เชื่อใคร ? “นิกกี้ พริตตี้เงินล้าน” เปิดศึกสาวสักปากชมพู ท้าดูกล้องวงจรปิดจวกทำเสียชื่อ เว็บไซต์สุขภาพ medhubnews.com ข่าวการแพทย์ บทความสุขภาพ ระบบสาธารณสุข เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์นวัตกรรม การค้าการลงทุน

บทความ

เชื่อใคร ? “นิกกี้ พริตตี้เงินล้าน” เปิดศึกสาวสักปากชมพู ท้าดูกล้องวงจรปิด

MED HUB NEWS - จากกรณีที่ผู้หญิงสองคนร้องสื่อศัลยกรรมทำพิษ สักปากชมพูกับร้านแห่งแล้วเกิดติดเชื้อรุนแรงเป็นหนองลามทั้งปาก เรียกร้องให้เจ้าของร้านออกมารับผิดชอบ

แต่อีกฝ่ายพยายามเลี่ยงที่จะเข้ามาหา ทั้งที่นัดหมายหลายครั้ง ต่อมาทราบว่าร้านดังกล่าวคือร้านของ “นิกกี้ พริตตี้เงินล้าน”

โดยช่วงนี้สังคมกำลังจับตาคลินิกศัลยกรรม คลินิกเสริมความงาม ที่มักทำผิดพลาดเสมอ แถมบางแห่ง ไม่มีแพทย์จริงปฏิบัติงาน

ส่วนคลินิกที่มีแพทย์จริงก็ใช้สมองตัวเองปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมง จนเกินขีดความสามารถ ไม่นอนหลับพักผ่อน ปั้มเงินอย่างเดียว

บางคลินิกแพทย์ยืนหลับ, สัปหงก แบบครึ่งหลับครึ่งตื่น หลับตาขณะกำลังฉีดสารเสริมความงามให้คนไข้เลยทีเดียว ( โชคดีที่มีพนักงานคอยตบแขนให้ตื่น )   

นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ปัจจุบันมีอำนาจสูงสุดเพื่อบังคับใช้ กม.สถานพยาบาล 2559

medhubnews.com เว็บไซต์สุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยว วาไรตี้  และ เพจ sasook รายงานว่า โหนกระแส ทางช่อง 28

ได้เปิดใจสัมภาษณ์ “ณัฐณิชา  สกุลจารุพงศ์” หรือ นิกกี้ พริตตี้เงินล้าน” ที่มาพร้อม “อาจารย์เฟียร์” คนสัก และสามี เผชิญหน้าคู่กรณี แพรวา พลอยชวริณทร์ เมืองอินทร์” ในขณะที่พี่สาวช็อก ร่วมสัมภาษณ์ไม่ได้

จริงๆ มีผู้เสียหายสองคน?

แพรวา : “ใช่ค่ะ อีกคนคือพี่สาว”

มีอาการช็อก?

แพรวา : “เป็นภาวะเครียดอย่างรุนแรง ตอนทีมงานไปรับก็จะช็อกในรถ”

เรื่องราวเกิดอะไรขึ้น?

แพรวา : “ตั้งแต่วันแรกที่เราเข้าไป เราดูผ่านโซเชียล พี่สาวตอนนั้นอยู่ฮ่องกง หนูไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ ก็คุยกันว่าเราบินมาเจอกันที่กรุงเทพฯ จะได้มาสักที่ร้านคุณนิกกี้ จริงๆ หนูติดตามคุณนิกกี้มานานมากแล้ว

ตั้งแต่เขาเป็นพริตตี้ก่อนมีลูก เราก็ชื่นชอบเขาตลอด เราว่าเขาเป็นคนน่ารัก ใจบุญ ก็คุยกับพี่สาวว่าเขาดีนะ เราก็ส่งไอดีไลน์ที่เขาโพสต์ในไอจีให้พี่สาวเรา พี่สาวดูแล้วชอบเขาก็ติดตามคุณนิกกี้เหมือนกัน เราก็เลยตัดสินใจมาที่ร้านนี้ พี่สาวหนูบินมาก่อนวันที่ 21 หนูมาวันที่ 22หนูบินมาจากนราธิวาส”

ตอนแรกโทรนัดคิวกันก่อนมั้ย?

แพรวา : “นัด พี่สาวหนูอยู่ฮ่องกงก็ส่งไลน์กัน ก็ถามอ.เฟียร์ (สามีนิกกี้) ว่าต้องทำอะไรยังไงบ้าง มีการโอนเงินมัดจำ”

 เราทำวันไหน?

แพรวา : “วันที่ 23 ส.ค. ตอนเข้าไป เขาก็ต้อนรับดี ดูแลดี บริการดีทุกอย่าง ก็เจอทั้งคู่ ยังแซวว่าหนูสักปากจะสวยเหมือนพี่นิกกี้มั้ยเขาบอกว่าสวย ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะไปสัก เหมือนไปกับพี่ แต่สุดท้ายก็สักดีกว่า”

ตกลงพี่ทำอะไรบ้าง?

แพรวา : “ทำคิ้ว สักปาก ขอบตา ราคา 27000 เราสักแค่คิ้วกับปาก  18000 บาท พี่สาวสักก่อน ใช้เวลาไม่นาน ตอนสักหนูไม่ได้อยู่ด้วย คนสักคืออาจารย์เฟียร์  แล้วก็มีคนทายาชา”

ตอนสักรู้สึกยังไง?

แพรวา : “ตอนสักรู้สึกว่ามันลึก เขาบอกว่าที่ทำให้ลึกเพราะจะได้ไม่ต้องบินมาซ้ำหลายรอบ เราเข้าใจว่าเขาไม่อยากให้เราเสียเวลาบินมาหลายรอบ ก็เหมือนสักลึกไปนิดนึงเพื่อให้สีขึ้นชัด พอสักลึกก็จะมีเลือดซึม ถ้าผิวเรากรีดยังมีเลือดเอง อันนี้มีเลือดปนสีออกมา”

ทางคุณนิกกี้แกบอกว่าถ้ากล้องวงจรปิด ที่เห็นสีแดงๆ คือสี?

แพรวา : “มันคือสี แต่ก็จะมีเลือดซึมๆ ออกมา”

เจ็บมั้ย ?

แพรวา : “ตอนแรกโดนยาชาอยู่ก็ไม่ค่อยเจ็บ ตอนลงจากข้างบนมาลงข้างล่างยังไม่ค่อยเจ็บ ที่เราเจ็บคือหลังจากยาชาหมดฤทธิ์แล้วค่ะ”

ตอนออกมาเขาปฏิบัติดีทุกอย่าง?

แพรวา : “ดีๆ ไม่มีอะไร เขาก็น่ารักเหมือนเดิม ไม่มีอะไร”

ถุงมือผมเห็นข้อความพูดคุยกัน คุณได้ถามคุณนิกกี้?

แพรวา : “คือเราถามว่าถุงมือสะอาดมั้ย ได้มีการเปลี่ยนถุงมือมั้ย คือที่เราไปรพ. หมอเขาถามเราว่าสถานประกอบการเป็นยังไงบ้าง สะอาดมั้ย เครื่องมือสะอาดมั้ย ถุงมือสะอาดมั้ย เขามีสิทธิ์ที่จะถาม เพื่อความมั่นใจเราก็เลยถามเจ้าของ”

คุณสัก 23 อาการเริ่มเมื่อไหร่ ?

