"ทนายรูปหล่อส่อคุก" “อัจฉริยะ” หลักฐานอื้อซัดเยี่ยงโจร "ล้มคดีดาราสาว"
"ทนายรูปหล่อส่อคุก" “อัจฉริยะ” หลักฐานอื้อซัดเยี่ยงโจร "ล้มคดีดาราสาว"
MED HUB NEWS - กำลังเป็นประเด้นที่เข้มข้นเรื่อยๆ และ หลายๆ คนมองว่างานนี้ต้องมีคนทำผิดติดคุกแน่ๆ เรื่องราวที่เกี่ยวกับประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ซึ่งเปิดโปงหลักฐานและพยานกรณีมีการวิ่งเต้นล้มคดีของดาราสาว เพื่อให้หลุดคดีร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด พร้อมไฝว้จัดเต็มทนายรูปหล่อ
ล่าสุด เว็บไซต์ medhubnews.com ข่าวสุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยว วาไรตี้ และ เพจ sasook รายงานว่า โหนกระแส ได้เปิดใจสัมภาษณ์ “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” ประชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม
และ “คุณบ๊วย” แม่เด็ก 8 ขวบที่เสียชีวิต ถูกมือปืนยิงตัดขั้วหัวใจ ซึ่งออกมาแฉกลอุบายทนายรูปหล่อ ที่ทำให้ผู้ต้องหาหลุดรอดจากคดีดังกล่าว
แม่บ้วยเหตุการณ์เกิดขึ้นนานหรือยัง?
บ๊วย : “25 พ.ค. 58 วันนั้นเราได้ยินเสียงรถ เราแง้มหน้าต่างดู มีผู้ชายคนนึงเปิดกระจกแล้วควักปืนยิงเข้ามาบ้านเราเลยแล้วรถก็ขี่ไปเลยเป็นรถปิ๊กอัพ เราวิ่งออกไป เรานอนชั้นล่าง แม่เรานอนชั้นบน ปืนวิ่งเข้าชั้นบน กระจกแตกเราก็วิ่งออกไป เราก็ถามแม่ว่าแม่เป็นไรอะไรหรือเปล่า แม่บอกว่าโดนปืน”
มีกี่คน?
บ๊วย : “บ้านเราครอบครัวใหญ่มี 10 กว่าคน แต่นอนข้างบน 4 คน มีหลาน 3 คน และยาย 1 คน บ้านเราต่ำกว่าถนนอยู่ขอบสะพาน ถนนสูงกว่าเยอะ เราก็เหมือนได้ยินเสียงกระจกแตก ก็หลายนัด เราก็รีบวิ่งไปตามญาติให้เอารถออก แฟนก็ออกมาพร้อมกัน ไม่ทันถึงบ้านได้ยินเสียงว่าลูกเราถูกยิง”
ตอนนั้นอายุเท่าไหร่?
บ๊วย : “8 ขวบ เราวิ่งไปบนบ้านก็เจอแฟนกำลังอุ้มลูก เลือดออกปากออกจมูก แต่ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าโดนตรงไหน แฟนก็รีบวิ่งเอาน้องไปส่งรพ. น้องเสียชีวิต โดนยิงตัดขั้วหัวใจ น้องนอนตะแคงหันหน้าเข้าถนน ยายเอาแขนพาดที่หลังน้อง กระสุนทะลุเลยมาเข้าแขนยาย กระสุนที่ฆ่าน้องอยู่ในแขนยาย ตอนนี้ผ่าออกแล้ว”
ประเด็นที่เกิดขึ้นตามมา คุณแม่เห็นผู้ต้องหา?
บ๊วย : “ค่ะ แรกเริ่มเลยผู้ต้องหาคนนี้เคยมาหาพี่ชายเรา แต่เราไม่รู้จักว่าเขาคือใคร เขามาถามหาเฉยๆ ว่าพี่เราอยู่บ้านมั้ย ในอาทิตย์นั้นมาหา 2 วันก่อนจะยิง
เราก็ไม่ได้สนใจ ยอมรับว่าพี่ชายไม่ใช่คนดี มีเรื่องยาเสพติดตลอด เพราะคนที่มาเราไม่ต้อนรับอยู่แล้ว เราไม่ค่อยคุยเท่าไหร่ เราเป็นคนออกไปคุยกับเขา เราจึงจำหน้าเขาแม่น เขาตะโกนถามพี่ชายอยู่มั้ย เราจำหน้าได้ เขาก็มายิง”
วันที่ยิงเห็นยังไง?
