู้สึกหรอก เพียงแต่ผมอาจจะคาดหวังมากเกินไป ว่านี่คือน้องเรา ที่เราเป็นห่วงเป็นใยเขา ไปยุ่งเกี่ยวพัวพันคดียาเสพติด”

พี่เป็นห่วง แต่ไมได้ขัดแย้งกันมาก่อน?

อัจฉริยะ : “ใช่”

ทำไมไม่โทรบอกกัน แทนการโพสต์?

อัจฉริยะ : “ที่ไม่โทรเพราะไม่ได้เจอกันหลายเดือนแล้ว”

มีสาเหตุอะไรมั้ย จากคนไปเที่ยวหัวหินด้วยกัน ประกาศตัวจะเป็นพี่น้องร่วมสาบาน?

อัจฉริยะ : “มันมีจุดนึงที่ผมกับครอบครัว พี่หนุ่มก็รู้ผมรักครอบครัวผมมาก ถ้าจะให้ผมไปยืนยันว่าผู้หญิงคนนึงที่มาฟ้องอ.ปรีชา แล้วผมมารับรองผู้หญิงคนนี้ว่าเป็นหลานสาวที่อยู่ต่างประเทศ ผมทำไม่ได้

ผู้หญิงคนนี้ไปเที่ยวหัวหินด้วยกัน และมีความสัมพันธ์กับคนรูปหล่อและครอบครัวเขารับรู้ เขาก็อ้างว่าผู้หญิงคนนี้เป็นหลานสาวผมที่อยู่ต่างประเทศ ภรรยาเขารู้ แล้วมาอ้างว่าเป็นหลานสาวผมที่อยู่ต่างประเทศ

ถ้าผมยืนยันแบบนี้ ผมก็ทำให้ครอบครัวเขาไม่ถูกต้อง แล้วครอบครัวผมล่ะ ภรรยาผมบอกว่าจะไปยืนยันได้ยังไง ในเมื่อเรื่องจริงมันไม่ใช่ ส่วนเขาจะมีความสัมพันธ์อะไรกันก็ไปเคลียร์กันเอง ไม่ใช่ให้ผมไปยืนยันว่าเป็นหลานสาวที่อยู่ต่างประเทศ”

เพราะเรื่องนี้ทำให้ไม่ได้คุยกัน?

อัจฉริยะ : “ก็มันไม่ถูกต้อง ว่าผมจะไปรับรองได้ยังไง ถ้าวันหลังเมียเขารู้ ผมใช้ไม่ได้”

กรณีคลิปหลักฐานหวย 30 ล้าน ทนายตั้มบอกว่าพี่ได้หลักฐานมาจากตำรวจแล้วบอกว่าหามาเอง เอาความดีความชอบบอกว่าหามาเอง?

อัจฉริยะ : “วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าไม่ได้ผมเป็นคนพลิกเกม จะเป็นยังไง ผมว่าเขารู้ดีอยู่แล้วว่าผมเอาคลิปมาจากไหน ยืนยันว่าไม่ได้เอามาจากตำรวจ  ผมพูดตรงๆ ว่าคลิปทุกคลิปผมมีที่มาที่ไป เพราะคดีนี้ผมถูกฟ้อง 18 คดี มีคดีนึงขึ้นศาล ศาประทับรับฟ้องผมและไปอธิบายกัน เข้าใจกันก็ถอนฟ้องกันไป ตั้งแต่ 3 กพ. ผมโดน 18 คดี”

ชมรมจะปิดจริงๆ เหรอ?

อัจฉริยะ : “คือสองวันนี้ผมปวดหัวมาก ทุกคนไม่ให้ปิด มีประชาชนจำนวนมากหลายพันคนเรียกร้องไม่ให้เราปิด ผมเองตอนนี้พี่หนุ่มก็รู้ว่าผมเป็นวิศวกรโยธา ผมถูกดูถูกตลอดเวลา ว่าผมคือทะแนะ ฃ

ผมก็ไปเรียนนิติศาสตร์บัณฑิตที่ธุรกิจบัณฑิต แต่ผมไม่มีเวลาไปเรียน เวลาให้ครอบครัวก็ไม่มี แฟนผมบอกว่ากินข้าวปิดโทรศัพท์ได้มั้ย เพราะโทรศัพท์เข้าทั้งวัน ลูกบอกว่าป๊าไม่คุยกับหนูเลย ไม่มีเวลาให้ครอบครัว ผมก็บอกคณะกรรมการว่าผมขอลาออกได้มั้ย ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าชมรมฯ ผมเป็นแม่ทัพ แล้วเขายังหาคนแทนไม่ได้”

พี่ลาออกแต่ชมรมยังอยู่ หรือยังไง?

