รพ.จิตเวชนครราชสีมา คุมอาหาร ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ สิ่งไหนควรทาน ไม่ควรทาน เว็บไซต์สุขภาพ

บทความ

รพ.จิตเวชนครราชสีมา คุมอาหาร ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ สิ่งไหนควรทาน ไม่ควรทาน

News Update วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน 62 :  รพ.จิตเวชนครราชสีมาแนะเมนูอาหารผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ชี้อาหารที่ควรทานมีผลดีช่วยเสริมประสิทธิภาพยารักษา มี  5 กลุ่ม

อาทิ ปลาช่อน ปลาดุก ไข่ กล้วย เห็ดทุกชนิด และ2 ชนิดเครื่องดื่มที่ควรดื่มคือน้ำอัญชันและน้ำลำไย ช่วยอารมณ์ดี หลับดีขึ้น

เว็บไซต์เมดฮับนิวส์ดอทคอม ( MEDHUBNEWS.COM ) และ เพจ sasook รายงานว่า นายแพทย์กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ให้สัมภาษณ์ด้วยความเป็นห่วงผู้ป่วยโรคซึมเศร้า

ซึ่งทั่วประเทศมี ผู้ป่วยโรคนี้ประมาณ 1.4 ล้านคน เฉพาะที่ 4 จังหวัดในเขตสุขภาพที่ 9 ซึ่งอยู่ในความดูแลของรพ.จิตเวชนครราชสีมาฯ

ประกอบด้วยนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์และสุรินทร์ ยอดรวมจนถึงเดือนพฤษภาคม 2562  เข้าถึงบริการแล้วร้อยละ 66  จึงขอให้ผู้ที่มีอาการซึมเศร้าที่ยังไม่เข้ารักษาตัวซึ่งมีประมาณร้อยละ 30-40 อย่าอายหมอ

ขอให้รีบไปรักษาที่รพ.ที่อยู่ใกล้บ้านทุกแห่ง จะได้หายจากความทุกข์ทรมาน นอกจากนี้ยังได้ให้ฝ่ายเชี่ยวชาญของรพ.จิตเวชฯ วิเคราะห์ประเภทอาหารที่เป็นผลดีและเป็นผลเสียต่อโรคซึมเศร้าและยาที่ใช้รักษา

เนื่องจากผู้ป่วยโรคซึมเศร้าส่วนใหญ่จะฟื้นฟูอยู่ที่บ้าน และขณะนี้มีการโฆษณาอาหารต่างๆผ่านทางสื่อจำนวนมาก

อาหารบางอย่างอาจมีสารที่มีผลขัดขวางกับฤทธิ์ยารักษาโรคซึมเศร้าได้  ซึ่งรพ.จิตเวชฯให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก เพื่อไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนใดๆซ้ำเติมผู้ป่วยอีก

นางจิรัฐิติกาล  ดวงสา นักโภชนาการ และหัวหน้ากลุ่มงานโภชนาการประจำรพ.จิตเวชนครราชสีมาฯ กล่าวว่า อาหารที่ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าควรรับประทานเพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพยารักษาของแพทย์ยิ่งขึ้น มี 5 กลุ่มและเครื่องดื่มอีก 2 ชนิด 

โดยอาหาร 5 กลุ่มประกอบด้วย  1.กลุ่มอาหารที่มีกรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพช่วยลดอาการซึมเศร้าได้ คือ โอเมก้า3 ได้แก่ เนื้อปลาต่างๆ อาทิ ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ทูน่า ปลาช่อน ปลาดุก ปลาสวายเนื้อขาว เป็นต้น 

2.ไข่ ซึ่งมีกรดอะมิโนที่สำคัญ โดยเฉพาะทริปโตเฟน(Tryptophan) และไทโรซีน (Tyrosine) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ   

โดยสารทริปโตเฟนจะช่วยสร้างสารซีโรโทนิน (Serotonin)ทำให้อารมณ์ดี และยังเปลี่ยนให้เป็นเมลาโทนิน ( Melatonin )ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น 

