สสส.ผุดโมเดลดูแล ผู้สูงวัย พัฒนาต้นแบบกิจการเพื่อสังคม “บั๊ดดี้โฮมแคร์” จับคู่ดูแลสร้างงานสร้างรายได้กัน

บทความ

สสส.ผุดโมเดลดูแล ผู้สูงวัย พัฒนาต้นแบบกิจการเพื่อสังคม “บั๊ดดี้โฮมแคร์” จับคู่ดูแลสร้างงานสร้างรายได้กัน

News Update  : เว็บไซต์สุขภาพเบื้องต้น , แนะนำเว็บไซต์ สุขภาพ , 10 TopWebsites , web สุขภาพ , ข้อมูล สุขภาพ  , เว็บไซต์สุขภาพ , ข่าวสาธารณสุข

สสส.ผุดโมเดลดูแล ผู้สูงอายุยากไร้ พัฒนาต้นแบบกิจการเพื่อสังคม “บั๊ดดี้โฮมแคร์” จับคู่ดูแลกัน สร้างงานสร้างรายได้ให้เยาวชนขาดโอกาส ช่วยผู้สูงอายุได้รับการดูแล

พร้อมโชว์ผลงานการออกแบบสภาพแวดล้อมและนวัตกรรมท้องถิ่นที่เอื้อต่อสุขภาวะผู้สูงอายุและคนพิการ

มดฮับ นิวส์ medhubnews.com web สุขภาพ เว็บไซต์ข่าวสุขภาพ เว็บไซต์สุขภาพเบื้องต้น ข่าวสาธารณสุข ท่องเที่ยว รายงานว่า นายพิทยา จินาวัฒน์ ประธานกรรมการบริหารแผน คณะที่ 2 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)

พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการกำกับทิศทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ

คณะกรรมการกำกับทิศทางการขับเคลื่อนการสร้างเสริมสุขภาพคนพิการ และคณะกรรมการกำกับทิศทางการจัดสภาพแวดล้อมและพัฒนาบริการสาธารณะตามแนวคิดการออกแบบเพื่อทุกคน

นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ ณ ชุมชนหนองหอย เทศบาลตำบลหนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อศึกษาเรียนรู้สุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ “การสร้างเสริมสุขภาวะผู้สูงอายุ คนพิการ และการปรับสภาพแวดล้อมเพื่อทุกคน” 

นางภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. กล่าวว่า จากข้อมูลในปี 2561 พบว่า จ.เชียงใหม่ มีผู้สูงอายุประมาณ 316,847 คน คิดเป็นร้อยละ 18 ของประชากรทั้งจังหวัด

และคาดว่ามีผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้านและติดเตียงมากกว่า 50,000 คน ที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด และยังพบว่าผู้สูงอายุเกือบครึ่งหนึ่งมีโรคเรื้อรังหรือโรคประจำตัว โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่

ดังนั้น สสส. จึงร่วมกับมูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ (มพส.) ดำเนิน “โครงการพัฒนาต้นแบบกิจการเพื่อสังคมบั๊ดดี้โฮมแคร์ ในการดูแลผู้สูงอายุ” (Buddy HomeCare)

โดยพัฒนาผู้ดูแลผู้สูงอายุมืออาชีพที่เป็นเยาวชนขาดโอกาสทางการศึกษา และให้บริการดูแลผู้สูงอายุแบบเสียค่าบริการให้บริการในพื้นที่นำร่องจำนวน 35 ชุมชน ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่

แล้วนำผลกำไรมาตอบแทนสังคม โดยการดูแลผู้สูงอายุยากไร้ในชุมชนร่วมกับโครงการอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้านของมูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ 

“โครงการฯนี้มุ่งเน้นเป้าหมายทางสังคม สิ่งแวดล้อมและการเงินไปพร้อม ๆ กันได้ โดยคัดเลือกเยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ขาดโอกาสทางการศึกษา เข้ารับการฝึกอบรมเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุตามหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ 420 ชั่วโมง

โดยความร่วมมือจากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ มีผู้ผ่านการอบรมแล้ว 30 คน

สามารถประกอบอาชีพผู้ดูแลผู้สูงอายุโดยการดูแลและบริหารจัดการของมูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุในการหากลุ่มลูกค้าที่ต้องการผู้ดูแลผู้สูงอายุ ถือเป็นการสร้างอาชีพและรายได้ให้เยาวชนที่ขาดโอกาส

และเป็นการดำเนินงานต้นแบบวิสาหกิจเพื่อสังคมเพื่อการดูแลผู้สูงอายุ ในขณะที่ผู้สูงอายุที่ยากไร้ ขาดคนดูแลก็จะได้รับการดูแลผ่านกลไกระดับชุมชนจากอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้านที่มูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุได้พัฒนาศักยภาพไว้” นางภรณี กล่าว

นางภรณี กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาผู้สูงอายุที่เป็นลูกค้าของบัดดี้โฮมแคร์ ส่วนใหญ่มีสุขภาพดีขึ้น สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น

ลดภาระพึ่งพิงจากครอบครัวได้บางส่วน ในขณะที่ผู้สูงอายุยากไร้ในชุมชนที่โครงการฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่บัดดี้โฮมแคร์เข้าไปดูแล และให้ความรู้กับผู้ดูแลในครอบครัวจนมีความสามารถในการช่วยเหลือ