อัจฉริยะ : “เราขอลาออกจากกการเป็นคณะกรรมการ ถ้าจะให้ชมรมอยู่ ผมขอสองส่วน ส่วนหนึ่งคือยุติบทบาทของผม เนื่องจากผมจะไปเรียนหนังสือให้จบนิติศาสตร์ให้ได้ เขาบอกว่าเขายังหาคนไม่ได้

ผมก็เลยบอกว่าโอเค เดี๋ยวขอคิดว่าจะทำยังไง แต่ผมไม่มีเวลามาทำให้เหมือนเดิมแล้ว เพราะผมต้องเรียนหนังสือและให้เวลาครอบครัว ตอนแรกที่คุยคือผมลาออกแล้วปิดชมรมเลย แต่เขาบอกว่าไม่ได้ เพราะอุดมการณ์เราทำมาต้องการช่วยเหลือประชาชนที่ยากจน เดือดร้อน เราเป็นแม่ทัพ ถ้าช่วงนี้หนักมาก ก็หยุดพักชั่วคราว ผมก็ปรึกษาครอบครัว”

จะปิดหรือยังไง?

อัจฉริยะ : “มติของที่ประชุมคือเขาขอให้ชมรมฯ อยู่เหมือนเดิม ตัวก็ให้เข้ามาทำเฉพาะคดีสำคัญ ให้เราซอฟต์ลง คือทุกคดีผมก็ยังทำเหมือนเดิม ผมเป็นคนดูแลคดีสำคัญ แต่ถ้าไม่สำคัญ คณะกรรมการจะเป็นคนดูแล”

ทั้งหมดเกิดจากเรื่องทนายตั้มมาแฉหรือเปล่า?

อัจฉริยะ : “ไม่ใช่”

ทนายตั้มมาบอกว่าเขาใจหาย ที่พี่อัจประกาศจะปิดชมรมฯ เขาบอกว่าตัวเขาเองอาจหัวร้อนไปสักนิด ตอบโต้เอาจุดบกพร่องมาพูด พี่มองยังไง?

อัจฉริยะ : “ผมไม่ใช่คนที่ติชมไม่ได้นะ ผู้ใหญ่ทุกคน ให้คำแนะนำก็เอาไปปรับปรุง ทุกเรื่องผมเป็นคนสาธารณะ ติชมผมได้ แต่สิ่งหนึ่งการที่จะให้ผมถูกคนด่าสารพัด ถามว่าท้อมั้ย ผมท้อนะ

ทุกวันนี้ผมตั้งคำถามว่าผมทำเพื่อใคร เพื่อตัวเองหรือเปล่า ไม่ใช่เลย ผมทำเพื่อคนอื่นทั้งนั้น ตั้งแต่ทำชมรมมา ผมโดน 58 คดี โดนฟ้องละเมิดศาล วันนี้ผมเข้าคุกได้นะ ผมก็ถือว่าผมโชคดีแล้ว

ผมบอกได้เลยว่าเรื่องไม่จริง ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงอย่าพูด คนอื่นเขาเสียหาย ผมเป็นคนที่รักษาสัจจะ สิ่งที่ผมประกาศไป ไม่ใช่ว่าไม่รักษาคำพูด ผมอยากยุติบทบาทตัวเอง อยากหยุดด้วยซ้ำในวันนี้”

มีอะไรอยากพูดกับทนายตั้ม?