บ๊วย : “เขาเปิดกระจกลงสุด แขนยื่นออกมาแล้วยิง บ้านก็ติดถนนเลยค่ะ น่าจะสิบเมตร แต่เราไม่เคยวัด”
เห็นชัดเจน?
บ๊วย : “เห็นชัดเจนค่ะ ยืนยัน เราไม่ได้แจ้งเลย เราโทรบอกกำนันที่หมู่บ้านว่าบ้านเกิดเรื่องมีคนมายิง กำนันมาที่บ้าน มีคนโทรแจ้งความ พอเราไปถึงโรงพยาบาล ตำรวจก็ไปถึงแล้ว เราก็ชุลมุนเรื่องลูก พี่ชายก็โทรมา
เขาบอกว่าได้ข่าวว่าบ้านเราโดนยิงเหรอ หนูก็บอกว่าใช่ เขาก็ถามว่าหลานเป็นไงมั่ง ก็บอกว่าหลานตายแล้ว เขาบอกว่ากูรู้ว่าใครยิง เขาก็บอกชื่อให้ตำรวจฟังเลย พี่ชายเอารูปให้ดู เขาไม่กล้าเจอตำรวจ ส่งมาทางเฟซคนอื่น เราเห็นรูปก็บอกว่าใช่ จำได้เลย”
ตอนยิงกี่โมง ?
บ๊วย : “เที่ยงคืนกว่า เรามีไฟหน้าบ้าน ไฟสองดวง ตอนนั้นเราตัดต้นไม้หมดเลย เพื่อจะถมโคกบ้าน”
ตอนได้ยินเสียงปืนยิงคุณกล้าเปิดผ้าม่านดูเหรอ ?
บ๊วย : “เราเปิดไปดูก่อนเพราะได้ยินเสียงหมาเห่า ปกติบ้านนอกเขาเปิดหน้าต่างดูอยู่แล้วใครมา เพราะบ้านเราไม่มีรั้ว”
ตำรวจตอนแรกบอกว่าเป็นคนๆ นี้ ?
บ๊วย : “พี่ชายขอสายกำนัน ตอนแรกอิดออดเพราะตัวเองไม่ใช่คนดี กลัวสาวไปถึงยาเสพติด เราก็เลยบอกว่าหลานตายขนาดนี้ มึงต้องบอกแล้ว”
ตร.จับคนนั้นมาขึ้นศาล?
บ๊วย : “เราเป็นพยาน ไม่ได้มีเงินจ้างทนาย ขึ้นแล้วก็สู้กันตามปกติของศาลชั้นต้น จำไม่ได้ว่าวันที่ 1 หรือ 2 คนรูปหล่อเดินไปบ้านเราเลย คดียังไม่จบ กำลังสืบพยาน เข้ามาถึงบ้านเรียกเรา
ตอนแรกเราก็ตั้งท่าเพราะรู้แล้วว่าเป็นทนายตรงข้าม เพราะตอนเราไปศาลครั้งแรกเขาหลอกถามเราว่านอนดึกเหรอ ตอนแรกเราไม่รู้ว่าคือทนายรูปหล่อ เราเข้าไปห้องพิจารณาคดีก่อนเวลา เราก็มานั่งคอย ทนายรูปหล่อก็เข้ามาคุย
จนอัยการเข้ามาถึงถามว่ารู้จักเขาเหรอ เราก็บอกไม่รู้จัก อัยการก็บอกว่านี่แหละทนายฝั่งจำเลยจ้างมา เราถึงรู้ มาถามว่าตื่นเช้าเหรอ เข้างานกี่โมง
ก่อนจะสืบพยาน เราก็ตอบหมด เราไม่รู้ คิดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ศาล เขาก็บอกว่าที่มาถามข้อมูล เพราะจะให้ลูกความรับสารภาพ จะได้ไม่โดนโทษประหารชีวิต คนผิดก็ต้องยอมรับ เดี๋ยวกลับไปอีกวันจะให้รับสารภาพเลย”
มั่นใจว่าเป็นทนายหล่อ ?
บ๊วย : “ใช่ เพราะตอนแรกทุกคนออกมาหมดเลย หลานบอกว่าทนายรูปหล่อคนนี้เหรอที่ว่าความน้อง โห หนูไม่น่านับถือเลย หนูเคยโทรไปปรึกษาคดีของน้องกับเขาเลยทางโทรศัพท์”
หลังจากนั้นยังไงต่อ ?