แพรวา : “23 มีเลือดซึมอยู่แล้ว ถูกมั้ยคะ แต่มันจะเริ่มบวมหลังจากยาชาหมดฤทธิ์ มันเริ่มบวมเจ่อๆ แต่ก็เฉยๆ วันที่ 2 เจ่อๆ แต่แปลกๆ แสบอ่ะ ถ้าหนูใส่แมส แล้วถอดแมสออกมามีเลือดติด เราเข้าใจได้ว่าเป็นผลข้างเคียง

แต่พอดีหนูสักมาปุ๊บ มีเพื่อนที่เป็นหมอผ่าตัด เพื่อนสนิท เพื่อนบอกว่าพี่แพรไม่ไหวแล้วนะ ปากยูมันเฟะ เขาส่งจ่ายยาให้เรา ซึ่งเราไม่ได้กินยาร้านคุณนิกกี้ เพราะหมอเขาสั่งมาให้เราต่างหากทางร้านคุณนิกกี้เขาให้ยาแต่เราไม่ได้กินของเขา”

 

จ่ายยาอะไรให้คุณ?

แพรวา : “อะม็อกซีซิลลินและให้ยาลดบวมต่างหากของแพทย์ พันมิลลิกรัมเพิ่มโดสขึ้นมา เขากลัวเราติดเชื้อไงคะ เขาเป็นหมอผ่าตัด เขาดูแล้วกลัวติดเชื้อเลยให้กินอันนี้ดีกว่า หลังจากกินยา ของหนูยังบวม แสบแน่นอนตั้งแต่วันที่ 2 แต่บวมเริ่มบวมขึ้นเรื่อยๆ หนองเริ่มมา ของพี่สาวหนูเป็นหนองมากกว่า ของหนูเป็นตุ่ม”

คนอื่นเป็นอย่างนี้มั้ย?

แพรวา : “หนูว่าไม่นะ ค่อนข้างจะยาก หมอบอกว่าคนที่เป็นอย่างนี้ได้ มีภาวะติดเชื้ออย่างรุนแรงแล้ว”

เข้ารพ.สองคนพี่น้อง ใครเข้าก่อน?

แพรวา : “พี่สาวค่ะ เพราะพี่สาวไม่ได้กินยาเหมือนหนู พี่สาวเข้าวันที่ 26 ค่ะ”

เขาเลยเป็นเยอะกว่าคุณ?

แพรวา : “ใช่ค่ะ ถูกต้อง เท่าที่ถามคุณหมอ หนองอยู่ข้างใน มันต้องใช้ยาทางเส้นเลือดดำเท่านั้นถึงจะหาย”

คุณนิกกี้บอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เขาให้ข้อมูลมาแล้วว่าห้ามกินอาหารอย่างปลาร้า ส้มตำ หรือของแสลง คุณกินหรือเปล่า?

แพรวา : “หนูไม่ได้กินแน่นอน ปากหนูอย่างนั้นใครจะกินพี่ ปากเราบวมเราเจ่อเราเป็นแผล ไม่มีใครกินหรอก หนูไม่บ้ากินหรอก หนูก็รักตัวเอง”

ถุงไม้ถุงมือ มีกล้องวงจรปิดมาโชว์ว่ามีการใส่ถุงมือและมีการเปลี่ยนจริงๆ?

แพรวา: “อันนี้หนูก็คลายข้อสงสัย ถ้าหนูถามแล้วเขาตอบเรามา เราก็โอเคในใจ ถ้าเขาเปลี่ยนเราก็สบายใจ เราถามไปเขาตอบ เราก็สบายใจตรงนี้”

ในมุมการดูแล เขาบอกว่าเขาติดต่อตลอด?

แพรวา : “ติดต่อจริง แต่ต้องบอกก่อนว่าที่พี่นิกกี้เข้ามาแล้วหนูส่งสลิปไปหาเขาเลย มันไม่ใช่ มันมีการพูดคุยอยู่ก่อนหน้านั้นอยู่แล้วว่าพี่นิกกี้จะเข้ามามั้ยคะ พี่นิกกี้จะได้ทราบเรื่องเชื้อเรื่องอะไรด้วย เข้ามาหาหมอมั้ยเพราะคุณหมอเขาไม่ติดต่อกลับอยู่แล้ว”

เขาบอกว่าคุณให้เบอร์หมอ?

แพรวา : “ใช่ เพราะตอนแรกเขาบอกว่าเขาไม่สะดวกมา หนูก็พยายามหาเบอร์คุณหมอให้เขาติดต่อ แต่พอคุณหมอมาตอนเช้า เขาไม่สะดวกไงคะ ก็เลยบอกว่าพี่นิกกี้เข้ามาหาหมอเลยได้มั้ย จะได้รู้กัน พี่จะถามว่าหนูเป็นอะไรยังไง ก็ถามหมอเลย เพราะเราไม่ใช่หมอ คุณหมอตอบได้ดีที่สุดอยู่แล้ว”

ในมุมเชื้อ คุณนิกกี้สงสัยว่าติดเชื้อจากปากหรือเปล่า แล้วเชื้อคือเชื้ออะไร?

แพรวา : “ตั้งแต่วันแรกต้องบอกก่อนว่าเราถามคุณนิกกี้ไปแล้วว่า เราเข้ารพ. คุณนิกกี้ต้องให้เราทำอะไรบ้าง เขาก็น่ารักเขาบอกว่าเอางี้แล้วกัน หนูเข้ารพ.ไปก็บอกว่าติดเชื้อจากปาก แล้วคุณหมอเขาวินิจฉัยว่าติดเชื้อจากปากเนี่ย พร้อมใบรับรองแพทย์ พี่ก็พร้อมรับผิดชอบเลย”
คุณมีหลักฐานมั้ย?

แพรวา : “มีหลักฐาน มีคลิปเสียงเขาอยู่ว่าเขาพูดอย่างนี้จริงๆ ถ้าเป็นติดเชื้อจากปาก เขาพร้อมรับผิดชอบเลย (เปิดคลิปเสียง)”

ตรงนี้คุณรู้สึกไม่เป็นธรรมกับคุณ?

แพรวา : “ใช่ค่ะ พอเราเข้ารพ. วันแรก พอเราเห็นว่าจากปากปุ๊บ พอคุณหมอวินิจฉัยว่าให้ยาฆ่าเชื้อเลย ถ้าคุณนิกกี้ต้องการเชื้อจริงๆ ต้องบอกเราตั้งแต่ตอนแรกค่ะ เพราะคุณหมอจะได้ตรวจเชื้อไปเลยก่อนให้ยาฆ่าเชื้อ”

แต่นี่ให้ยาฆ่าเชื้อไปแล้ว เชื้อมันตายไปแล้ว?

แพรวา : “ใช่ค่ะ ถูกต้อง มาขอตรวจทีหลังไม่ได้ เพราะเชื้อมันหาไม่เจอแล้ว คุณหมอพูดแบบนี้เหมือนกัน”

ตอนนี้อยู่กับคุณนิกกี้และอาจารย์เฟียร์ เมื่อกี้เสียงคุณมั้ยที่เขาเปิด?

นิกกี้ : “ร้อยเปอร์เซ็นต์ เบอร์กี้ด้วยค่ะ เวลาก็จำได้ สามทุ่มสี่สิบ”

มีข้อสงสัยมั้ย?

