"ลูกเลี้ยงแฉ" เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลขอนแก่น "โกหกซ้ำซาก" พลิกลิ้น
"ลูกเลี้ยงแฉ" เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลขอนแก่น "โกหกซ้ำซาก" พลิกลิ้น
กรณีเมียและลูกเลี้ยง “นายพินันท์” เข้าแจ้งความ จนท.รพ.รัฐที่ขอนแก่นชกหน้าผู้ป่วยเสียชีวิต แต่ ผอ. รพ. แจงเป็นเรื่องเข้าใจผิด พยาบาลชาย ไม่ได้ชกหน้าคนป่วย เพียงแค่เอื้อมมือดึงมือผู้ป่วยที่พยายามดึงผ้าพันแผล จนตอนนี้เรื่องราวกลายเป็นสองมุม
เมดฮับ นิวส์ medhubnews.com รายงานว่า ล่าสุด โหนกระแสวันที่ 6 ธ.ค. ดำ ได้เปิดใจสัมภาษณ์ “คุณศรินทิพย์ อิ่มใจ” หรือ “ยะหยา” ลูกเลี้ยง ซึ่งเผยในรายการ ตามคำพูดนี้
เรื่องราวเกิดอะไรขึ้น?
ยะหยา: “วันที่ 27 พ.ย. เวลาประมาณ 4-5โมงเย็น คุณพ่อหน้ามืดเป็นลม เหมือนเขาหงายหลัง แม่ก็โทรหาหยา บอกว่าให้เรียกรถพยาบาล หยาก็เรียกรถรพ.บ้านไผ่มารับที่บ้าน
ระหว่างนำพ่อไปหยาก็คุยกับแม่ตลอด เขาบอกพ่อไม่เป็นอะไร พ่อเคยล้มมีโรคประจำตัวเส้นเลือดหัวใจตีบอยู่แล้ว เขาเคยเป็นลมสองสามครั้งแต่ไม่เป็นอะไร”
ไปถึงบ้านไผ่แล้วเป็นอะไร ?
ยะหยา: “ทางรพ.ก็ตรวจเช็กและให้น้ำเกลือ พ่อก็อาการดีขึ้น พูดคุยรู้เรื่อง มีสติทุกอย่าง แต่ทางหยา ซึ่งอยู่ในสายกับแม่ตลอด
ด้วยความที่เครื่องมือบ้านไผ่ไม่พร้อม ด้วยความที่พ่อหน้ามืดไป เราก็เป็นห่วง ก็เลยแจ้งแม่ว่าให้ส่งต่อไปรพ.ศูนย์ในตัวขอนแก่น
ช่วงก่อนส่งตัวเขามีการตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือดแล้ว เขาก็ส่งตัวไปรพ.ขอนแก่น อาจจะเป็นดุลยพินิจของแพทย์ที่ส่งไปอีกทีเพราะเครื่องมือบ้านไผ่ก็ยังไม่พร้อม
พอไปถึง ณ ตอนนั้นคุณแม่อยู่กับคุณพ่อ เขาพาเข้าห้องฉุกเฉิน แม่รอหน้าห้องฉุกเฉิน เสร็จแล้วแม่ได้ยินเสียงดังโครม ดังมาก
แล้วมีญาติผู้ป่วยนั่งอยู่ 3-4 คนพูดว่าต้องมีคนตกเตียง แต่ว่าแม่ก็ไม่ทราบว่าใคร ยังไง แต่หลังจากนั้นแม่ก็เห็นว่าเขาเข็นผู้ป่วยกลับเข้ามา แม่ไม่เห็นเหตุการณ์ข้างใน”
ในห้องฉุกเฉินมีทางออกสองข้าง ด้านหน้าคือคุณแม่นั่งเฝ้า แต่ตอนคุณพ่อออกไป ออกประตูหลัง พยาบาลน่าจะเข็นไปประตูหลังเพื่อเอกซเรย์ ?
ยะหยา: “ใช่ค่ะ ตอนแรกมาไม่มีผ้าโพกหัว แต่ตอนหลังมีผ้าโพกหัว แม่ก็ไม่กล้าถามอะไรหมอตามประสาคนแก่ หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่บอกแม่ว่าจากที่รอหน้าห้องฉุกเฉินให้แม่เขยิบไปรออีกจุด แม่ไม่รู้รายละเอียดในห้องฉุกเฉิน
จนกระทั่งช่วงเช้าเขาเข็นพ่อออกมาไปอีกตึกนึง แม่ก็เดินตามไป แม่ก็ขอเข้าไปดูพ่อ ระหว่างที่เข็นก็เห็นบาดแผลที่คิ้วด้านซ้าย
เป็นแผลเย็บ 6 เข็ม เสร็จแม่ก็ขอเข้าไปหาพ่อในห้องระบบประสาท แม่ก็ถามพ่อว่าเป็นอะไรพ่อก็บอกว่าให้เอากระเป๋ามาให้พ่อ พ่อจะกลับบ้าน พ่อไม่อยู่แล้ว หมอชกทำร้ายพ่อ พ่อพูดแบบนี้”
พ่อพูดกับแม่แบบนี้ ?