บ๊วย : “หลังจากนั้นเราก็เจอที่ศาล เขาไปบ้านเราตรงนี้ๆ ใช่มั้ยที่เห็น พอถึงที่ศาล คนรูปหล่อไม่มองหน้าเราด้วยซ้ำ ทำเหมือนไม่รู้จักกัน และจำเลยก็ปฏิเสธทุกข้อหา
ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 18 ปี แต่เราไม่เข้าใจคำพูดศาลท่าน ศาลท่านถามอัยการว่าปิดคดีใน 7 วันได้มั้ย อัยการก็บอกว่าได้ไม่มีปัญหา เราก็เลยคิดว่าตรงนี้หรือเปล่าที่หลอกถามเราแล้วเอาไปแนบ ชั้นอุทธรณ์เราไม่ได้ไปยุ่ง เพราะเราเป็นแค่พยาน”
ทำไมมาหลุดได้ ?
บ๊วย : “เราไม่รู้เลย”
อัจฉริยะ : “มันเป็นเรื่องอัยการ เป็นเรื่องการแก้อุทธรณ์ สองฝ่ายมีสิทธิ์ตามกฎหมาย พี่เขาก็ยื่นในศาลฏีกาอยู่”
ตกลงบุคคลที่เป็นจำเลย เห็นบอกว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ไปอยู่ที่อื่นจริงมั้ย ?
บ๊วย : “อันนี้ไม่รู้เลย เพราะตอนสืบพยาน พยานคือลูกเขา ที่เราไปนั่งฟังนะ แต่ที่เราเห็นพยานฝั่งเขา มีลูกเขาคนเดียว”
ทางทนายรูปหล่อกับฝั่งนี้เขาสนิทกันเป็นเครือญาติกันจริงหรือเปล่า ?
บ๊วย : “ที่เรารู้จากพี่ชายเรา จำเลยคุยในคุก ว่ายังไงก็หลุด คนรูปหล่อดังจะตาย ยังไงก็หลุด ไม่กลัวหรอก เขาเป็นญาติกับเลขาคนรูปหล่อแต่ไม่ได้เป็นญาติกับคนรูปหล่อ”
ที่ช้ำใจมากคืออะไร ?
บ๊วย : “เราไม่ได้ก้าวล่วงศาลท่านนะคะ เรายอมรับอยู่แล้ว แต่ที่เราอยากจะพูดคือการเป็นคนรูปหล่อต้องการมีชื่อเสียงเงินทอง แต่ใช้กลลวง ถ้าคุณเข้ามาดีๆ ก็ว่าไป แต่นี่คุณใช้กลลวงกับเราซึ่งไม่มีความรู้อะไร มาหลอกถามข้อมูลเรา
เพื่อเอาไปช่วยจำเลย ถ้าเราแพ้ตามที่ศาลท่านตัดสินเรายอมรับ ที่เราออกมาพูดไม่ได้ก้าวล่วง แค่อยากให้รู้ว่าคนรูปหล่อมีกลลวงขนาดไหน สังคมยกย่องแต่จริงๆ ไม่ใช่ ถ้าชนะใสๆ ตามกฎหมาย เราไม่ติดใจอะไรอยู่แล้ว”
คิดว่าตรงไหนเขาถึงทำให้ชนะ?
บ๊วย: “เราคิดว่าเขาเข้าไปถ่ายรูปในบ้านเรา คือจากบ้านเราถึงถนนกี่เมตร เหมือนแอบถ่ายรูปตอนมืด ถ้าเราไม่หลงกลเขา เราไม่ให้เขาเข้าบ้านเราก็ได้ ควรมีจรรยาบรรณ และมนุษยธรรมมากกว่านี้”
สมมติเป็นไปตามทนายรูปหล่อบอกว่าคุณมองไปอาจไม่เห็นก็ได้ตอนกลางคืน?
อัจฉริยะ : “โดนหลักจรรยาบรรณวิชาชีพเขาไม่ทำกัน เพราะเป็นคู่ความกัน เข้าบ้านไม่ได้อยู่แล้ว แล้วนี่มาโดยใช้กลอุบาย"
ติดใจตรงนี้?
