รพ.จิตเวชโคราช ชี้ "ไบโพลาร์" อารมณ์ 2 ขั้ว จะเศร้าซึม สลับ ครื้นเครง ครอบครัวไม่ควรใช้อารมณ์ ไม่ยอมรับ เผยผู้ป่วย ไม่ได้เสแสร้ง แกล้งทํา

บทความ

รพ.จิตเวชโคราช ชี้ "ไบโพลาร์" อารมณ์ 2 ขั้ว จะเศร้าซึม สลับ ครื้นเครง ครอบครัวไม่ควรใช้อารมณ์ ไม่ยอมรับ เผยผู้ป่วย ไม่ได้เสแสร้ง

News Update 30 มีนาคม 2562 – World Bipolar Day : วันที่ 30 มีนาคม เป็นวันไบโพลาร์โลก หรือ โรคอารมณ์ 2 ขั้ว  รพ.จิตเวชนครราชสีมา

เผยพบโรคนี้วัยผู้ใหญ่ได้ 1  ใน 100 คาดว่าคนไทยป่วยประมาณ 5 แสนคน แต่เข้ารักษาน้อยเพียงหลักหมื่นคน เหตุจากเข้าใจผิด คิดว่าเป็นเรื่องปกติ

ผู้สื่อข่าวกองบรรณาธิการ medhubnews.com เว็บไซต์สุขภาพ และ เพจ sasook รายงานว่า  นายแพทย์กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 30 มีนาคมทุกปีเป็นวันไบโพลาร์โลก ( World Bipolar Day )

หรือที่เรียกว่าโรคอารมณ์ 2 ขั้ว เป็นความผิดปกติทางอารมณ์ ไม่ใช่โรคทางจิต ทั่วโลกมีคนป่วยประมาณ 60 ล้านคน ในส่วนประเทศไทย พบวัยผู้ใหญ่ทั้งชาย-หญิงป่วยได้ 1 ใน 100 คน

คาดว่าขณะนี้มีคนไทยทั่วประเทศป่วยประมาณ 500,000 คน แต่ยังเข้ารักษาน้อยเพียงปีละ30,000 กว่าคน หรือประมาณร้อยละ 6 เฉพาะ

ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 9 ประกอบด้วย นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ คาดว่าจะผู้ป่วยประมาณ 40,000 คน แต่เข้ารักษาในปี 2561 เพียง 3,000 กว่าคน สาเหตุเนื่องจากประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าอาการที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติของอารมณ์ทั่วไป ไม่ใช่การป่วย

สาเหตุหลักของโรคไบโพลาร์ เกิดมาจากสารเคมีในสมองทำงานผิดปกติ และอาจเกิดในผู้ที่มีความเครียดสะสม หรืออดนอนบ่อย ๆ ทำให้มีอาการเปลี่ยนแปลงไปจากนิสัยหรือบุคลิกเดิมของคนคนนั้น ลักษณะอาการเด่นของโรคนี้ที่ต่างจากโรคอื่น ๆ คือจะมีอารมณ์ 2 ขั้ว

คือ ขั้วของอารมณ์ดีครื้นเครงมากกว่าปกติ ( Mania episode ) เช่น จะพูดมาก ขยัน มีความคิดฟุ้งเฟื่อง กับ ขั้วของอารมณ์เศร้าซึม ( Depressive episode ) จะมีอาการท้อแท้ เบื่อหน่าย ไม่อยากทำอะไร เบื่ออาหาร

อาการจะเกิดขึ้นเองสลับกันเป็นช่วง ๆ เหมือนกับการนั่งรถไฟเหาะ แต่ละช่วงจะเป็นอยู่ทั้งวัน นานเป็นอาทิตย์หรือหลาย ๆ เดือนก็ได้ ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การดูแลตัวเอง การทำงาน ความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ๆ

โดยอาการในขั้วเศร้านั้นจะเกิดอย่างช้า ๆ ส่วนขั้วของอารมณ์ดี ครื้นเครงมักจะเป็นเร็วมาก จึงทำให้ผู้ป่วยเองหรือคนใกล้ชิดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา

หรือเป็นการแสร้งทำเพื่อเรียกร้องความสนใจ ไม่ใช่การเจ็บป่วย ทำให้ส่วนใหญ่จึงไม่ได้เข้ารักษาตัว