นิกกี้ : “มีค่ะ อย่างแรกเลยเสียงนี้กี้ไม่ได้คุยกับคุณแพรวานะคะ กี้คุยกับคุณพี่สาว และวันนั้นพี่สาวเป็นคนบอกเองว่าจะเข้าแอดมิด เลยบอกว่าไปเลย เดี๋ยวกี้ดูแลให้ กี้โทรไปไม่ได้พิมพ์ไลน์เพื่อความสบายใจ กี้ก็รับปากไป เพราะวันนั้นพี่สาวคุณแพรวาไม่ได้บอกกี้นะคะว่าอันนี้เกิดจากกี้จริงๆ เขามีความกังวลไงคะว่าจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า

กี้ก็เลยบอกว่าไปหาหมอเลย แล้วกี้ยินดีมาก ถ้าไม่มีเงินตอนนั้นก็จะออกให้ก่อน แล้วค่อยมาว่ากันตอนหลัง แต่ตอนหลังที่กี้มีความเสียใจ ไม่รับผิดชอบหรือไม่ไปจ่าย เอาตรงๆ ไม่ใช่ใจร้ายนะ แต่มีการคุยกับคุณแพรวาแล้วรู้สึกเลยว่า ทำไมกี้ต้องไปจ่าย ในเมื่อน้องคิดว่าเครื่องมือในร้านเรามีปัญหาทำให้เขาติดเชื้อ ต้องแยกสองประเด็นนะคะ”

 แต่เมื่อกี้เขาบอกคุณดูแลดี?

นิกกี้ : “ใช่ค่ะ เพราะกี้คุยกับพี่สาว เขาไม่ได้คุยกับกี้ เขาพูดทำนองว่าถุงมือมีการเปลี่ยนมั้ยหรือลงลึกไปว่าในร้านเราทำให้เขาเป็น”

 ประเด็นที่น้องพูด มีข้อท้วงติงอะไรมั้ย?

นิกกี้ : “ท้วงติงนิดนึงว่าน้องจะเปิดคลิปนี้ได้ก็ต่อเมื่อน้องเอาไลน์ที่เราคุยกันกับน้อง ไม่ใช่พี่สาว มาดูด้วยว่า ณ เบื้องต้นที่กี้ไม่ไปเพราะอะไร ณ ตอนแรกการที่เราคุยทางโทรศัพท์ ทางน้องเข้ารพ. เราสบายใจแล้ว น้องปลอดภัย แล้วเราจะเข้าไปดูแลน้อง ให้รักษาไปก่อน กี้อาจโลกสวยคิดว่าให้รักษาให้หายก่อน”

เจตนาคือดูแลอยู่แล้ว?

นิกกี้ : “จริงๆ คิดอย่างนั้น แต่พอได้มาคุยกับน้องสาวคุณแพรวา กี้เปลี่ยนความคิดเลย”

เห็นบอกว่ามีคำพูดที่ไม่เหมือนกัน ระหว่างเมื่อกี้กับตอนแถลงข่าว คืออะไร?

นิกกี้ : “ตอนแถลงข่าวกี้นั่งดูอยู่นะคะ เพราะกี้เป็นห่วงมาก แล้วน้ำตาไหลไปด้วย หลายๆ คำพูดที่น้องบอกว่าไม่น่าเลือกกี้เลย เขาผิดหวังที่เลือกนิกกี้ เลือกเพราะนิกกี้มีความน่าเชื่อถือ แล้วชื่นชอบในตัวเรา

พอเป็นแบบนี้เขาผิดหวังมาก คำนี้กี้สะเทือนใจ แต่อยากจะบอกว่ากี้ฟังคำนึงที่บอกว่าตอนสักรู้สึกเจ็บปวด รู้สึกเลือดไหลตลอดเวลา ตอนแถลงข่าว น้องแพรวาเป็นคนพูด จำได้แม่นเลย น้องบอกว่ารู้สึกไม่สบายใจ มีเลือดซิบๆ ตลอดเวลา ตั้งแต่ลงมาจากห้องสักแล้วแต่เมื่อกี้บอกว่าสบายดี ดูแลดี”

แพรวา : “เมื่อกี้หนูก็บอกว่ามันมีเลือดไหลอยู่ตลอดเวลานะคะ”

นิกกี้ : “งั้นดูจากคลิปมั้ยคะ มีกล้องวงจรปิด คนเราถ้ามีเลือดไหลตลอดเวลาต้องขอทิชชู่ซับปากมั้ยคะ แต่หนูไม่ได้ขอนะคะ" 

แพรวา : “หนูไม่ได้ขอ แต่หนูเข้าห้องน้ำ และเอาทิชชู่จากห้องน้ำพี่ซับปาก”

นิกกี้ : “ถ้าเลือดไหลตลอดหนูจะเซลฟี่กับเพื่อนเหรอคะ”

แพรวา : “หนูไม่ได้เซลฟี่นะคะ”

นิกกี้ : “งั้นเดี๋ยวมาดูกล้องวงจรปิดกันมั้ยคะ เราสามารถเปิดได้ เขาลงมาแล้ว ดูยิ้มร่าเริง กี้บอกเลยว่าอันนี้ไม่ใช่พ้อยท์หลักหรอก พ้อยท์หลักคือถ้าน้องเจ็บปวดหรือมีอาการ แสดงอาการว่าน้องไม่โอเค กี้จะไม่ปล่อยให้น้องกลับ จะพาไปรพ.เองเลย รักษาเองเลยไม่ใช่ปล่อยปละละเลยเขา”

จริงๆ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าลงมาอาการดีหรือไม่ดี ประเด็นคือน้องเขากลับไปบ้างแล้วเป็นหนอง?

นิกกี้ : “กี้ไม่เคยปล่อยลูกค้ากลับไปโดยมีปัญหา ถ้าน้องแถลงข่าวตามนี้มั้ยคะ ด้วยกล้องวงจรปิดไม่ใช่คำพูด”

ในมุมน้องเจ็บปวด แต่ในมุมกลับกัน คุณบอกว่าไม่ใช่ กลับไปปกติดี ตอนนั้นอาจไม่เกิดอาการ แต่พอกลับไปอาการที่เกิดขึ้น หนองขึ้นและมีไข้ เขาบอกว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่สักปาก ตรงนี้มองยังไง?

นิกกี้ : “น้องมีสิทธิ์คิดค่ะ เพราะน้องเพิ่งสักปากมา แต่น้องไม่มีสิทธิ์พิมพ์มาถามทำนองว่าถุงมือหรือตัวเราเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด หมายถึงแพรวนะคะ ไม่ใช่พี่สาว

เรื่องนี้เซนซิทีฟสำหรับกี้มาก ถ้าน้องคุยดีๆ ว่าให้เข้ามาดูเขาหน่อย อยากให้เข้ามาดูเพื่อช่วยกันศึกษา กี้โอเค แต่สิ่งที่น้องพิมพ์มา ทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยคำพูดที่ว่าหนูเป็นอย่างนี้เพราะว่าสักปากร้านพี่”

ในมุมที่คุณบอกไปว่าถ้าเกี่ยวกับปากแล้วทำให้เป็นไข้หรือไม่สบาย พี่ดูแลให้?