อัจฉริยะ : “ใช่ คุณมาให้คำมั่นสัญญาว่าคุณจะให้ลูกความคุณรับสารภาพ เขาถึงยอมให้คุณเข้ามาในบ้าน มาถ่ายรูป ถ่ายอะไร เขาเรียกว่ากลอุบายที่สกปรก แล้วเอาไปใช้ในการซักค้านซึ่งมันไม่ควรทำ
วิธีการแบบนี้เขาเรียกทนายสายโจร โดยมรรยาทเขาไม่ทำกัน สู้กันในข้อกฎหมาย ไม่ได้เอาความเจ็บปวดของแม่อายุ 8 ขวบ ซึ่งเขาเจ็บปวดทุกข์ทรมาน สูญเสียลูกไปจากการกระทำที่โหดเหี้ยม
แล้วเกี่ยวพันค้ายาเสพติด คนแบบนี้เหรอที่คุณทำเพื่อประชาชน วันนี้สิ่งที่บอกคุณช่วยคดีค้ายาเสพติดและฆ่าเด็ก 8ขวบ มันเหมาะสมและถูกต้องมั้ย”
พี่อัจมองว่าทนายรูปหล่อคนนี้ไปเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดอีกแล้ว?
อัจฉริยะ : “ใช่ แล้วคดีที่สองคือไปหลอกลวงสองสามีภรรยาที่ส่งออกอาหารทะเล และไปเรียกเก็บเงินเขา 5 แสน จาก 7 แสน โดยเพียงแค่คุณแนะนำให้เขาไปยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการ คดีที่เขาไปวิ่งเพื่อให้ผู้ต้องหาได้รับโทษมากขึ้น ไม่ได้วิ่งให้ผู้ต้องหาพ้นผิดนะ คุณเป็นนักกฎหมาย มีความรู้ด้านกฎหมาย
คุณใช้วิธีรู้จักอัยการ วิ่งเต้นได้ให้เขาสืบสองคำ แล้วเรียกเขา 7 แสน แต่เขาให้ 5 แสน อ้างว่าจะเอาเงินสดไปให้อัยการ สุดท้ายศาลตัดสินมาคำเดียว คุณก็ไม่ยอมคืนเงินเขา จนเขาทวง มีการบันทึกเสียงเอาไว้
นอกจากนั้นยังไม่พอ ถึงวันนี้คุณยังให้คนไปข่มขู่เขา เรามีวงจรปิด มีหลักฐานทุกเรื่อง ถ้าไม่จริงมาฟ้องผมเลย เรื่องที่สามคือไปลวนลามผู้หญิง เรามีหลักฐาน”
คือเรื่องอะไร ?
อัจฉริยะ : “คือทำทีบอกผู้หญิงว่าตัวเองเป็นโสด ไม่มีครอบครัว อยู่แบบชายโสดมา 2 ปีชวนเขาไปโน่นไปนี่ พอได้จังหวะก็ตีสนิทไปบ้านเขา พอเขาอยู่บ้านไม่มีผู้ใหญ่ก็ลวนลานเขา
อีกเรื่องก็คือขณะนี้นอกจากสองสามเคสที่เราพูดก็มีเรื่องความเก่า ตามไปช่วยคนที่วิ่งเต้นคดียาเสพติด กุ้งมังกรนี่คดีนึง และมีอีก 2 เคสที่มาร้องเราอีก”
เรื่องกุ้งมังกรนี่คืออะไร ?
อัจฉริยะ : “คือกุ้งมังกรมีคนๆ นึง ชวนคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับการล้มคดีของดาราสาวไปกินกุ้งมังกรแถววัดท่าไม้ ก็ให้เงินเขามา 5 หมื่น แล้วบอกว่าห้ามนำความลับไปเผยแพร่ เขาไปกินกุ้งจริงๆ คนละตัว
แต่มีเงิน 4 หมื่นให้เป็นน้ำจิ้ม วันที่ขึ้นศาลจะให้อีก 5 หมื่น ปรากฏว่าเขารู้ว่าเป็นการวิ่งเต้นเพื่อล้มคดี”
พี่มีหลักฐานอะไร และทำไมคิดว่าเป็นการวิ่งเต้นล้มคดี?
อัจฉริยะ: “นี่เป็นรายการแรกที่โชว์หลักฐาน ไม่เคยโชว์ให้ใครดู นี่คือสำนวนคดีที่คนรูปหล่อซื้อมาจากตำรวจ ไม่มีลายเซ็นตำรวจ นี่เป็นสำนวนคดีที่เป็นคำให้การของผู้ต้องหา
ต้องบอกเลยว่านี่คือสำนวนคดีที่มีการซื้อมา ในคดีดาราสาว ให้ดูตัวอย่าง เป็นรายการแรก ซื้อทั้งแฟ้ม แต่เอามาให้ดูตัวอย่าง นี่เป็นคำให้การผู้ต้องหา ตามกฎหมายไม่สามารถเอาออกมาได้”
คดีเดียวกันแต่ไม่ใช่ดาราสาว ?