อัจฉริยะ : “ผมไม่เคยคิดอะไรกับเขาอยู่แล้ว ผมคิดว่าเขาเป็นน้องและไม่เคยคิดโกรธ ไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่วันนี้สิ่งที่เราทำมาหลายปี มันเหนื่อยมาก บอกเลย ทุกสิ่งเราเป็นคนของประชาชน คนสาธารณะ เราต้องยึดมั่นในอุดมการณ์”

มีกรณีนึงที่ต้องคุย คือเรื่องคนพิการ ที่พี่โพสต์ว่าทางเขาไปรับเป็นทนายให้บุคคลที่ทำร้ายคนพิการท่านนี้ และยิงเพื่อนคนพิการท่านนี้ตาย 2คน แต่ทนายตั้มบอกว่าเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย?

อัจฉริยะ : “คือมีคนนึงเขามาร้องผม ตอนแรกเขาให้ผมช่วยในชั้นอุทธรณ์ ผมก็ถามว่าในขั้นตอนการสู้คดีเป็นยังไง เขาบอกว่าทนายเป็นเพื่อนพี่ ที่ชนะคดีเขา ผมก็อึ้ง พอหลังจากที่ไปหัวหิน เขาก็บอกว่าพี่เป็นเพื่อนกัน แล้วก็หายไปเลย ผมก็เสียใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้ เพื่อนเขาเสียชีวิตด้วย 2 คน”

เคยมีการพูดคุยกับทนายตั้มก่อนมั้ย?

อัจฉิรยะ : “ผมไม่รู้หรอกนะ แต่หลายๆ เรื่องของชมรมมีคณะกรรมการดูแล เราเองมีหน้าที่คือเขาร้องมาแล้วเราก็ดู เราก็ตรวจสอบ อันนี้จริงหรือไม่จริง ถ้าไม่จริงเขาไม่ยอมรับหรอก ยังเสียใจที่ไม่ได้ช่วยเขา”

คนมองว่าน่าจะมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์?

อัจฉริยะ พี่หนุ่มรู้จักผมมานานกว่า 5 ปี พี่หนุ่มเห็นผมเป็นแบบนั้นมั้ย ผมได้อะไรจากคดีหวย 30 ล้าน ผมถูกฟ้อง 18 คดี ผมเสียเงินค่าใช้จ่ายในการแก้คดีไม่รู้กี่แสน ในแปดริ้วไม่ต่ำกว่า 5 หมื่น เงินประกันตัวของผมทั้งนั้น

ผมเคยประกาศหน้าเพจมั้ย ต่อให้ลุงจรูญชนะคดี ไม่ต้องเอาตังค์มาให้ผมแม้แต่บาทเดียว ผมมาช่วยไม่ได้ต้องการเงินแม้แต่บาทเดียวเพราะชมรมเราก็มีเงินกองทุน

ผมยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ แต่เกี่ยวกับอุดมการณ์ที่ความเห็นไม่ตรงกัน ทุกเรื่องที่ผมพูดสุดท้ายก็เป็นความจริงทั้งนั้น”

ทนายบางท่านแซวว่าสาบานเป็นพี่น้อง?

อัจฉิรยะ : “ไม่ๆ เราไม่ได้ไปสาบานที่วัดห้วยมงคล ผมพาเขาไปทำบุญ เขาดวงตก ถูกโจมตีมาก ก็พาเขาไปทำบุญให้สบายใจ ผมบอกเลยว่าถ้าจะขัดใจกันอาจเป็นเพราะผมที่คาดหวังเขาสูง ผมเป็นห่วงน้อง

ผมอยากเห็นเขาทำคดีอะไรก็แล้วแต่เพื่อคนจนจริงๆ เพราะคำว่าทนายประชาชน มีความขลัง มีความศักดิ์สิทธิ์ ความศรัทธาของประชาชน คำว่าทนายเพื่อประชาชนต้องทำเพื่อคนยากจน หรือคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด”

พี่อัจพูดถึงคดี เอมี่ แม่มา?

อัจฉริยะ : “ก่อนหน้านี้เขาก็ทำคดียาเสพติด”

ในมุมคดียาเสพติด ถ้าหากว่าคนที่ถูกกล่าวหาเขาอาจมีสิทธิ์จ้างทนาย ทนายตั้มก็อาจต้องรับคดีหรือเปล่า?

อัจฉริยะ : “ผมพูดเลยว่าคดียาเสพติด ชมรมไม่ใช่ว่าเคยทำ แต่ต้องเป็นคดีที่เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อย่าเอามูลนิธิไปเกี่ยวข้อง”

ถ้าทนายธรรมดาไม่ใช้มูลนิธิก็ได้?

