“บุ๋ม ปนัดดา” ซัดทนายคลายทุกข์จับพิรุธ คนไข้แฉอีกตรวจฝี ถูกจับนม
“บุ๋ม ปนัดดา” ซัดทนายคลายทุกข์จับพิรุธ คนไข้แฉอีกตรวจฝี ถูกจับนม
MED HUB NEWS -กรณีข่าวสูตินรีแพทย์คลินิกแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์กระทำอนาจารคนไข้ระหว่างรับการรักษา และตรวจภายใน ซึ่งต่อมาพบว่ามีผู้เสียหายอีกหลายรายออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าเคยถูกหมอคนดังกล่าวกระทำในลักษณะเดียวกัน
กระทั่ง “ทนายเดชา กิตติวิทยานนท์” ได้ออกมาเผยพิรุธกรณีการร้องเรียนดังกล่าว ถามหาหลักฐาน และพยาน อีกทั้งสงสัยว่าเหตุใดตอนถูกกระทำชำเราไม่มีการดิ้น ขัดขืน หรือร้องโวยวาย
และการไปแจ้งความก็เดินทางไปแจ้งความหลังจากเกิดเหตุนาน จนทำให้เกิดความแปลกใจ จนซัดกันนัวระหว่างทนายความด้วยกัน
ผู้สื่อข่าวเว็บไซต์เมดฮับนิวส์ดอทคอม ( MEDHUBNEWS.COM ) และ เพจ sasook รายงานว่า โหนกระแส ได้เปิดใจสัมภาษณ์“ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์” ทนายคลายทุกข์
และ “แพทย์หญิงธาริณี ลำลึก” สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ ร.พ.พญาไท พร้อมสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” ประธานองค์กรทำดี และผู้เสียหายรายหนึ่ง
พี่เดชา พี่บอกแปลกๆ แปลกตรงไหน ?
เดชา : “เวลาเราดูข่าวอะไรก็แล้วแต่ ก็เป็นเรื่องแปลก อยู่ดีๆ หมอข่มขืนคนไข้ ไม่เคยเกิดขึ้น ผมก็ถามทางแพทย์สภา หมอผู้ใหญ่วงการสูติฯ พอดีรู้จักหมอเยอะ เขาก็บอกไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ มันก็แปลกไง เราก็ตั้งใจฟัง ไปออกช่องนั้นช่องนี้ ทนายคนสวย เดินสายออกทีวี
โดยทั่วไปเวลาออกทีวี มีผู้เสียหายเกิดขึ้น ต้องพาผู้เสียหายไปนั่ง ให้เขาพูด เพราะทนายความไม่ได้นั่งอยู่ข้างเตียงตอนที่คุณหมอกระทำชำเรา เขาอยู่ข้างเตียงเห็นเหตุการณ์เหรอ ทุกคดี ผู้เสียหายออกทีวี ทนายนั่งข้างๆ เป็นกำลังใจ
นี่เรื่องแรก เรื่องที่สองเหตุเกิดตั้ง 10 กว่าวัน ต้นเดือนก.ย. มาปลายเดือน และ 6 ต.ค. ก็เดือนกว่า ไม่แจ้งความ เพิ่งนึกได้ว่าถูกกระทำชำเรา แค่นี้มันก็แปลกแล้ว เพราะผมถามทนายน้องๆ ผู้หญิง ถ้าโดนแบบนี้เขาถีบ แหกปาก เต็มที่แล้ว มันแปลกไปหมด”
เมื่อวานตร.ลงพื้นที่ดูสถานประกอบการว่าเป็นยังไงไปดูในห้องก็ไม่ได้มิดชิดอะไรมากมาย ?
เดชา : “ประตูก็ไม่มีก็เป็นบ้าน ก็ลองให้ตะโกนว่าสมมติถูกหมอข่มขืนให้ร้อง ก็ได้ยินไปถึงหน้าร้าน ให้ตะโกนเพื่ออะไร ธงก็บอกอยู่แล้ว คดีไม่มีมูล พนักงานสอบสวนดูข่าว เขาก็ให้ตะโกนสิ ช่วยด้วยๆ
พนักงานให้สัมภาษณ์ช่อง 3 ได้ยินถึงหน้าร้าน ยังไม่รู้เลยผลคดีจะเป็นยังไง เขาให้ตะโกนทำไม ถ้าเรียนจบนิติศาสตร์ เนติบัณฑิต เป็นทนายจริงๆ ต้องรู้แล้วถ้าไม่มีพยานหลักฐานมากกว่านี้ ก็ออกมาขอโทษประชาชน”
แล้วในไลน์ที่มีการโต้ตอบกัน?