นิกกี้ : “เอาตรงๆ กี้ไม่ได้พูดในฐานะเจ้าของกิจการ เราพูดในฐานะที่เราเป็นคนนิสัยแบบนี้”

เขามีใบรับรองแพทย์ว่าเชื้อติดที่ปาก?

นิกกี้ : “ตอนแรกกี้ยืนยันนะคะวันที่คุยกับพี่สาวคือวันที่ 25 ว่าเขียนแค่นั้นพอมีให้อยู่แล้ว กี้คิดว่าเขามาจากต่างประเทศไงเขาเลือกเรา เราก็ควรรับผิดชอบตรงนั้น แต่พอหลังจากคุยกับน้องแพรวาวันที่ 26 เข้ารพ.แล้ว กี้เปลี่ยนความคิดทันที

เพราะสิ่งที่น้องแพรวาทำคือให้กี้ไปรับผิดชอบตรงนี้นะ กี้เข้ามาจ่าย เพราะเราไปสักร้านพี่แล้วเป็นแบบนี้ กี้ต้องรับผิดชอบ เราก็บอกว่างั้นเข้าใจตรงกันนะ

พี่กี้เข้าไปไม่ใช่ว่าพี่กี้รับผิดนะว่าพี่กี้ทำให้หนูเป็นแบบนี้ กี้พูดกับน้องอย่างนี้ น้องต้องเข้าใจก่อนว่าพี่เข้าไปจ่ายเพราะมนุษยธรรมนะ

พี่อยากช่วยหนู แต่น้องเขาไม่โอเค เขาบอกว่าสรุปเลยนะพี่ พี่จะไม่รับผิดชอบใช่มั้ย กี้ไม่สามารถเอาเงินตรงนี้ไปจ่ายและให้สังคมเข้าใจว่าปิดเรื่องดีกว่า”

แขกรับเชิญอีกท่าน หมอกุ๊กไก่ มาให้ความรู้เรื่องการสักปาก ติดค้างประเด็นอะไรกันอยู่ ฝั่งนิกกี้เขาติดใจเรื่องการพูดออกไป ตอนแถลงข่าวเราพูดว่าเจ็บปวดทรมาน แต่เมื่อกี้บอกว่าดูแลดี?

แพรวา : “พี่เขาดูแลดี ตอนสักก็ดูแลดี ตอนข้างล่างก็ดูแลดี แต่ตอนเจ็บปวด มันเจ็บปวดหลังจากนั้นไงละ”

นิกกี้ : “แต่ตอนแถลงข่าวไม่ได้พูดแบบนี้นี่คะ”

แพรวา : “ตอนสักเจ็บมั้ย มันนิดหน่อย มันก็เลือดไหล สักลงไปยังไงเลือดก็ต้องไหลอยู่แล้ว”

นิกกี้ : “กี้กำลังจะบอกว่าวันแถลงข่าวสื่อเยอะ และน้องบอกว่าเจ็บตั้งแต่อยู่ในร้าน ลงมา ไม่ได้บอกว่าให้หนูเจ็บหรือไม่เจ็บ แต่หนูบอกว่าเจ็บมาก รูปก็จะเห็น พี่ถึงบอกว่าถ้าหนูเจ็บมาก พี่จะไม่ปล่อยให้หนูกลับ แค่นั้นเองมันเหมือนร้านเราโหดร้ายมาก ทำน้องเขาเจ็บอยู่ในร้านและไม่ดูแล”

แพรวา : “ยาชามันแปะไว้ก่อนขึ้นใช่มั้ยคะพี่กี้”

นิกกี้ : “คือพี่กำลังจะพูดว่าหนูแถลงข่าวว่ามันเจ็บตั้งแต่ตอนอยู่ในร้าน แต่เมื่อกี้หนูบอกว่าหนูเจ็บหลังจากที่กลับ ดังนั้นพี่อยากรู้ว่าวันแถลงข่าวบอกว่าเจ็บในร้าน กับวันนี้ อันไหนจริง”

ตกลงเจ็บหรือไม่เจ็บตอนสัก?

แพรวา : “เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่ได้เจ็บถึงขนาดทนไม่ได้”

นิกกี้ : “ตอนแถลงข่าวบอกว่าเจ็บมากนะ เสียงสั่นร้องไห้ด้วย”

แพรวา : “มันเจ็บอยู่แล้ว แต่เราก็ทนได้ไง อย่างเราไปศัลยกรรม”

นิกกี้ : “ตอนแถลงข่าวหนูร้องไห้นะคะหนูบอกว่าเจ็บมากจนทนไม่ไหว”

แพรวา : “พี่กี้ถามหน่อยว่าเจ็บหรือไม่เจ็บ มันเกี่ยวอะไรกับการติดเชื้อ มันไม่ได้เกี่ยวกับประเด็นที่เรามาวันนี้เลย”

นิกกี้ : “การแถลงข่าวมันทำให้เราเสียชื่อเสียงค่ะ”

ตอนนี้คุณแค่อยากให้เขาบอกว่าสักแล้วไม่เจ็บแค่นั้นเหรอ?

นิกกี้ : “ไม่ใช่ค่ะ กี้แค่จะบอกว่าที่น้องบอกว่ากี้ไม่สนใจน้องตั้งแต่น้องอยู่รพ. ตั้งแต่น้องเข้าร้านกี้ก็สนใจน้องแล้ว ว่าน้องเจ็บปวดมั้ย ถ้าน้องเจ็บปวดทุรนทุรายกี้คงไม่ให้น้องกลับ หรือเป็นปัญหาตั้งแต่ในร้าน การแถลงข่าวแบบนั้นทำให้ร้านกี้ดูเหมือนกับว่าทารุณกับลูกค้า นี่คือสิ่งที่กี้จะบอก อย่าพูดซี้ซั้วโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากล้องวงจรปิดบันทึกว่าอะไรบ้าง รับผิดชอบด้วย”

คุณว่าไงบ้าง?

แพรวา : “ถามว่าดูแลดีมั้ย มันก็ต้องดูแลดีอยู่แล้วใช่มั้ยคะพี่หนุ่ม กล้องวงจรปิดไม่ได้เอาไมค์มาจ่อปากหนูว่าหนูเป็นไงบ้าง ถูกต้องมั้ยคะ โอเค เห็นว่าถ่ายรูปถ่ายอะไรกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าความรู้สึกหนูจะเป็นยังไง ถูกมั้ยคะพี่หนุ่มเพราะมันไมได้แสดงถึงความรู้สึก”

นิกกี้ : “พี่ไม่ได้ต้องการความรู้สึกว่าเป็นยังไง แต่ตอนที่หนูให้สัมภาษณ์ หนูรับผิดชอบคำพูดหนูมั้ยคะ ว่าหนูเจ็บปวดมาก หนูก็บอกพี่กี้สิคะ”

เอาเรื่องที่สอง เรื่องติดเชื้อ เรื่องถุงมือ ยังไง?