อัจฉริยะ : “ทำไปเลยครับ”

นี่คือจุดด่างที่รู้สึกว่าว่าไม่ใช่?

อัจฉริยะ : “คำว่าทนายประชาชน เสื้อติดอยู่ที่หน้าอก ผมถามว่าวันนี้คือองค์กรใหญ่มั้ย องค์กรใหญ่ แล้วคุณทำอะไร คุณทำแต่คดียาเสพติด ทำแต่คดีที่ได้เงิน ไหนล่ะเพื่อประชาชน ไหนคือคนที่ยากจน คนที่ไม่ได้ความเป็นธรรม ที่เป็นชาวบ้าน ผมไม่เคยเห็นเลย

เคยทำมั้ยแบบผมเอาเป็นว่าอัจฉริยะมีเครือข่ายมากมาย มีพวกเป็นตำรวจเยอะแยะ ตอนนี้คนก็กล่าวหาผมเป็นเด็กรับใช้ เป็นสุนัขตำรวจ หรือไม่เห็นทำงานทำการอะไรเลย เอาเงินที่ไหนมาใช้ ผมมีสปอนเซอร์ของผม มีแฟนเพจ เอฟซีของผม”

ไม่ได้ไปเรียกเงินจากพวกคดี?

อัจฉริยะ : “ไม่ใช่ วันนี้ทำไมผมไม่รับเงินบริจาค สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานซืนผมโดนเอฟซีถล่ม ถ้าวันนี้ผมไปรับเงินจากเอฟซีของเขา วันนี้ผมโดนแจ้งข้อหาฉ้อโกงประชาชนนะ แต่นี่เงินผม สปอนเซอร์ก็รักผม”

มีเงินหล่อเลี้ยงแต่ไม่ใช่เงินที่ไปเรียก เป็นเงินจากสปอนเซอร์?

อัจฉริยะ : “อย่างคดีเป๊กกี้ โอซาก้าที่บอกว่าผมไปเอา 20 เปอร์เซ็นต์ คนที่มาร้อง ร้องผ่านเพื่อนผมที่อยู่ภาคใต้ แล้วบอกคนนี้เสียหายหลายล้านบาท เขาบอกจะจ้างทำคดี เขาก็มาคุยกับผม

ผมก็ขอดูหลักฐาน เขาเอาหมายจับมาให้ดู ปรากฏว่าเขาไม่ได้เสียหาย แต่เขาเป็นคู่ขัดแย้งกับเป๊กกี้ โอซาก้า ผมก็ไม่รับทำ ไปดูสิ มีสัญญามั้ยว่าผมรับทำ 20 เปอร์เซ็นต์ ฟังเขามาได้ตรวจสอบมั้ยว่าจริงไม่จริง เขาเขียนเองไม่ใช่ลายมือผม ในกติกาสากล อัจฉริยะ ไม่สามารถเก็บตังค์ใครได้เลย แต่ทนายความต้องกินต้องใช้เนอะ เก็บตังค์ได้ แสดงว่าผมกินดิน ผมไม่ได้กินข้าว”

ถ้าพี่อัจเก็บตังค์ก็ผิด แต่ทนายเก็บตังค์ได้?

อัจฉริยะ : “ก็เขาต้องกินต้องใช้ ผมก็ไม่ได้ว่า”

มีเพจนึงเหมือนมีคนไปลงคอมเมนต์ เขาว่าทนายตั้มเรียกรับเงินลุงจรูญ 4.5 ล้าน จริงมั้ย?

อัจฉริยะ : “ผมไม่รู้จริงๆ”

พี่เป็นอวตาลเอาไปลงหรือเปล่า?

อัจฉริยะ : “ผมไม่รู้จริงๆ เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับผม ผมไม่สนใจด้วย เป็นสิ่งที่เขาสามารถทำได้ เพราะเป็นข้อตกลงระหว่างเขากับลุงจรูญ เป็นสินน้ำใจถ้าชนะคดี เป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่ผมบอกได้เลยว่าทุกเรื่องทุกราว ถามเราสักคำว่าจริงมั้ยที่เขากล่าวหา กับสิ่งที่ไปโพสต์ไปพูดไปยำ มันไม่ใช่”

ถ้าเขาถามกลับมาล่ะ พี่ถามน้องซักคำมั้ย?