เดชา : “ระหว่างคนที่ข่มขืนกับคนที่ถูกข่มขืนจะพูดกันแบบนั้นเหรอ ที่รัก รักตัวเองนะ ล้านเปอร์เซ็นต์นะ สิ่งที่คุณหมอพูดกับคนไข้ ดูลักษณะเหมือนสมยอม ฟังแล้วเหมือนคุยกันแบบตัวเองนะ”
ไลน์ล่ะ ที่บอกว่าหมออยู่กับแม่สองคน ไม่อยากให้มีปัญหาไม่อยากให้เรื่องถึงโรงถึงศาล โอนเงินให้?
เดชา : “ก็ขอเงิน อยู่ดีๆ โอนเงินให้หรือเปล่า”
เหมือนให้ไปถอนแจ้งความ?
เดชา : “อย่าไปขยายความ หลักฐานมีแค่ไหนแค่นั้น จบกฎหมายมานะ คนแถลงข่าว ถ้าเราโดนข่มขืน โดนล่วงละเมิดทางเพศ ครั้งแรกบอกว่าไม่โดนข่มขืนแต่ถูกลวนลาม”
ในธงของพี่ ไม่น่ามี?
เดชา : “ไม่ใช่หรอก ผมสงสัย คือผมแค่สงสัย ทำไมตกใจง่ายล่ะ ด่าผมเป็นปลิง ทนายคนสวยถ้ามีพยานหลักฐานก็ตอบมาสิ ผมอยู่ในงานแต่ง ผู้สื่อข่าวทุกสำนักเต็มหมดเลย อยู่ดีๆ ก็มีผู้สื่อข่าวบอกว่าอาจารย์ทนายคนสวยบอกว่าผมไปเสือกเรื่องของเขา
เขาเรียกผมศาสตราจารย์ประชดผม บอกว่าผมเก่งนัก เสือกเรื่องคนอื่น แต่เรื่องตัวเองฟ้องผิดศาล ผมก็เลยย้ำว่าอย่าโชว์โง่ ตอนแรกก็ไม่ได้เดือดหรอก สื่อก็บอกว่าเขาด่าอาจารย์ จัดให้เขาหน่อย”
อาจารย์หมอ การขึ้นขาหยั่ง เพื่อตรวจภายใน ถ้าโดนล่วงละเมิดระหว่างขึ้นขาหยั่ง เป็นไปได้มั้ย ต่อสู้ได้มั้ย?
แพทย์หญิงธาริณี: “สู้ได้ เพราะขาหยั่งไม่ได้มัดมือมัดขา เท้าตั้งไว้เฉยๆ”
กฎกติกาของสูตินารี เวลาตรวจภายในจำเป็นต้องมีบุคคลที่สาม?
แพทย์หญิงธาริณี: “จำเป็น เป็นผู้ช่วยพยาบาล ต้องอยู่ ถ้าไม่อยู่ไม่ควรตรวจ เพราะอาจเกิดเหตุการณ์แบบนั้นได้”
ในวันนั้นไม่มีคนอยู่?
เดชา : “เราก็ไม่ทราบเพราะไม่ได้ไปนั่งข้างเตียง ถ้าไม่อยู่ก็ผิดจรรยาบรรณ แต่ผิดจรรยาบรรณกับผิดกฎหมายคนละเรื่องกันนะ อย่ามั่ว ถ้าไม่มีคนมายืนก็ผิดจรรยาบรรณ ไปว่ากล่าวตักเตือนก็ว่าไป เป็นมาตรการป้องปรามแค่นั้น จะไปตัดสินว่าเขาข่มขืนไม่ใช่”
ในมุมน้องบอกถูกสอดใส่ อนุมานได้มั้ยอาจเป็นเครื่องมืออัลตร้าซาวด์ หรือเป็นอวัยวะ?
แพทย์หญิงธาริณี: “ปกติการตรวจภายใน ต้องมีเครื่องมือสอดใส่เข้าไปอยู่แล้ว อย่างอันนี้คือปากเป็ด เราใช้สำหรับสอดใส่เข้าไปในช่องคลอด เพื่อดูลักษณะตกขาว ดูลักษณะภายในช่องคลอด และมีอีกอันคืออัลตร้าซาวด์ เราจะเห็นภาพในจอ ลักษณะของมดลูก อีกอันคือมือ เราสามารถใช้มือที่ใส่ถุงมือไปคลำตรงบริเวณอุ้งเชิงกราน ที่เป็นแท่งๆ ก็ต้องใส่ถุงยางก่อน เพื่อสอดเข้าไปในช่องคลอด เวลาตรวจก็ดูซ้ายขวา ตรงกลาง บนล่าง ต้องขยับไปมา”
เป็นไปได้มั้ยถ้าผู้หญิงเขารู้สึกว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ?