นิกกี้ : “น้องไม่ได้ถามกี้ แต่น้องตั้งข้อสังเกตว่าพนักงานเรามีการเปลี่ยนถุงมือเคสบายเคสมั้ย กี้อ่านเข้าใจนะถ้าน้องพิมพ์อย่างนั้น ดีใจซะด้วยซ้ำที่น้องถามมา แต่น้องถามว่าควรแก้ไขและปรับปรุง”

แพรวา : “พี่หนุ่มอ่านตามแชตเลยดีกว่าค่ะ”

ในแชตเขียนว่าสิ่งที่เราอยากถามคือหนึ่งเรื่องความสะอาด คนฉีดยาชาได้เปลี่ยนถุงมือมั้ย จริงๆ ที่เราเห็นเขาใส่ถุงมือตลอด เขาทาปากลูกค้า บางครั้งในคลินิกจริงๆ ต้องเคสบายเคส ใส่และถอดทิ้งทันทีเมื่อใช้กับคนไข้ ลูกค้าต่อคนไม่จับสิ่งของอื่น เหตุการณ์ในครั้งนี้เราจึงหวังว่าคลินิกจะเข้าใจและรับผิดชอบ หรือแก้ไขกับสิ่งที่เกิดขึ้นนะคะ?

นิกกี้ : “กี้เชื่อว่าถ้าเรื่องนี้จบอยู่แค่อธิบายว่าน้องพี่ไปดูกล้องวงจรปิดแล้วนะ เขาเปลี่ยนถุงมือจริงๆ และเป็นเคสบายเคสก็คือจบ แต่น้องพิมพ์ตอบกลับมาว่าไม่รู้ล่ะ ยังไงอันนี้ก็เกิดจากพี่แน่นอน หมายถึงว่าเขามาสักที่นี่ ก็เลยติดเชื้อที่นี่ เอาง่ายๆ ถ้าไม่มาสักที่นี่ก็จะไม่ติดเชื้อแบบนี้ มันก็เลยวนมาที่เดิม น้องเขาไม่เข้าใจว่าถุงมือมีการเปลี่ยน ถ้ามีอะไรติดใจก็ถามได้อีก แต่น้องก็วนกลับมาว่า เอางี้แล้วกันพี่ พี่จะไม่รับผิดชอบใช่มั้ย เพราะถ้าหนูไม่สักร้านพี่ หนูก็จะไม่เป็นแบบนั้น”

เอาเรื่องถุงมือก่อน สรุปคือยังไง?

แพรวา : “เหมือนพี่กี้ไปทำนม ติดเชื้อเป็นหนอง แล้วพี่กี้มีสิทธิ์ถามคุณหมอหรือคลินิกหรือรพ.ที่พี่กี้ไปทำมั้ย พี่กี้ต้องถามอยู่แล้ว รพ.คุณเป็นยังไง เพื่อความกระจ่างชัดในใจเรา”

นิกกี้ : “พี่ไม่มีคำถามไหนเลยที่ไม่ให้หนูถาม  แต่พี่แค่บอกว่าในการคุยของเรา น้องสังเกตเห็นและให้เราปรับปรุง”

แพรวา : “หนูเขียนและขีดเส้นใต้ไปด้วยนะคะว่าเป็นสิ่งที่หนูอยากถาม ถ้าเขาไปดูในกล้องวงจรปิดแล้วถ้าไม่ได้เปลี่ยนถุงมือหรืออะไรก็จะได้รับผิดชอบและแก้ไข อันนั้นเป็นคำถาม”

วันนั้นคุณเห็นเขาใส่ถุงมือแล้วไปจับโน่นจับนี่มั้ย?

แพรวา : “คือพอคุณหมอถามเรา เราก็ไม่แน่ใจ เราก็ถามเจ้าของร้าน พอเราถามปุ๊บ เราก็ต้องอยากให้เขาให้เรากระจ่างใจว่าเป็นเพราะอะไร เพราะเราไม่ได้มีกล้องวงจรปิดอยู่ในมือเรา เราก็ต้องถามเขาสิคะพี่หนุ่ม”

นิกกี้ : “ต้องบอกว่าก่อนไลน์ได้มีการคุยกันเบื้องต้นว่าอะไรยังไง กี้ก็รับผิดชอบ คิดว่าน้องคงไปเห็นมามั้ง ว่าพนักงานเราไม่ใส่ถุงมือ กี้ไม่เชื่อพนักงานนะ กี้ว่าเขาด้วยซ้ำ กี้ต้องบอกให้เขาเปิดกล้องวงจรปิด จึงได้เห็น”

ความชัดเจน สรุปคิดว่าเป็นที่ปากเกิดจากอะไร?

แพรวา : “หนูก็คิดว่าเกิดจากการที่หนูไปสักปาก หนูเป็นคนแข็งแรง แล้วไม่เคยเป็นโรคอะไรเลย ซึ่งถามว่าเป็นภาวะทาลัสซีเมียมั้ยหนูไม่เป็น มีใบรับรองเรียบร้อย”

นิกกี้ : “พี่สาวล่ะคะ”

แพรวา : “พี่สาวก็ไม่เป็น เขาตรวจเลือดนะคะ เขาบริจาคเลือดทุก 3 เดือน ถ้าเขาเป็นเขาบริจาคเลือดได้มั้ยคะคุณหมอ ขอถามหน่อย”

หมอ : “ไม่ได้ค่ะ”

แพรวา : “ธาลัสซีเมียตรวจครั้งเดียว ไม่เป็นคือไม่เป็นถูกมั้ย”

นิกกี้ : “เราไม่ได้บอกว่าสิ่งนี้เกิดจากทาลัสซีเมียนะคะ”

แพรวา : “คุณบอกว่าเป็นภาวะ”

นิกกี้ : “ไม่ใช่ค่ะ”

แพรวา : “เขาบอกว่าคนมีภาวะแบบนี้เกิดขึ้นได้อาจเป็นโรค”

นิกกี้ : “ไม่ได้บอกชี้ชัดนะคะ”

ไปกินปลาร้าปลาแดกมามั้ย ?

แพรวา : “พี่หนุ่มคะหนูปากเจ่อปากเจ็บขนาดนั้น หนูไม่บ้าไปกินปลาร้าหรอกค่ะ หนูไม่ใช่ไม่เคยทำศัลยกรรม ต้องมีการดูแลตัวเองระดับหนึ่งอยู่แล้ว เราก็ต้องรักตัวอง ไม่รักชีวิตตัวเองได้ยังไง”

คิดว่าที่เขาเป็นเกิดจากอะไร?

นิกกี้ : “เกิดจากภาวะ เอ่อ เราไม่ได้ระบุ เพราะไม่มีการตรวจเชื้อ แต่กี้เชื่อว่าเป็นไปได้หลังสักอาจจะติดเชื้อได้ ในการสักเราเชื่อว่าร้านเราสะอาดและดูแลอย่างดี กี้เชื่อว่าหลังสักก็เป็นไปได้ที่เกิดจากการติดเชื้อ แต่ติดเชื่ออะไรก็ระบุไม่ได้เพราะมันตรวจเชื้อไม่ได้แล้ว”

รับผิดชอบมั้ย?

นิกกี้ : “พูดตรงๆ เลยว่าในกรณีพี่สาวกี้อยากจะรับผิดชอบ แต่ไม่อยากให้เข้าใจว่าเรารับผิดชอบเพราะเราอยากกลบคดี หรือยอมรับว่าเราสกปรกหรือเราทำให้น้องเป็น ต้องเข้าใจนะคะว่าอาจารย์สักให้ก็จริง

แต่คุณต้องดูแลตัวเองด้วย การสักแบบนี้มีเลือดมีแผล ไม่ใช่ว่าให้ร้านสักดูแลจนจบ จนสวยเลย ไม่ว่าจะทำจมูกหรือเลเซอร์ มันต้องมีการดูแลอย่างที่ถูกต้อง

ก็อยากบอกน้องว่าการทำอะไรแบบนี้ มีเลือด มีแผล จะให้เราไปคัฟเวอร์ถึงขั้นมันไม่เกิดอะไรขึ้นเลย ทุกอย่างมีผลข้างเคียงได้เสมอ น้องต้องไปดูนะคะหลังสักก็เกิดขึ้นได้”

อาจารย์เฟียร์สักมานานหรือยัง?