ยะหยา: “ใช่ เขาบอกว่าหมอต่อยพ่อ อะไรประมาณนี้ ณ ตอนนั้นเขาก็พยายามดิ้น บอกว่าให้แม่แก้มัดให้เขาหน่อย มันแน่น เขาอึดอัด เขาเจ็บปวดตัวไปหมดแล้ว เขาอยากกลับบ้าน ให้ปล่อยเขาที
เขาจะไปชกหมอ เพราะหมอทำร้ายพ่อ ก็ยังย้ำคำนี้ เหมือนเขาโกรธมาก เขาไม่ไหวแล้ว ถ้าเขาอยู่ เขาต้องโดนหมอทำร้ายอีกแน่นอน ตอนนั้นแม่บอกว่าแก้มัดไม่ได้เพราะหมอไม่ให้แก้”
ไปตึกใหม่ที่ย้ายไปเรียบร้อยแล้วเกิดอะไรขึ้น ?
ยะหยา: “พอเขาไม่ยอมแก้มัด เจ้าหน้าที่ก็เชิญแม่มานั่งรอข้างนอก แม่ก็มานั่งรอแต่ก็เดินเข้าเดินออกเป็นระยะว่าเป็นยังไงบ้าง”
บ่ายโมงกว่าวันที่ 28 เกิดอะไรขึ้น?
ยะหยา : "พยาบาลเอาข้าวมาให้ผู้ป่วยเตียงข้างๆ แต่พ่อไม่มีข้าว แม่ก็เลยถามว่าทำไมพ่อไม่ได้ข้าว เขาบอกว่าให้พ่องดอาหาร 3 วัน แม่ก็เห็นพ่อมีอาการเหงื่ออกบอกว่าร้อนมาก เลยเอามาชุบน้ำเช็ดหน้าพ่อ
พ่อก็เกิดอาการเกร็งที่แขน ที่ตัว และเกิดอาการช็อกแน่นิ่งไป แม่ก็เรียกพยาบาลให้มาดูพ่อหน่อย เขาก็ปั้มหัวใจ หยาก็มาทันเวลาที่เขาปั้มหัวใจพอดี”
หลังลงมานอนพักฟื้นอีกตึก บ่ายโมงกว่าๆ คุณพินันท์เกิดอาการชักเกร็งมีการปั๊มหัวใจและเสียชีวิตในเวลาต่อมา คุณหยาไปที่รพ. เห็นอะไรบ้าง ?
ยะหยา: “เห็นเขาปั้มหัวใจค่ะ สัก 10 นาที หยานั่งสัก 20 นาที เขาก็แจ้งว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว หลังจากนั้นเขาให้หยากับแม่ไปรอข้างนอก
เขาก็จัดการกับศพคุณพ่อ ตอนแรกเหมือนเขาไม่ได้ใส่เสื้อผ้า มีการสวมชุดผู้ป่วยให้ ตอนนั้นแม่ก็ดำเนินเรื่องเอกสาร มีใบรับรองการตายออกมาให้หยากับแม่
ตอนนั้นแม่เป็นคนไปรับ เพราะหยาวิ่งไปหน้ารพ.เพื่อซื้อชุดใหม่มาเปลี่ยนให้พ่อ หยาก็ไปกับแม่ที่ห้องดับจิต ทำเรื่องให้เขานำร่างพ่อส่งทางบ้านไผ่ แต่ขอส่งในวันรุ่งขึ้น”
คุณเห็นสภาพศพคุณพ่อ ใบหน้าที่เห็นคืออะไร ?
ยะหยา: “คิ้วแตกมีรอยเย็บบริเวณคิ้วด้านซ้ายค่ะ น่าจะ 6 เข็มค่ะ ส่วนตาเขียว ตอนนั้นยังไม่ทราบสาเหตุ ก็เลยถ่ายรูปไว้”
เห็นแบบนี้ถามไปทางใคร ?
