แพทย์เตือน หญิงวัย 30-40 ปีขึ้นไป ปวดประจำเดือนรุนแรง เสี่ยงช็อกโกแลตซีสต์ ภัยต่อเนื่องลามเป็นมะเร็ง
แพทย์เตือน หญิงวัย 30-40 ปีขึ้นไป ปวดประจำเดือนรุนแรง เสี่ยงช็อกโกแลตซีสต์ ภัยต่อเนื่องลามเป็นมะเร็ง
Chocolate Cyst , โรงพยาบาลราชวิถี , กรมการแพทย์ , นายแพทย์สุกรม ชีเจริญ , ช็อกโกแลตซีสต์ , ถุงน้ำช็อกโกแลต , เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่ , เว็บไซต์สุขภาพ , เว็บไซต์สุขภาพ สาธารณสุข
News Update วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน 62 : โรงพยาบาลราชวิถี เตือนให้ระวังและคอยหมั่นสังเกตอาการ ย้ำไม่ให้มองข้ามอาการบ่งชี้ เพราะอาจเสี่ยงเป็นช็อกโกแลตซีสต์ได้
เมดฮับ นิวส์ medhubnews.com เว็บไซต์ข่าวสุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ วาไรตี้ ฯลฯ รายงานว่า นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึง ช็อกโกแลตซีสต์
เป็นโรคที่มีความสัมพันธ์กับฮอร์โมนเพศหญิง จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดได้กับผู้หญิงทุกคน โรคนี้มักพบมากกับผู้หญิงที่มีอายุ 30-40 ปีขึ้นไป หรือวัยก่อนหมดประจำเดือน
หลายคนไม่สามารถแยกแยะออกว่า การปวดท้องเป็นการปวดประจำเดือนปกติ หรือปวดเพราะเป็นช็อกโกแลตซีสต์ บางคนอาจไม่มีอาการปวดเลย ยกเว้นเมื่อขนาดของซีสต์โตมาก ๆ แล้วไปกดอวัยวะข้างเคียง หรือแตกออกมา
ส่งผลให้เกิดภาวะปวดท้องรุนแรง หากพบว่ามีอาการเหล่านี้ ให้รีบมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อรักษาและป้องกันไม่ให้ลุกลาม หากปล่อยทิ้งไว้นานๆ อาจลามถึงมะเร็งได้
ด้าน นายแพทย์สุกรม ชีเจริญ รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า ช็อกโกแลตซีสต์ หรือ ถุงน้ำช็อกโกแลต ที่ในทางการแพทย์เรียกว่า เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่
สาเหตุส่วนใหญ่ของช็อกโกแลตซีสต์ เกิดจากประจำเดือนส่วนหนึ่งไหลย้อนไปทางปีกมดลูก แล้วเข้าไปฝังตัวที่อื่น ๆ โดยนำเซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกเข้าไปด้วย เมื่อเซลล์นี้ไปฝังตัวอยู่ที่อวัยวะไหนก็จะเกิดถุงน้ำขึ้นที่อวัยวะนั้น
ส่วนมากเราจะพบจุดเกิด ช็อกโกแลตซีสต์บ่อยๆได้ในรังไข่ แต่ถ้าเยื่อบุโพรงมดลูกแทรกเข้าไปในกล้ามเนื้อมดลูกจะไม่กลายเป็นซีสต์ ทว่าจะกลายเป็นพังผืดหรือก้อนในกล้ามเนื้อมดลูกแทน
ผลที่ตามมาคือมีอาการปวดท้องมาก หรือปวดท้องน้อยเรื้อรังเมื่อมีประจำเดือน และปวดมากขึ้นทุกเดือน โดยจะปวดด้านหน้าตั้งแต่สะดือไปถึงอุ้งเชิงกราน ด้านหลังตั้งแต่บั้นเอวไปถึงก้นกบ ปวดมาก
รวมทั้งมีอาการเจ็บปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ กลุ่มเสี่ยงต่อโรคนี้คือผู้ที่มีประจำเดือนมามากกว่าเดือนละ 2 ครั้ง หรือมานานกว่า 7 วัน หรือผู้ที่ครอบครัวมีประวัติเป็นโรคนี้มาก่อน จะมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไปหลายเท่า
การรักษาทำได้โดย การใช้ยา และการผ่าตัด หากพบว่าถุงน้ำยังเป็นขนาดเล็ก แพทย์จะให้ยารักษาหรือฉีดยาเพื่อลดขนาดซีสต์ ถ้าเป็นขนาดใหญ่ แพทย์จะทำการผ่าตัดส่องกล้องผ่านทางหน้าท้อง
ดังนั้นหากพบว่ามีอาการบ่งชี้เสี่ยงต่อการเป็นช็อกโกแลตซีสต์ ควรรีบมาพบสูตินรีแพทย์ เพื่อทำการตรวจและรักษาต่อไป
09 มิถุนายน 2562
ผู้ชม 1858 ครั้ง