3.กลุ่มกล้วย จะมีแร่ธาตุโพแทสเซียมและมีสารทริปโตเฟน ช่วยบรรเทาให้ความดันโลหิตกลับสู่ภาวะสงบ ลดการเกิดภาวะเครียดและวิตกกังวล  4.กลุ่มคาร์โบไฮเดรทเชิงซ้อน

อาทิ ข้าวกล้อง ลูกเดือย ข้าวโพด ถั่วเมล็ดแห้ง เป็นต้น จะช่วยสร้างสารซีโรโทนินในสมอง ช่วยให้ผ่อนคลาย และ5. กลุ่มเห็ดทุกชนิด จะมีธาตุเซเลเนียม( Celenium ) สูง ช่วยกระตุ้นฮอร์โมนแห่งความสุขลดอารมณ์ขุ่นมัวได้ 

ส่วนเครื่องดื่ม 2 ชนิดที่เป็นผลดีกับอารมณ์เป็นเครื่องดื่มสมุนไพร ได้แก่ 1.น้ำอัญชัน ในดอกอัญชันจะมีสารแอนโทไซยานิน มีฤทธิ์กระตุ้นความจำ ช่วยผ่อนคลายความเครียด ลดความกังวลและช่วยให้นอนหลับ

และ2.น้ำลำไยซึ่งมีสาร 2 ชนิดคือกรดแกลลิก (Gallic acid) ทำให้อารมณ์ดี ผ่อนคลาย และสารกาบาช่วยผ่อนคลายความเครียด และช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น

สำหรับกลุ่มอาหารที่ผู้ป่วยซึมเศร้าห้ามรับประทาน เนื่องจากจะซ้ำเติมอาการป่วยหรือขัดขวางการดูดซึมยาที่รักษามี 2 ประเภท และเครื่องดื่มอีก 3 ชนิด

โดยประเภทอาหารได้แก่ 1.อาหารที่มีน้ำตาลสูง หวานจัด เนื่องจากอาหารที่มีน้ำตาลสูง ร่างกายจะดูดซึมได้เร็วกว่าปกติ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายเกิดภาวะเครียด หากเผชิญเป็นประจำอาจจะนำมาสู่อาการหดหู่ซึมเศร้าได้ 

2.อาหารประเภทไส้กรอก และถั่วปากอ้า ซึ่งมีสารไทรามีนสูง สามารถทำปฏิกิริยากับยารักษาโรคซึมเศร้าบางชนิด เช่น ยาเซเลจิลีน (Selegiline) จะส่งผลให้มีสภาวะความดันโลหิตสูงได้

เครื่องดื่ม 3 ชนิด ที่ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าไม่ควรดื่มเป็นอย่างยิ่ง คือ 1. ชา-กาแฟ เนื่องจากมีปริมาณคาเฟอีนสูง ทำให้นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย หากดื่มเกินกว่า 2 แก้วต่อวัน จะทำให้ปริมาณคาเฟอีนในร่างกายสูง ทำให้วิตกกังวล ใจสั่นและเครียดเพิ่มขึ้น

2.น้ำอัดลมโดยเฉพาะน้ำอัดลมประเภทสีดำเนื่องจากมีทั้งปริมาณคาเฟอีนและน้ำตาลสูง รวมทั้งน้ำอัดลมประเภทสีดำและไดเอต

มีงานวิจัยจากสถาบันการศึกษาด้านประสาทวิทยาในต่างประเทศพบว่า กลุ่มผู้บริโภคเครื่องดื่มที่มีสารให้ความหวานแทนน้ำตาล 4 กระป๋อง หรือ 4 แก้วต่อวัน จะมีความเสี่ยงเกิดโรคซึมเศร้าได้มากกว่าคนปกติ 3 เท่า  ผู้ป่วยซึมเศร้าจึงควรเลี่ยงดื่มจะดีที่สุด

และ  3 .น้ำผลไม้บางชนิดเช่น น้ำในตระกูลส้ม เสาวรส น้ำองุ่นหรือเกรฟฟรุต เป็นต้น อาจทำปฏิกิริยากับยาที่ใช้รักษา  ทำให้ตัวยาไม่เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อการรักษาเท่าที่ควร” นางจิรัฐิติกาล กล่าว

19 มิถุนายน 2562

ผู้ชม 2542 ครั้ง

Engine by shopup.com