แพทย์หญิงธาริณี: “ปกติเราจะไม่ขยับมาก ขยับนิดหน่อยเราก็ได้ข้อมูลในการตรวจแล้วค่ะ”
แยกออกมั้ยระหว่างเครื่องมืออัลตร้าซาวด์กับผู้ชายล่วงละเมิดทางเพศ?
แพทย์หญิงธาริณี: “เครื่องมืออัลตร้าซาวด์จะเป็นแท่งแข็งเลย น่าจะแยกออก”
หมอจำเป็นต้องโน้มตัวไปข้างหน้า?
แพทย์หญิงธาริณี: “โน้มค่ะ แต่จะไม่โน้มมาก เพราะอวัยวะที่เราตรวจอยู่ใต้สะดือ เวลาโน้ม โน้มประมาณหนึ่ง บางทีต้องใช้การกดจากด้านบนหน้าท้องหรือในช่องคลอด เราจะสามารถคลำช่องได้ปกติไม่โน้มเกินสะดือค่ะ”
เอาตัวไปอยู่ระหว่างขาหยั่งมั้ย?
แพทย์หญิงธาริณี: “ปกติตรวจภายใน เราอยู่ระหว่างขาคนไข้ค่ะ โน้มแต่ก็โน้มไม่เยอะ ไม่ถึงคอแน่นอน ออกมาด้านข้างมั้ย ปกติจะไม่ตรวจภายใน จะตรวจหน้าท้อง”
พี่เดชามีอะไรเสริม?
เดชา: “ฟังจากอาจารย์หมอพูดก็ชัดเจน วิธีการแบบนี้คือขั้นตอนการรักษา ล่วงล้ำของสงวนเป็นเรื่องปกติ แล้วคุณจะแยกยังไงว่าโดนล่วงละเมิดทางเพศ คุณมีความรู้ความสามารถระดับนั้นเลย ต่อไปคุณไปหาหมอสูติฯ ชาย เดินออกมาแล้วบอกว่าหมอจับหน้าอก หมอล้วงนาน ก็ติดคุกกันหมดสิ”
หมอกลัวมั้ย?
แพทย์หญิงธาริณี: “ไม่กลัว ถ้าทำตามสเต็ปก็ไม่กลัว”
เดชา : “หมอผู้ชายกลัว เคสนี้ถ้าไม่มีหลักฐานอะไรเลย แค่ออกมาแล้วคดีชนะ จะทำยังไงกันต่อ”
พูดคุยกับบุ๋ม ที่ช่วยดูแลเคสนี้ ตอนนี้มีประเด็นสวนทาง ทางทนายเดชา บอกว่าเรื่องมีเงื่อนงำ คุณบุ๋มมองว่ายังไง?
บุ๋ม : “ก็อาจเป็นมุมมองที่ทนายเดชาไมได้คุยกับผู้เสียหายโดยตรง ที่สำคัญคือยังไม่ทราบว่าเรามีหลักฐานเพิ่มเติมอะไรมากกว่านี้บ้าง เพียงแต่ว่า ณ วันนี้หลักฐานบางอย่างเปิดเผยไม่ได้ มันเป็นเรื่องข้อมูลส่วนตัวผู้เสียหายด้วย
การเป็นผู้หญิงมันเปิดเผยไม่ได้ทั้งหมด แต่มุมมองทนายเดชาเราก็รับฟังและขอบคุณที่แสดงมุมมองอะไรต่างๆ แต่เชื่อว่าถ้าทนายเดชาได้มาคุยกับผู้เสียหาย
บุ๋มเชื่อว่าทนายจะเข้าใจ และอาจจะใช้ความรู้ความสามารถทนายมาช่วยบุ๋มด้วยซ้ำไป เพราะบุ๋มอยากได้คนเก่งๆ มาช่วยเพราะตอนนี้ผู้เสียหายเยอะมากที่เข้ามา อย่างน้อยการทำงานของบุ๋ม บุ๋มไม่ใช่นายความและนักการเมือง มันไม่มีความจำเป็นต้องมีเรื่องกับคนนั้นคนนี้ บุ๋มอยากทำให้เสียงผู้เสียหายเขาดังขึ้น บุ๋มอยากแค่เป็นกระบอกเสียง”
กลัวเรื่องนี้จะพลิกมั้ยเพราะบางส่วนมองว่าเหตุการณ์ผ่านเป็นเดือนทำไมเพิ่งมาร้อง สองสถานประกอบการถ้ามีการล่วงละเมิดจริง ตัวน้องร้องก็ต้องดังมาถึงข้างนอก ถ้าไม่มีหลักฐานเพียงพอจะทำยังไง?