 ดูแลผู้สูงอายุอย่างเหมาะสมมากขึ้น ผู้สูงอายุสามารถช่วยเหลือดูแลตัวเอง หรือออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย การลงทุนในโครงการฯนี้ ถือว่ามีความคุ้มค่าอย่างมาก

นายสว่าง แก้วกันทา ผู้อำนวยการมูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ(มพส.) กล่าวว่า การดำเนินงานโครงการบั๊ดดี้โฮมแคร์ในการดูแลผู้สูงอายุ ถือเป็นต้นแบบที่สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางขยายผลในระดับพื้นที่ที่มีความสนใจ

และเกิดกลไกการดำเนินงานร่วมกันของชมรมอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุที่บ้านเขตเมืองเชียงใหม่ (ช.อ.บ.) ที่ช่วยดูแลผู้สูงอายุในชุมชน ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิพัฒนางานผู้สูงอายุ และโครงการบั๊ดดี้โฮมแคร์

โดยได้อบรมเสริมทักษะให้แก่อาสาสมัคร ช.อ.บ. จำนวน 13 ครั้ง มีผู้เข้าร่วมอบรมรวมทั้งสิ้น 560 คน มีการจัดเก็บข้อมูลผู้สูงอายุในรูปแบบข้อมูลออนไลน์ด้วย Google Form และ Google Sheet

ปัจจุบันมีข้อมูลออนไลน์ จำนวน 214 คน และได้วิเคราะห์คัดเลือกผู้สูงอายุยากไร้ที่ต้องการการดูแลเฉพาะจำนวน 20 ราย ในการทำแผนการดูแลผู้สูงอายุรายบุคคล (Individual care plan)

จากการดำเนินงานตามแผนดูแลผู้สูงอายุรายบุคคล มีผู้สูงอายุจำนวน 5 ราย ที่สามารถแก้ปัญหาโดยการปรับสภาพแวดล้อมแวดล้อมที่อยู่อาศัยและฝึกทักษะให้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น

นอกจากนี้ยังเกิดศูนย์ประสานงานรับเรื่องร้องทุกข์ ปัญหาและสิทธิการรักษาพยาบาลของผู้สูงอายุ ชุมชนวนาลี จากการบูรณาการร่วมกับงานส่งเสริมสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน มีการดำเนินกิจกรรมเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุยากไร้รวมทั้งสิ้น 1,743 คน โดยบูรณาการร่วมกับภาคส่วนต่างๆ รวม 20 องค์กร

นายมานพ ตันสุภายน ประธานชมรมผู้สูงอายุตำบลหนองตองพัฒนา อ.หางดง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า การดูแลคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในชุมชนดำเนินงานภายใต้แนวคิด “ร่วมแรง ร่วมใจ ผู้สูงวัยเบิกบาน”

เน้นให้ชุมชนเป็นเจ้าของ ชุมชนมีส่วนร่วม ชุมชนเป็นพื้นฐานรัฐบาลและท้องถิ่นให้การสนับสนุน และเกิดความเข้มแข็งของชมรมผู้สูงอายุในการบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงาน องค์กรในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี

ที่ผ่านมาศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ(ป่าลาน) ตำบลหนองตองพัฒนา ได้ร่วมกับศูนย์พัฒนานวัตกรรมสภาพแวดล้อมสังคมสูงวัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือ Universal Design Center : UDC มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

นำองค์ความรู้และงานวิจัยด้านนวัตกรรมท้องถิ่น มาใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในชุมชน รวมถึงให้ความรู้ คำปรึกษาในการปรับสภาแวดล้อมในชุมชน

เช่น การปรับปรุงที่อยู่อาศัยที่เอื้อต่อสภาพแวดล้อมของผู้สูงอายุ การจัดสภาพบ้านด้วยวัสดุท้องถิ่น ซึ่งการจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพเป็นส่วนสําคัญสําหรับการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ

เพราะอุบัติเหตุของผู้สูงอายุมักเกิดจากสภาพสิ่งแวดล้อมทางกายภาพที่ผู้สูงอายุอาศัยอยู่ ตัวอย่างเช่น การเกิดอุบัติเหตุในบ้าน การหกล้ม

เพราะเฟอร์นิเจอร์ในบ้านที่กีดขวางทางเดิน หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่มั่นคง ทางลาด ราวจับเพื่อพยุงตัวป้องกันการหกล้มฯลฯ

นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งธนาคารอุปกรณ์เพื่อรวบรวมเครื่องมือ อุปกรณ์ เครื่องใช้สำหรับผู้สูงอายุและคนพิการ ที่สามารถให้ผู้สูงอายุและคนพิการยืมได้

เช่น ไม้ยู้ สำหรับกายภาพแขน กะลาคู่นวดฝ่า เก้าอี้ยืดขาแขน อุปกรณ์บริหารข้อมือ และนวัตกรรมท้องถิ่นที่ได้รับการพัฒนาขึ้นภายในศูนย์

ได้แก่ เก้าอี้ไม้ไผ่สำหรับนั่งอาบน้ำ การออกแบบราวจับจากวัสดุท้องถิ่นเพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้พิการและคนชราและอุปกรณ์กายภาพสำหรับทุกคน

ซึ่งการปรับสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุและคนพิการนี้ช่วยให้ผู้สูงอายุและคนพิการ รวมทั้งครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปลอดภัยและมีความสุขมากขึ้นด้วย

17 พฤศจิกายน 2562

ผู้ชม 1982 ครั้ง

Engine by shopup.com