เฟียร์: “10 ปีครับ ผมทำทุกวัน เป็นสีนำเข้าจากอเมริกา สีใช้แล้วทิ้งเลย น้องบอกว่าสักแล้วมีเลือดเต็ม อันนี้ก็เป็นธรรมดา มีเลือดซิบ ใช้น้ำเกลือกลับไปเช็ดสำลีซับๆ สองสามวันก็หายแล้ว แต่น้องเขาอาจไม่เคยทำ น้องเขาบอกว่าเลือดคาปากน่ากลัวมาก ซึ่งตรงนี้จริงๆ สุดท้ายเดี๋ยวก็ลอกและก็หาย”

นิกกี้ : “ไม่ใช่เรานิ่งนอนใจนะ แต่เราสักมานานเราก็จะรู้ขั้นตอนของมัน ตอนนี้คือปากลอก ถ้าน้องเปิดปากมา น้องจะเห็นว่าปากเริ่มตกสเก็ด พอหลุดมาพื้นปากจะเป็นสีดำ พอสีมันจะออก จริงๆ คนเป็นแบบนี้เยอะค่ะ เพราะจากประสบการณ์เรารู้ว่าเกิดจากหลายสาเหตุ แต่สุดท้ายมันจะหาย”

ตอนนี้ผ่านกระบวนการรักษามาเยอะแยะแล้ว ตอนนี้อาจไม่ได้เฟะหรืออะไรมากมายนัก ในวันที่หนองมันขึ้นเกิดจากอะไร?

นิกกี้: “จากประสบการณ์เราไม่ใช่หมอ เดี๋ยวคนจะหาว่าเราสรุปเอาเอง จากประสบการณ์อาจติดเชื้อหลังจากที่กลับไปแล้ว ไม่ว่าจะป็นกรณีต่างๆ ที่กี้เคยได้ยินจากลูกค้ามา บางคนก็เป็นน้ำเหลืองไม่ดี บางคนเป็นลักษณะใช้ลิปมัน คล้ายๆ เซรั่มไปทาติดแผล ทำให้อุดตัน

บางคนก็ทำความสะอาดไม่ดี อย่างเช่นทานอาหารเสร็จก็เน้นย้ำว่าให้บ้วนปาก ในใบรับรองก็ให้เอาน้ำเกลือเช็ด สามวันแรก ไม่งั้นช่วง 3 วันแรกไม่ทำตามที่เราบอกอาจติดเชื้อได้ หรือไม่ใช่แค่ทานอาหารแซบๆ ของหมักของดองเครื่องเทศก็สำคัญ

แต่บางคนปฏิบัติหมดนี่แล้วก็ยังเป็น ก็มีค่ะ เพราะบางคนพักผ่อนน้อย เครียด ก็เป็นภาวะแบบนี้ได้เหมือนกัน นี่คือลูกค้าเรามาเล่าให้ฟัง  บางคนเป็นหนอง พุพองเหมือนน้องก็มี มันเกิดจากสิ่งต่างๆ ที่บรรยายมาเมื่อกี้ แต่บางคนไม่ทำอะไรเลยก็มี บางคนกินส้มตำไม่เป็นก็มี”

เฟียร์: “แต่สุดท้ายสวยทุกคนนะครับ บอกไว้ก่อน”

ณ วันนี้สิ่งที่เรารู้สึกคือยังไง?

แพรวา : “เอาที่คุณหมอพูดดีกว่านะ คุณหมอบอกว่าการสักลงไป มีโอกาสติดเชื้อได้อยู่แล้ว ไมได้เข้าข้างตัวเองและไม่ได้ว่าพี่กี้ ปากต้องบอกก่อนว่าเป็นอะไรที่สามารถติดเชื้อได้ง่าย แล้วถ้ามีแผลเข้าไปในปาก หรืออะไรก็ตาม ไม่ว่าเชื้อในอากาศ เชื้ออะไรก็ตาม มันติดเชื้อได้หมด”

เฟียร: “แต่ขอบตาที่พี่สาวเขาทำไม่เป็นอะไรเลยนะ”

แพรวา : “ใช่ มันหลายๆ อย่าง ถ้าคิ้ว ตา ไม่ได้มีอะไรเข้าไปเหมือนปาก”

หมอ : “ปากเป็นจุดที่มีน้ำลาย มันจะชื้น มันจะมีเชื้อแบคทีเรียค่อนข้างเยอะ การติดเชื้อจะง่ายกว่า”

นิกกี้ : “ที่คุณหมอพูดก็อาจจะไม่ได้ติดเชื้อจากการอุปกรณ์การสักก็ได้ อาจจะเป็นภายในเขาก็ได้”

ประเด็นตอนนี้กลายเป็นประเด็นที่ว่าติดเชื้อแน่ แต่ติดเชื้อจากที่ไหน ทางนี้สังเกตว่าติดจากทางร้านหรือเปล่า ทางนี้ก็ตั้งข้อสังเกตว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับร้านเขาเพราะสักมาเป็นสิบปีแล้ว น่าจะติดเชื้อจากข้างนอก ?

นิกกี้ : “ซึ่งการพิสูจน์ จริงๆ น้องบอกว่าทำไมพี่กี้ไม่บอกให้ตรวจเชื้อตั้งแต่วันแรก ถ้าเข้าไปรักษาวันแรกถ้าพี่บอกหนูจะได้ตรวจเจอ บอกก่อนนะคะ ก็น้องไม่ได้บอกว่าเราเป็นคนทำให้เป็นแบบนี้ ร้านเราทำให้เป็นแบบนี้ เขาไม่ได้บอก หนูคุยกับพี่สาวเขา พี่สาวบอกว่าเขาเป็นหนอง เจ็บปาก อยากจะแอดมิด กี้ก็ให้เขาแอดมิดเลย แต่เขาไม่ได้ชี้ชัดนี่ว่าติดเชื้อจากเรา”

เฟียร์: “น้องเขาอยู่ในร้านก็เอามือจับเล่น ก็ไม่แน่ใจว่าจับอะไรมาหรือเปล่า เข้าห้องน้ำมาก็อาจเป็นส่วนหนึ่ง แต่ไม่ได้โทษน้องเขานะ มันมีกล้องอยู่”

นิกกี้ : “ตอนอยู่บ้านเราก็ไม่รู้ว่าน้องเขาทำอะไรบ้าง อันนี้เท่าที่เรามี”

ฝั่งนี้เขายืนยันว่าอยู่ร้านน้องก็เอามือไปจับปาก อยู่บ้านก็ไม่รู้จะทำแบบนี้หรือเปล่า?