บุ๋ม : “การพูด การที่ตร.ไปเดินตามที่คุณหมอ พื้นที่ข้างในมีการเปลี่ยนแปลงเรียบร้อยแล้ว บุ๋มว่ามันไม่มีประโยชน์มั้งคะ เตียงทุกอย่างเปลี่ยน แต่บังเอิ๊ญบังเอิญเราโชคดีที่ผู้เสียหายบางคนเคยเข้าไปถ่ายรูปและส่งอันนี้ให้เราแล้วค่ะ
รวมทั้งคลิปเสียงต่างๆ ในสถานที่ทุกอย่างก็มี เรามีหลักฐานบางอย่างที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างมาก
ซึ่งตร.ควรลงพื้นที่เมือสองเดือนก่อนแล้ว ไม่ใช่ไปลงคืนวันอาทิตย์และเดินตามคุณหมอ ซึ่งมันไม่ใช่เลย แล้วที่สำคัญหลักฐานบางอย่าง
ถ้ามาดู มาเจอกับบุ๋มเนอะ ทนายอาจเห็นอะไรบางอย่าง และอาจมาช่วยผู้หญิงทุกๆ คนอยากให้คนเก่งๆมาช่วยก็ได้ค่ะ”
ทนายเดชาไปดูได้มั้ย ?
เดชา : “ยินดีครับ ผมตั้งข้อสังเกตช่วยคุณบุ๋มนะครับ ไม่ใช่ใส่ร้าย ถ้าแก้ได้ก็ชนะนะ ถ้าแก้ไม่ได้ก็ไปไม่รอดครับ ขนาดเถียงกับผมนอกศาลยังไม่รอด อันดับแรกมันไม่มีต่อสู้ขัดขวาง หรือร้อง ตำรวจให้ร้องก็แสดงว่าธงของมันคือไม่ร้อง”
บุ๋ม : “มีค่ะ”
เดชา : “อันดับสองแจ้งความช้า อธิบายได้มั้ย”
บุ๋ม : “อธิบายได้ค่ะ”
เดชา : “อันที่สาม ไม่ไปตรวจสอบภายในเลย ไม่ไปหาหมอ ไม่กลัวติดโรคเหรอ ผมก็รู้จักคุณบุ๋ม ผมไม่ต้องการทำลายผู้เสียหายอะไร เดี๋ยวเข้าใจคลาดเคลื่อน ผมตั้งข้อสังเกตให้แก้ ถ้าเรามีพยานหลักฐานมัดแน่นจริง เราแก้ 10ข้อ ขึ้นศาลก็ต้องโดนซักค้านแบบนี้ ผมก็รู้วาหมอจะสู้คดี คุณบุ๋มบอกว่าผมไม่เคยคุยกับผู้เสียหายจริง แต่ผมเคยคุยกับผู้สื่อข่าวที่คุยกับผู้เสียหายและผู้สื่อข่าวที่เคยสัมภาษณ์หมอ เขาก็รู้ว่าหมอจะสู้คดี คุณบุ๋มทราบหรือเปล่า”
บุ๋ม : “ทราบค่ะ”
เดชา : “ถ้าพลาดท่าไป เขาจะฟ้องกลับ คุณบุ๋มทราบมั้ยครับ”
บุ๋ม : “ทราบค่ะ”
เดชา : “นั่นแหละ ผมก็เป็นห่วง แล้วน้องคนสวยก็ใจร้อน ด่าผมแรงเลย คุณบุ๋มว่างเมื่อไหร่นัดเลย ผมยินดีข้าไปช่วย ผมจะตั้งคำถามรก ๆ ไว้ให้แก้ เพราะขึ้นศาลก็โดนซักค้านอยู่แล้ว”
บุ๋ม : “สามข้อแรกมีคำตอบให้ค่ะ เพียงแต่ว่าบางคำตอบไม่สามารถเปิดตรงนี้ได้ เพราะมีรายละเอียดมากกว่านั้น ถ้าบุ๋มเปิดไปทางโน้นแก้มา มันเป็นข้อมูลผู้เสียหายซึ่งที่ผ่านมาผู้เสียหายโดยสื่อมวลชนที่ไม่มีจรรยาบรรณ
เอาชื่อและที่อยู่น้องเขาไปลงในข่าว หนูโกรธมาก หนูเสียใจมาก ทนายเดชาแนะนำด้วยว่าหนูต้องทำยังไง หนูโกรธมากกับสื่อที่ทำแบบนี้ แล้วข้อมูลนั้นมาจากทางตร. แต่ทางตร.โบ้ยว่าผู้ต้องหามีการปล่อย”
สัมภาษณ์หนึ่งในผู้เสียหาย “คุณเอ” เหตุเกิดเมื่อไหร่?