ยะหยา: “หลังคุณพ่อเสียชีวิต ระหว่างกลับบ้านไผ่ ก็ถามคุณแม่ว่า ทำไมตอนที่อยู่บ้านไผ่ ตอนพ่อล้ม พ่อเขาหลังศีรษะลงแค่ถลอก ทำไมอยู่ๆ มีบาดแผลที่คิ้ว แม่ก็บอกว่าพ่อตกเตียง ได้ยินเสียงดังโครมมาจากห้องฉุกเฉิน
ตอนนั้นญาติคนไข้ได้ยินเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าใครตกเตียง ก็ถามว่าพยาบาลไม่ได้มาแจ้งเหรอ แม่ก็บอกว่าไม่มีใครมาแจ้งแม่ หยาก็เลยโทรไปรพ.บ้านไผ่ก่อน โทรไปถามว่าคุณพ่อมีบาดแผลจากบ้านไผ่มั้ย ทางรพ.บอกว่าไม่มีบาดแผล”
คุณได้ถามทางรพ.ศูนย์ก่อนมั้ย ?
ยะหยา: “หยาโทรไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพ่อมีบาดแผลที่คิ้ว เพราะพ่อไม่มีบาดแผลตอนมาจากบ้านไผ่ เขาบอกว่าเป็นบาดแผลที่เกิดจากการหกล้มที่บ้านไผ่ เขายืนยันมาเลย”
คุณเลยติดใจเรื่องนี้ ?
ยะหยา: “ติดใจว่าถ้ามีบาดแผลมาจากรพ.บ้านไผ่ ทำไมบ้านไผ่ไม่เย็บบาดแผลก่อน”
คุณโทรไปถามบ้านไผ่เลย ?
ยะหยา: “ใช่ค่ะแจ้งเขาก่อนว่าคุณพ่อเสียชีวิตแล้ว ก็บอกว่าทางรพ.ศูนย์บอกว่าคุณพ่อมีบาดแผลตั้งแต่รพ.บ้านไผ่ เรายืนยันและคุณแม่ก็ยืนยันว่าไม่มีบาดแผล
ทางรพ.บ้านไผ่ก็ยืนยันว่าไม่มี เขามีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดนะ ว่าพ่อไปในสภาพที่ไม่มีบาดแผล วันที่ 28 โทรไปถามรอบแรก
ครั้งที่สองในวันที่ 29 พ.ย. มีพยาบาลโทรมาบอกว่าทางรพ. รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ยอมรับว่าคุณพ่อหกล้มในห้องฉุกเฉิน ล้มเองค่ะ”
มีการบอกมั้ยว่าไปถามทางรพ.บ้านไผ่มาแล้ว ?
ยะหยา: “ได้บอกค่ะ เขาถึงได้โทรกลับมา เขาบอกพ่อล้มในห้องฉุกเฉิน ก็ถามว่าแล้วทำไมครั้งแรกคุณถึงบอกว่าพ่อมีบาดแผลจากรพ.บ้านไผ่
เขาบอกว่าเป็นเพราะคุณหมอเขียนเป็นรูปว่ามีบาดแผล เขาก็ทำการเย็บให้ นาทีนั้นก็เลยบอกว่าการล้มตรงนี้ก็ยังไม่เชื่อ
คุณยังไม่พูดความจริง ถ้าพ่อล้มต้องล้มอย่างแรงรงนี้ก็ยังไม่เชื่อ เพราะคิ้วแตกและตาเขียวขนาดนั้น แต่สิ่งที่หยาได้รับรู้มาจากแม่ คือได้ยินเสียงโครมเหมือนผู้ป่วยตกเตียง เขาบอกว่าเขาคุยกับทางทีมพยาบาลแล้วว่าล้มค่ะ
เขาบอกว่างั้นอยากเชิญญาติมาคุย ก็ขอเป็นพรุ่งนี้ เวลา 19.00 น. วันที่ 29 พ.ย. มีพยาบาลระดับหัวหน้า โทรเข้ามาแจ้งว่าเขาจะพูดความจริง
ข้อเท็จจริงให้ฟัง เขาเป็นคนกลางเพื่อไกล่เกลี่ย เขาบอกว่าทางเราขอรับข้อผิดพลาดจริงว่าผู้ป่วยตกจากเตียง”
คุณทำยังไง ?
ยะหยา: “ก็ถามเขาว่าทำไมคุณต้องโกหก เขาก็อธิบายว่าพอดีเขาไม่ได้โกหก แต่เขาเข้าใจผิด พยาบาลคิดว่าผู้ป่วยด้วยอาการที่ล้มมาคิ้วแตก
หยาก็เลยบอกว่าคุณตั้งใจปกปิดตั้งแต่ทีแรกแล้ว ผู้ป่วยตกเตียงคุณก็ไม่แจ้งญาติ พอหลังจากญาติทราบเรื่อง ญาติต้องโทรมาสอบถามเอง
พอสอบถามปุ๊บคุณก็โกหกว่าผู้ป่วยมีบาดแผลจากบ้านไผ่ เพื่อให้ตัวเองพ้นผิดจากตรงนี้ รอบสองก็มีพยาบาลโทรมาแจ้งว่าผู้ป่วยล้มไม่ใช่ความจริง หลังจากนั้นเขาก็ขอให้ทางญาติมาคุยในวันที่ 30 เหมือนกับมาแจ้งรายละเอียดให้ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น โดยให้แพทย์ที่รักษามาร่วมชี้แจงด้วย”
คุณไปมั้ย ?