นิกกี้ : “เรามีการคุยกันแล้ว มีการคุยย้ำกัน เรามีคู่มือให้ด้วยนะเพราะเราเชื่อจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ถ้าดูแลไม่ดี เป็นแบบนี้ทุกคน เราถึงไม่อยากให้หลุดและไม่อยากให้ไปดูแลตัวเองโดยไม่รู้เรื่อง อาจจารย์เฟียร์ก็ย้ำเรื่องนี้มาก กลับไปต้องดูแลตัวเองนะ”

เฟียร์: “ขนาดผ่าหน้าอก เขายังไม่ให้เอามือไปจับ”

นมเป็นหนองเพราะอะไร?

นิกกี้ : “กี้ให้นมน้องและปั๊มทุกสามชม. ถ้าเลยรอบ ทำให้นมอุณหภูมิสูงและทำให้หน้าอกติดเชื้อ  นมมันออกไม่ได้ ตอนนี้ถ้าเกิน 3 ชม. กี้ต้องฉีดยา เพราะท่อนมอักเสบ ส่วนนึงที่บอกว่ากี้เข้าไปไม่ได้ หนนึ่งกี้ป่วยด้วย และหมอฝากน้องมาว่าเราโทรคุยได้ การโทรคุยก็ไม่ใช่เราไม่รับผิดชอบ การที่กี้ไม่เข้าไป กี้ต้องฉีดยาและกี้เป็นเยอะนะคะ กี้แค่ไม่บอกเฉยๆ ว่ากี้เป็นอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่กี้ไม่ไป และโทรคุยอย่างเดียวไม่ได้ไม่สนใจกับสิ่งที่เขาเป็น”

แล้วจะทำยังไง ?

นิกกี้ : “เราอยากรู้ว่าร้านสักทั่วไปมีมาตรฐาน และเราทำดีที่สุดแล้ว อะไรจะยอมรับว่าลูกค้าทำเหมือนที่เราพูด คนก็มองว่าผู้บริโภคเวลาเดือดร้อนเสียหาย แต่ไม่พูดถึงผู้ประกอบการจริงใจ ทำถูกต้องแล้วต้องมาเจอแบบนี้ ต้องรองรับหลังกลับไปด้วยเหรอคะว่าถ้าเขาไม่ปฏิบัติตามหรือทำอะไรสุ่มเสี่ยง เราต้องมารับผิดชอบด้วยใช่มั้ยทุกอย่างก่อนทำต้องเข้าใจว่าตรงกลางคืออะไร เราทำให้คุณสวย คุณกลับไปดูแลตัวเอง จบมั้ยคะ”

อัตราเสี่ยง?

นิกกี้ : “50 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าถ้าร้านไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งไม่ใช่ร้านเรา อย่างไม่เปลี่ยนเข็มสัก ใช้ถุงมือซ้ำ ใช้สำลีซ้ำ เปอร์เซ็นต์ติดเชื้อสูงมาก ติดเอดส์ด้วยซ้ำ แต่กี้มีกล้องวงจรปิดให้ดูตลอด เราไม่ได้โปรเท็กซ์ร้าน เรามีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิด”

คุณแพรวามองยังไง?

แพรวา : “ถ้าพี่ว่าร้านพี่สะอาด แล้วถูกต้องทุกอย่าง แล้วพี่ถามว่าอะไรเป็นมาตรฐาน อันนี้เป็นคำถามนะคะ หนูขอถามว่าก่อนสัก พี่มีคำแนะนำให้กับลูกค้าว่าผลข้างเคียงมีการติดเชื้อรุนแรงพี่ได้พูดหรือเปล่า”

นิกกี้ : “พูดตอนอยู่ในห้องสักค่ะก่อนสักค่ะ”

แพรวา : “แต่หนูไม่ได้รับนะคะ”

นิกกี้ : “ไม่เป็นไรค่ะ เพราะน้องเปลี่ยนใจตอนอยู่ในร้าน”

แพรวา : “ตรงนั้นแล้วไป”

นิกกี้ : “แล้วไปได้ยังไงล่ะคะ น้องอยู่ในเหตุการณ์ทำไมไม่พูดล่ะคะ”

แพรวา : “พี่ไม่ได้บอกหนูไง หนูถามว่าพี่ได้บอกคนไข้หรือเปล่า”

นิกกี้ : “เราอธิบายพี่สาว เราไม่ได้อธิบายคุณ เพราะคุณเพิ่งเปลี่ยนใจมาทำตอนอยู่ในร้าน”

แพรวา : “ถ้าพี่จะบอก พี่ก็อธิบายหนูก่อนได้นะ แต่นี่พี่ไม่ได้อธิบายให้หนูก่อนทำไงคะ อันที่สอง เครื่องมือที่สักมีการตรวจหาเชื้อหรือมีอะไรมารองรับว่านี่สะอาดที่สุด”

นิกกี้ : “สิ่งที่เราตรวจคงไม่มี แต่สิ่งที่เขาคิดว่าทำความสะอาดแบบนี้ ดีที่สุด เราก็ทำดีที่สุดเท่าที่ในโลกนี้จะมีได้ในร้านเรา”

ฆ่าเชื้อยังไง?

เฟียร์: “มีเดตทอลกับแอลกอฮอลล์แช่ 1 วัน มีเครื่องอบฆ่าเชื้อที่เป็นยูวีที่นำเข้ามา”

หมอ : “ในการฆ่าเชื้อก็จะมีการอบยูวี เป็นมาตรฐานที่อาจไม่ได้กำจัดเชื้อทุกอย่าง แต่ถ้าสำหรับในอุปกรณ์ต่างๆ ที่ไม่ได้จิ้มไป ถือว่าโอเคไป”

เฟียร์: “แกะใช้แล้วก็ทิ้งเลยครับ”

แพรวา : “ระหว่างสักพี่บอกว่าพี่ใช้น้ำยา มันเพียงพอกับการฆ่าเชื้อหรือเปล่า”

นิกกี้ : “น้องไม่ได้ฟังเหรอคะ”

แพรวา : “หนูตั้งข้อสังเกตว่ามันเพียงพอกับการฆ่าเชื้อหรือเปล่า”

นิกกี้ : “ถ้าตอบลึกขนาดนั้นก็ให้หมอตอบแล้วค่ะ อันนี้หลักสากลที่เราเห็นว่าร้านทั่วไปที่ได้มาตรฐานเขาทำกัน”

หมอ : “แอลกอฮอล์ก็ถือว่าโอเค ได้มาตรฐาน แต่เชื้อที่เยอะคือในปาก เราไม่สามารถกำจัดได้หมดอยู่แล้ว”

แพรวา : “หนูอยากถามอาจารย์ว่าที่สักมา 10 ปี มีใบรับรองอะไรหรือเปล่า”

เฟียร์: “เรียนจบมาครับ”

แพรวา : “มีสถาบันอะไรรับรองมั้ยคะ หนูจะได้หายสงสัย”

นิกกี้ : “วันนี้ดีเลยค่ะ จบหลักสูตรสักตาสักคิ้ว สักปาก ได้มาตรฐาน ทั่วโลกรับรอง เขามีการอนุญาตอบรมในการมาเรียนอย่างถูกต้อง”

แพรวา : “มีอย. รับรองมั้ย”

นิกกี้ : “สีมีการนำเข้าและใช้ทั่วไปในหลักสากลทั่วไป เขาใช้กันทั่วประเทศ เราไม่สามารถลงลึกว่ามีอย.หรือไม่มีอย.”