เอ : “เมื่อปี 58-59 ค่ะ”
ไปหาสองครั้ง?
เอ : “ค่ะ”
ครั้งแรกไปหาเพราะอะไร ?
เอ : “ครั้งแรกเป็นตุ่ม เป็นฝี มีพยาบาลมาซักประวัติ ซักพักหมอเรียกเข้าไปในห้อง มีหนูกับหมอสองคน เขาเรียกว่าที่รัก ไม่รู้จักกันมาก่อนค่ะ เขาให้ไปเปลี่ยนผ้าถุงแล้วมาขึ้นขาหยั่งเพื่อทำการตรวจ
หลังจากนั้นก็ขึ้นขาหยั่ง แล้วสักพักก็ขอดูหน้าอก เอามือมาจับ เขาจะพูดว่าเกี่ยวกับฮอร์โมนเราเปลี่ยน ประมาณนี้ค่ะ”
ลักษณะเหมือนจับดูก้อนในหน้าอกหรือลวนลาม ?
เอ : “ถ้าจับเป็นก้อนเขาก็จะบอกแต่ที่จับเราจะไม่พูดถึง แต่จะพูดทางเพศศึกษาซะมากกว่า เหมือนสอนค่ะ”
หมอจับหน้าอกระหว่างตรวจภายใน ?
แพทย์หญิงธาริณี: “ไม่ได้จับค่ะ ถ้าคนไข้ไม่มีอาการผิดปกติเรื่องหน้าอกมา ตรวจภายในคือตรวจช่วงล่างค่ะ ปกติไม่ทำค่ะ”
เขาล่วงละเมิดมั้ย ?
เอ : “เขาไม่ได้ล่วงละเมิดค่ะ แต่พยายามพูดโน้มน้าวให้เราเคลิ้มไปกับเขา สุดท้ายก็ออกมาได้ค่ะ”
แล้วกลับไปต่อว่าเขามั้ย ?
เอ : “ปีแรกยังไม่ค่ะ”
ทำไมปีที่สองกลับไปอีก ไม่แปลกๆ เหรอ ไม่กลัวเหรอ ?
เอ : “หนูแจ้งก่อนว่าปีสองหนูทำงานที่กรุงเทพฯ และไปรพ. คุณหมอสูฯ ตรวจเหมือนกัน แต่เขาบอกว่าฝีหนูไม่มีหัว ประมาณนี้ เลยทำการรักษาให้ไม่ได้ เลยต้องรอ ประมาณอาทิตย์กว่าเลยตัดสินใจโทรที่บ้านให้เขาขึ้นมารับเพื่อลงมาที่นครสวรรค์”
เลยกลับไปที่เดิม ยอมกลับไปเหรอ ?
เอ : “ใช่ค่ะ ต้องยอมกลับค่ะ เพราะทางกรุงเทพฯ ยังรักษาให้ไม่ได้ ซึ่งก็โดนเหมือนเดิม เขาจำเราได้ค่ะ เพราะมีประวัติ และเรียกที่รักเหมือนเดิม”
มีให้เงินชดเชยมั้ย?
เอ : “ครั้งที่สองมีควักเงินจากกระเป๋าตังค์เขาให้หนู 2 พัน บอกว่าให้เอาตังค์ตรงนี้ไปจ่ายหน้าเคาท์เตอร์”
คุณหมอเรื่องนี้จะทำยังไงดี?
แพทย์หญิงธาริณี: “ถ้ามีอาการก็ไปตรวจได้ค่ะ ไม่ต้องกลัวค่ะ”
เมดฮับ นิวส์ medhubnews.com
เว็บไซต์ข่าวสุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ วาไรตี้ ฯลฯ
Thailand Health and Wellness News
ติดตามข่าวสารจาก medhubnews.com ได้จาก Facebook : sasook ของเรา
26 ธันวาคม 2561
ผู้ชม 2173 ครั้ง