ยะหยา: “มาค่ะ เขาไม่เอากล้องวงจรปิดให้ดูค่ะ วันนั้นไม่ได้ขอดู เพราะเรายังไม่ได้มีหลักฐานอะไร”
มาเห็นกล้องวงจรปิดตอนไหน ?
ยะหยา: “วันที่ 4 ธ.ค. ค่ะ เห็นภาพคุณพ่อนั่งอยู่บนเตียง ไม่มีที่กั้น คุณพ่อพลัดตกจากเตียงหน้าคว่ำลงไป คิ้วแตก พยาบาลก็เอาผ้าก็อตสีขาวมาซับเลือดให้ แต่ยังไม่ได้พันแผล เอาผ้าไปพันที่ศีรษะแล้วเข็นออกไปประตูหลัง สักพักก็เข็นกลับเข้ามา”
พอคุณพ่อกลับเข้ามาในห้องฉุกเฉินเห็นอะไรต่อ ?
ยะหยา: “เห็นคุณพ่อลุกขึ้นมานั่งบนเตียงเพื่อรอทำแผล แต่ข้อมือโดนพยาบาลมัดไว้แล้วยึดไว้กับเตียง ดูกล้องวงจรปิดกับคุณแม่และคุณน้า ทางเขามีพยาบาล หัวหน้าห้องไอซียู ยืนดูด้วยกัน
ภาพต่อมาคือเจ้าหน้าที่พยาบาลผู้ชายเดินเข้ามาหาคุณพ่อ แล้วมีการพูดคุยกัน ประมาณ 5 วินาที ลักษณะที่เราเห็น เหมือนเขาสะบัดมือ เคลื่อนไหวมืออย่างเร็วไปที่ใบหน้าพ่อด้านซ้าย เราไม่เห็นเขากำกำปั้นหรือเปล่า”
ทางฝั่งโน้นบอกว่าเขาตรวจเช็กบาดแผล ?
ยะหยา: “เป็นไปไม่ได้ค่ะ เพราะหลังจากที่เขามีลักษณะปัดมือเข้าไปที่ใบหน้าพ่ออย่างเร็ว เขาก็เหมือนกับดันพ่อให้นอนลงไป พ่อเหมือนกับมึนๆ อยู่ค่ะ เขาก็ผลักตัวพ่อลงไปนอน ใช้มือชี้เหมือนต่อว่า เสร็จแล้วเขาก็เดินออกไปจากจุดนั้นแต่ยังอยู่ในห้อง”
หลังเห็นภาพ คนที่ยืนดูอยู่ด้วยกันเขาทำยังไง ?
ยะหยา: “พยาบาลก็บอกว่าเขาเห็นเหตุการณ์พร้อมหยา ก็ยกมือไหว้ขอโทษหยา เขาเพิ่งรู้ว่าเจ้าหน้าที่ทำกับผู้ป่วยแบบนี้ ทางรพ.ไม่ทราบจริงๆ ต้องขอโทษทางญาติ ขอให้ญาติอย่าเอาผิดเจ้าหน้าที่ อยากให้โอกาส”
หลังจากนั้นมีข้อตกลงอีกมั้ย ?
ยะหยา: “โทรมาบอกว่าเขาสอบสวนเจ้าหน้าที่คนนั้นแล้ว และเจ้าหน้าที่ก็รู้สึกผิด เสียใจเป็นอย่างมาก แล้วเขาก็จะมากราบขอโทษกับทางญาติ ยืนยันว่าเขาพูดแบบนี้
บอกว่าเขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นกลางคืนก็โทรมาอีกรอบ บอกว่าทางผอ.โรงพยาบาลขอนัดดูกล้องวงจรปิด เพื่อคุยรายละเอียดด้วยกัน ในวันที่ 7หยาก็ถามกลับไปว่า เจ้าหน้าที่คุณสอบสวนถึงไหนแล้ว เขาบอกว่าเขาไม่ได้ทำร้ายร่างกายคุณตา”
เมดฮับ นิวส์ medhubnews.com
เว็บไซต์ข่าวสุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ วาไรตี้ ฯลฯ
Thailand Health and Wellness News
ติดตามข่าวสารจาก medhubnews.com
18 ธันวาคม 2561
ผู้ชม 1958 ครั้ง