อัจฉริยะ : “ผมยังไม่ได้ทำอะไรเขาเลย ที่โพสต์ก็ถามว่ามูลนิธิเพื่อประชาชน ทำไมไม่เปลี่ยนมูลนิธิเพื่อคนเสพยา เพื่อคนค้ายา อย่างนี้ไม่มีใครว่าเลย แต่วันนี้คุณยังเป็นมูลนิธิเพื่อประชาชน ผมอยากเห็นเน็ตไอดอล ตัวอย่างที่ดีของเด็กรุ่นลูกผม ที่จะเอามาโชว์ว่าเป็นตัวอย่างเยาวชนที่ดี อย่าลืมว่าคดียาเสพติดเป็นคดีทำลายชาติ”

พี่อัจก็มีบาดแผล คดีครูจอมทรัพย์ ถ้าวันนั้นศาลตัดสินว่าครูจอมทรัพย์ถูก คุณจะขึ้นตึกศาลอาญาแล้วโดด?

อัจฉริยะ : “ผมเป็นคนรักษาสัจจะ ผมพูดแล้วรักษาคำพูด วันนั้นผมตัดสินใจอยู่แล้ว ผมไปฟังคำพิพากษาเอง ผมก็ตัดสินใจว่าถ้าสิ่งที่ผมพูดไม่รักษาคำพูด ก็อย่ามีชีวิตอยู่เลยวันนั้นผมลาครอบครัวผมแล้ว

ผมตัดสินใจว่าถ้าศาลตัดสินให้ครูจอมทรัพย์ชนะ ผมก็ยอมตายเลย เพราะหนึ่งผมอยู่ไปก็เหมือนนรกอยู่แล้ว76 ล้านคนด่าผม แต่ผมยึดมั่นว่าผมรู้ข้อมูลจริง ผมตัดสินใจแล้วว่าถ้าวันนั้นผมแพ้ก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่”

ถ้ามองกลับไปด้านหลังทนายตั้ม เขาอาจต่อสู้เหมือนพี่ต่อสู้เรื่องครูจอมทรัพย์ก็ได้ ?

อัจฉริยะ : “ก็ไม่ไปก้าวล่วงเขา แต่ผมคิดอย่างนึงว่าคนที่ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมันคือเงินบาป พวกบ่อนทำลายชาติ สังคมไม่มีใครยอมรับ พี่หนุ่มก็ต้องรู้วาดารานักร้องนักแสดงหรืออะไรก็แล้ว ไปพัวพันยาเสพติด มันหายนะหมด

ผมไม่เข้าไปเกลือกกลั้วขบวนการค้ายาเสพติด เพราะพวกนี้เงินมาก  ที่มาจ้างทนายความให้พ้นผิด ถ้าเราจะทำงานเพื่อประชาชนเราต้องขาว ผมก็ไม่ใช่คนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ พวกเราทุกคนไม่มีใครดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ผมก็ไม่ได้ชั่วร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมอยากให้ทุกคนเป็นตัวอย่างที่ดีต่อเยาวชน”

เป็นไปได้มั้ยที่จะกลับมาคุยกันอีก ?

อัจฉริยะ : “ผมไม่มีอะไรอยู่แล้ว แต่ให้ผมไปจับมือ เป็นเรื่องข้างหน้าที่ต้องเคลียร์กัน แต่วันนี้ยังไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยกัน มันตอบไม่ได้ ถามว่าเสียใจมั้ยเสียใจ คืนนั้นบอกตรงๆ ว่าร้องไห้ เสียใจว่าทำไมต้องทำแบบนี้ พูดตรงๆ ว่าไม่อยากคิดว่า… (ร้องไห้)”

เมดฮับ นิวส์ medhubnews.com 

เว็บไซต์สุขภาพ  สาธารณสุข การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ วาไรตี้ ฯลฯ 

 

ติดตามข่าวสารจาก medhubnews.com

ได้จาก Facebook : sasook ของเรา

05 มกราคม 2562

ผู้ชม 6451 ครั้ง

Engine by shopup.com