สักหรืออะไรก็แล้วแต่ อย่างโบท็อกซ์ ต้องมีการยอมรับ แล้วสีต้องใช้อะไร?

หมอ : “โดยกฎหมายต้องมีนะคะ แต่เราไม่รู้ว่ายี่ห้อไหนรับรอง”

แพรวา : “ใช้สีของอะไรคะ”

เฟียร์: “จากอเมริกา”

แพรวาอยากให้ฝั่งนี้รับผิดชอบอะไร?

แพรวา : “หนูไม่ได้อยากออกมาเป็นข่าว ออกมาดังขนาดนี้เลย”

นิกกี้ “หนูดังแล้วล่ะ”

แพรวา : “ตั้งแต่ออกมาหนูติดต่อพี่กี้หลายครั้งมาก”

นิกกี้ : “พี่ก็ติดต่อกลับตลอด โทรกลับตลอด ทำไมหนูให้ข่าวว่าพี่ไม่ติดต่อกลับ ติดต่อช้านะ หนูดูแลเวลาที่ทักมามั้ย ทักมาสี่ห้าทุ่ม หนูมีมารยาทมั้ย แต่พี่มองว่าหนูป่วยไง พี่ก็ตอบกลับตอลด ใส่ใจตลอด พี่ให้นมน้องอยู่ พี่ก็วางน้องแล้วตอนหนูตลอด”

แพรวา : “หนูไม่รู้ว่าพี่ให้นมน้อง หนูเป็นลูกค้าพี่ หนูไม่สบายใจ หนูไม่ถามพี่แล้วหนูจะถามใครคะ”

เฟียร์: “น้องให้ข่าวว่าไม่ติดต่อกลับมาเลย ไม่รับผิดชอบอะไรเลย ตรงนี้ไม่ถูกต้อง”

แพรวา : “บางอันพี่ก็ตอบช้าจริงๆ มั้ยคะ”

นิกกี้ : “เดี๋ยวนะคะ ตอบช้าไม่ถึงชม. ทักมาตอนสี่ทุ่มนะคะ สี่ทุ่มคุณหมอตรวจเหรอคะ ตอบไลน์พูดตรงๆ โทรมาพี่ก็รับ”

ฝั่งนี้อยากให้เข้าไปฟังหมอพูด ให้ไปปรึกษากับหมอรักษา เหมือนตอบข้อสงสัยได้?

นิกกี้ : “เขาตอบกี้ไม่ได้ว่าเชื้ออะไร แล้วจะให้กี้เข้าไปคุยอะไร”

แพรวา : “เราบอกเขาตลอดจะเกิดจากเหตุอะไรก็ตาม ถามหลายรอบมากว่าเข้ามามั้ย”

นิกกี้ : “แล้วพี่ตอบมั้ย”

แพรวา : “พี่บอกว่าพี่ไม่สะดวกเข้าไปเพราะพี่อักเสบจริงๆ พี่สะดวกคุย”

แล้วทำไมไม่ให้สามีเข้าไป?

นิกกี้ : “ถ้าเฟียร์เข้าไป เขาก็ต้องแคนเซิลลูกค้าต่างประเทศ กี้ไม่ได้บอกว่าเขาไม่สำคัญนะ แต่เรามีกล้องวงจรปิด เขาสักทุกวันจริงๆ เราเป็นเจ้าของร้านเราก็เข้าไปเอง กี้มองว่ากี้ไม่สะดวก แล้วตอนแรกน้องบอกว่าโทรคุยกันได้ แต่ตอนหลังมันเป็นแบบนั้นก็ไม่อยากจะฟัง”

จะดูแลเขามั้ย?

นิกกี้ : “ตอนนี้ข่าวที่ออกมากี้เสื่อมเสีย น้องยังไม่มีการตรวจเลยว่าเชื้ออะไร มีการระบุนิกกี้ปากเน่า ตอนนี้ความรู้สึกพี่ เซิร์สมาจะรับผิดชอบยังไง ความเสียหายเกิดในใจพี่ น้องยังไม่พิสูจน์เลยว่าเกิดจากอะไร แต่ตอนนี้ข่าวออกมาว่ากี้แย่มาก กี้ไม่รับผิดชอบ”

ทางนี้ก็ยังอยากให้เขารับผิดชอบ?

แพรวา : “ถูกต้องค่ะ”

นิกกี้ : “หลังกลับบ้านไป ไม่รู้วาโกหกหรือเรื่องจริง แต่ในร้านเรารู้ว่าเราทำอะไรไว้”

แพรวา “หนูเป็นคนสะอาดคนนึงนะ ไม่ได้สกปกรกขนาดนั้น พี่สาวหนูเฮลท์ตี้มาก สะอาดมาก มือก่อนจับปากก็ต้องล้างมือ”

ถ้าอีกร้อยคนไปสัก จะมีโอกาสติดมั้ย?

หมอ : “มีโอกาสติดค่ะ มันก็ขึ้นกับการอธิบายคนไข้ก่อนที่จะทำ อาจจะเป็นเพราะเคสนี้ไม่ได้ติดต่อมาด้วย ขาดการอธิบายด้วยส่วนนึง”

นิกกี้ : “แต่ไม่ได้หมายความว่าเราอธิบายแล้วจะหมายความว่าเราเป็นคนทำนะคะ”

แพรวา : “ถ้าพี่อธิบาย เราจะได้เข้าใจแต่เขาไม่ได้อธิบาย”

นิกกี้ : “ตอนนี้น้องเข้าใจแล้ว น้องรู้หรือยังว่าเกิดจากอะไร ณ ตอนนี้ เวลานี้ แล้วตอนนี้ในสมองเริ่มรู้สึกหรือยัง กี้รู้สึกโมโหเพราะอธิบายแล้ว”

เขาเป็นคนเจ็บ เขาไปสักที่ร้าน เขาก็ต้องนับหนึ่งจากที่ร้านก่อน?

นิกกี้ : “กี้คุยดีในไลน์ วันนี้ที่กี้รู้สึก ทั้งสื่อทั้งอะไรออกมา สิ่งที่เกิดขึ้นกับกี้ เจอภาวะคนต่อว่าเราไม่รับผิดชอบ กี้ก็มีความรู้สึกนะ”

จะเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ?

แพรวา : “ก็ได้นะคะ ถ้ามันไม่จบก็เป็นไปตามนั้น แต่ถึงทุกวันนี้เราก็ยังไม่ได้แจ้งความ ด้วยความที่เราเห็นเขาน่ารักกับเราในร้าน เราก็คิดว่าเราน่าจะคุยกันได้รู้เรื่อง ถ้าเขาเปิดใจ ไม่ใช่หนูเปิดใจอย่างเดียวนะคะ ถ้าพี่บอกว่าหนูต้องเปิดสมอง พี่ก็ต้องเปิดสมองด้วย”

 นิกกี้ : “พี่เปิดสมอง ตั้งแต้วันแรกแล้วค่ะ น้องไม่รู้เอง”

เมดฮับ นิวส์ medhubnews.com 

เว็บไซต์ข่าวสุขภาพ  สาธารณสุข การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ วาไรตี้ ฯลฯ 

 

ติดตามข่าวสารจาก medhubnews.com

ได้จาก Facebook : sasook ของเรา 

07 มกราคม 2562

ผู้ชม 3629 ครั้ง

Engine by shopup.com