อัจฉริยะ : “ก็ในกลุ่มดาราสาวนี่แหละ ได้มาทั้งแฟ้ม เอาแบบนี้ดีกว่า”
ทนายท่านนั้นไปซื้อสำนวนจากผู้ต้องหาอีกคนนึงเหรอ ?
อัจฉริยะ : “ซื้อจากตำรวจ สำนวนนี้ก็เป็นของตำรวจ”
เป็นสำนวนแฟนดาราสาวใช่มั้ย ?
อัจฉริยะ : “ทั้งหมดในคดี ไม่ว่าจะพยานหรืออะไร เหมือนรู้ข้อสอบก็เลยแก้ข้อสอบกัน”
เหมือนซื้อข้อสอบ ?
อัจฉริยะ : “ในอดีต 2543 คนๆ นี้ไม่ได้ใช้ชื่อนี้ เขาใช้อีกชื่อ ณัฐวุฒิ นามสกุลก็ไม่ใช่นามสกุลปัจจุบัน มีคดีรุมโทรมเกิดขึ้นเมื่อ 25 ก.ย. 2543”
ไปกล่าวหาเขาหรือเปล่า ?
อัจฉริยะ: “ผมมีหลักฐาน ผมพูดอะไรผมมีหลักฐาน ไม่จริงมาฟ้องผมได้ มีคดีรุมโทรม พื้นที่สอภ.กระทุ่มแบน สิ่งที่เกิดขึ้น คนร้องเรามา มากกว่า 5เคส พูดง่ายๆ เป็นผ้าป่า อย่างที่ผมบอก ถ้าผมทำผิดมาแฉผมได้ เคสผมชี้แจงได้ แต่สำหรับคนนี้มีคนร้องเรามาไม่ต่ำกว่า 5เคส และเกี่ยวพันกับคดียาเสพติดทั้งนั้น เกี่ยวกับเรื่องการวิ่งเต้น”
ด้วยเหตุผลอะไร ทำไมถึงต้องขยี้เรื่องนี้ ขยี้บุคคลท่านนี้ ?
อัจฉริยะ : “ยาเสพติดบ่อนทำลายชาติ การที่คุณมีเงินจากการค้ายาเสพติด แล้วคุณมาใช้เงินจากการทำผิดกฎหมาย วิธีสกปกรกจากการค้ายา เราถือว่าคนพวกนี้บ่อนทำลายชาติบ้านเมือง แล้วเอาเงินสกปรก มาวิ่งเต้นจ้างทนายโจร ตำรวจโจรบางคน
อัยการบางคนที่เป็นสายโจร ทำการล้มคดี โดยการจ้างพยานเท็จ จ้างให้เบิกความเท็จ ไม่ให้ตรงกับสำนวน เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ผมถามว่าคนพวกนี้เป็นพวกจัญไรมั้ย พวกนี้อย่างที่ท่านสมหมายบอก พวกค้ายาเสพติดเป็นพวกเลว”
ท่านผู้บัญชาการนครบาลบอกว่าถ้าร้องไปไม่ได้เป็นตามที่พูดต้องรับผิดชอบ ?
อัจฉริยะ : “ผมเป็นลูกผู้ชาย ผมทำอะไรผมรับผิดชอบ ฟ้องร้องผมได้ถ้าไม่จริง ในการทำงานครั้งนี้ทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อส่วนรวม ไม่ใช่ขัดแย้งส่วนตัว และไม่มีเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์
เพราะหวย 30 ล้านผมเคยประกาศแล้วว่าถ้าตาจรูญได้เงินกี่ล้านก็แล้วแต่ไม่ต้องมาให้ผมสักบาทเดียวเพราะเป็นเงินอาถรรพ์ คดีหวย 30 ล้าน ใครได้เงินก็เอาไปแต่ผมไม่เอาแม้แต่บาทเดียวและผมไม่เคยมีผลประโยชน์อะไรกับคนรูปหล่อคนนี้อยู่แล้ว ที่เราทำเพื่อผลประโยชน์ประเทศชาติ เราปล่อยไม่ได้”
พี่มีหลักฐานทั้งหมด ?
อัจฉริยะ : “เรามีหลักฐานทุกชิ้น นี่เป็นตัวอย่างแรกนะ เรามีเคสสองสามีภรรยาที่ถูกหลอกลวงอีก”
เมดฮับ นิวส์ medhubnews.com
เว็บไซต์ข่าวสุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ วาไรตี้ ฯลฯ
ติดตามข่าวสารจาก medhubnews.com
19 ธันวาคม 2561
ผู้ชม 6876 ครั้ง