“จึงขอแนะนำให้ผู้ที่มีลักษณะอาการที่กล่าวมา อย่านิ่งนอนใจ ให้รีบพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทุกแห่งทั่วประเทศ หรือ ปรึกษาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือโทรปรึกษา สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด24 ชั่วโมง

เนื่องจากโรคนี้มียาที่มีประสิทธิภาพสูงรักษา ได้ผลดีมาก ยาจะควบคุมการทำงานของสารเคมีในสมองให้อยู่ในสภาวะสมดุล โรคหายขาดได้ ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิต เช่นเรียนหนังสือ ทำงานได้ตามปกติทั่วไป มีบางรายอาจต้องทำจิตบำบัดความคิดและพฤติกรรม

ที่เป็นปัญหาเพิ่มเติมบ้าง ใช้เวลารักษาประมาณ 6 เดือน - 2  ปี แต่หากไม่รักษา จะทำให้อาการลุกลามรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ถึงขั้นเกิดอาการหลงผิด มีความคิดฆ่าตัวตายได้” นายแพทย์กิตต์กวีกล่าว

สิ่งที่จะเอื้อให้ผู้ป่วยโรคไบโพลาร์หายป่วย คนรอบข้าง เพื่อนร่วมงาน และครอบครัวมีส่วนสำคัญมาก ต้องอยู่กับผู้ป่วยอย่างเข้าใจว่าพฤติกรรมและอารมณ์ที่ผิดปกติ เป็นความเจ็บป่วย ไม่ใช่นิสัยแท้จริงของผู้ป่วย และต้องรักษา เมื่อผู้ป่วยอาการดีขึ้นควรให้กำลังใจให้ผู้ป่วยกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ 

โดยสิ่งที่ครอบครัวไม่ควรทำเนื่องจากจะทำให้อาการผู้ป่วยแย่ลง มี 4 ประการ คือ1. ใช้อารมณ์กับผู้ป่วย  2. ขัดแย้งกับผู้ป่วย  3. พยายามควบคุมหรือจัดการกับชีวิตผู้ป่วย และ

4 ไม่ยอมรับในตัวผู้ป่วย คนใกล้ชิดควรสังเกตอาการผู้ป่วยต่อเนื่อง หากมีอาการผิดปกติคือ มีปัญหาการนอน เช่นนอนไม่หลับ นอนมากเกินไป หรือมีพฤติกรรมเปลี่ยน

เช่น เอะอะอาละวาด หวาดระแวง หรือมีปัญหากับคนรอบข้าง ต้องรีบพาผู้ป่วยกลับไปพบแพทย์ก่อนนัดทันที

สำหรับตัวผู้ป่วยเอง ก็ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด คือ ห้ามเสพสารเสพติด ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แม้อาการดีขึ้นแล้วต้องกินยาต่อเนื่องจนครบตามแผนรักษา ห้ามหยุดยาหรือลดยาเองอย่างเด็ดขาด

เนื่องจากจะทำให้อาการกลับมาเป็นซ้ำอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ในการป้องกันหรือลดความเสี่ยงป่วยเป็นโรคนี้ ประชาชนควรออกกำลังกายเป็นประจำ ครั้งละไม่ต่ำกว่า 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน

ซึ่งมีผลดีทำให้สมองหลั่งสารแห่งความสุข หรือสารเอนดอร์ฟิน (Endorphin) จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายความเครียด และหลับสนิทขึ้น

ขณะที่ ละคร “Club Friday The Series 11 รักที่ไม่ได้ออกอากาศตอนรักซึมเศร้า” ทางช่อง gmm 25 ก็สามารถสร้างความเข้าใจได้ดี เพราะสังคมปัจจุบัน เต็มไปด้วยผู้คนที่ป่วยด้วยปัญหาทางใจ โรคซึมเศร้า และการฆ่าตัวตาย

ดังนั้น การมีคนรักที่มีโรคซึมเศร้าเป็นโรคประจำตัวอันเกิดจากปัญหาชีวิต ต้องเข้าไปช่วยเหลือ และ ต้องพยายามให้คนรอบข้างเข้าใจด้วย เนื่องจากผู้อื่นจะไม่ทราบอาการของคนเป็นโรคซึมเศร้า อาจจะมองว่า อ่อนแอ หรือ  สำออย 

ภาพจาก “Club Friday The Series 11 รักที่ไม่ได้ออกอากาศ ตอนรักซึมเศร้า”

30 มีนาคม 2562

ผู้ชม 328497 ครั้ง

Engine by shopup.com