รพ.บำรุงราษฎร์ มีทีมแพทย์ และ นักเทคนิคการแพทย์ เก่งระดับโลก สามารถถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อไวรัสโควิด ชูบริการใหม่ สายด่วน 1378
รพ.บำรุงราษฎร์ มีทีมแพทย์ และ นักเทคนิคการแพทย์ เก่งระดับโลก สามารถถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อไวรัสโควิด ชูบริการใหม่ สายด่วน 1378
- News Update วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2563 : ข่าวโควิด บำรุงราษฎร์ เฝ้าระวังไวรัสโคโรนา หนึ่งเดียวในไทย ที่ได้มาตรฐานระดับ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา ชูบริการใหม่ สายด่วน 1378
บำรุงราษฎร์ ชูบริการใหม่ “สุขภาพดีอยู่ที่บ้าน ปรึกษาแพทย์…โทรสายด่วน 1378” พร้อมเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังไวรัสโคโรนาขั้นสูงสุด (COVID - 19)
ข่าวโควิช 19 ในไทยล่าสุด กระทรวงสาธารณสุข พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่ม 5 ราย เป็นการป่วยแบบกลุ่มก้อน โดย 2 รายแรก เป็นกลุ่มเพื่อนที่ร่วมสังสรรค์กับผู้ป่วย 11 รายเมื่อวานนี้
ส่วนอีก 3 รายเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดและเพื่อนที่ร่วมสังสรรค์กับผู้ป่วยรายที่ 57 เน้นยึดหลัก กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ แยกสำรับ ไม่ใช้แก้วน้ำ/ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
medhubnews.com เว็บไซต์สุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยว วาไรตี้ และ เพจ sasook รายงานว่า ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19
ที่มีการประกาศประเทศกลุ่มเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นในขณะนี้ทำให้หลายประเทศรวมถึงประเทศไทยได้ออกมาตรการเฝ้าระวัง
และคัดกรองผู้เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวดมากขึ้น
บำรุงราษฎร์ ในฐานะโรงพยาบาลชั้นนำระดับประเทศที่รองรับทั้งผู้ป่วยชาวไทยและต่างชาติด้วยสัดส่วน 50:50 เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ให้ข้อมูลว่า
ที่ผ่านมาโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เรามีทีมทำงานที่เป็นฝ่ายควบคุมโรคและศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ที่คอยติดตามสถานการณ์โรคต่างๆ ทั่วโลก
และทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินและปรับการบริหารจัดการเพื่อให้ทันกับสถานการณ์ในแต่ละวันที่เปลี่ยนไป เนื่องด้วยเป็นโรงพยาบาลระดับสากลที่มีผู้มาใช้บริการทั้งคนไทยและต่างชาติด้วยสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน
โดยบำรุงราษฎร์ได้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเชื้อไวรัสนี้จากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ตั้งแต่ในระยะแรก ๆ โดยมีการประชุมเพื่อหาแนวทางและมาตรการต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมืออย่างเต็มประสิทธิภาพ
เพื่อความปลอดภัยของทุกส่วน เนื่องด้วยเรามีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ประกอบกับทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์รวมถึงทีมทำงานที่มีประสบการณ์จากการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคเมอร์ส และโรคซาร์ส ในอดีต
จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในช่วงนี้ บำรุงราษฎร์ได้ตระหนักถึงความจำเป็นกรณีเจ็บป่วยและมีนัดหมายกับแพทย์ แต่ด้วยผู้ต้องการมาใช้บริการส่วนหนึ่ง
อาจยังไม่พร้อมที่จะเดินทางออกไปยังโรงพยาบาลในช่วงนี้ โรงพยาบาลจึงได้เปิดบริการใหม่ “สุขภาพดีอยู่ที่บ้าน ปรึกษาแพทย์…โทรสายด่วน 1378” เพื่อมารองรับการดูแลผู้ป่วยในช่วงสถานการณ์ดังกล่าว
โดยผู้ต้องการใช้บริการสามารถโทรผ่านสายด่วน 1378 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการรับสายตลอด 24 ชั่วโมงตลอด 7 วัน เพื่อเข้าสู่ 3 บริการหลักๆ ได้แก่
1 ต้องการปรึกษาแพทย์ สามารถคุยกับแพทย์ได้โดยตรงภายในเวลาอันรวดเร็ว ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น. ครั้งละไม่เกิน 15 นาที
2 ส่งยาตรงถึงบ้าน จัดส่งยาหลังจากปรึกษาแพทย์และจัดส่งยาตามใบสั่งแพทย์ ยกเว้นยาแช่เย็น กลุ่มยาเสพติด (Narcotics)
และยากลุ่มที่มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท (Psychotropic substances) ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.00 น. 3 บริการเจาะเลือดที่บ้านตามใบสั่งแพทย์ เฉพาะเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่เวลา 06.00 – 16.00 น.
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบำรุงราษฎร์ยังได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการออกมาตรการการเฝ้าระวังสถานการณ์และตรวจคัดกรองไวรัสโควิด–19 ขั้นสูงสุด
ซึ่งเทียบได้ตามมาตรฐานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา ( Centers for Disease Control and Prevention – CDC )
และยังมีศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ที่คอยปรับการบริหารจัดการตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปต่อวันมาอย่างต่อเนื่อง
ด้าน ผศ. นพ. วิชัย เตชะสาธิต แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวเสริมว่า
“เนื่องด้วยโรงพยาบาลมีห้องปฏิบัติการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 มีนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัย และที่สำคัญมี ทีมแพทย์ และ นักเทคนิคการแพทย์
ที่ชำนาญการสามารถถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ถูกต้องตามหลักการประเมินมาตรฐานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ซึ่งเป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล
บำรุงราษฎร์จึงเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งเดียวที่เป็นหนึ่งในเครือข่ายโรงพยาบาลทั้งหมด 7 แห่งในระดับประเทศ
และได้รับใบประกาศนียบัตรให้เป็นห้องปฏิบัติการเครือข่ายกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ผ่านการทดสอบความชำนาญทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในระดับมาตรฐานสากล นอกจากนี้ บำรุงราษฎร์ยังได้ดำเนินมาตรการเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ป่วย ผู้ใช้บริการบุคลากรของโรงพยาบาลฯ และชุมชน เพิ่มขึ้นด้วยมาตรการขั้นสูงสุด รวม 8 มาตรการ ได้แก่
1 ลดโอกาสในการรับเชื้อให้น้อยที่สุด โดยสวมใส่เครื่องป้องกันส่วนบุคคล Personal Protect Equipment ตามระดับของอาการและความเสี่ยง ทั้งในส่วนของบุคลากร ผู้ป่วย ผู้มารับบริการ และผู้มาเยี่ยม
2 ป้องกันการติดเชื้อจากการสัมผัสและจากละอองฝอยที่มีเชื้ออยู่ในอากาศอย่างเข้มงวด และเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดพื้นที่ อุปกรณ์ และจุดสัมผัสต่างๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อคุณภาพสูง
3 บริการการจัดการทางเข้า-ออก และการใช้พื้นที่โรงพยาบาล และมีการติดตั้งเครื่อง Thermal Imaging Camera เพื่อตรวจจับผู้ที่อุณหภูมิร่างกายเกินกำหนด ครอบคลุมทุกพื้นที่
4 เตรียมความพร้อมกรณีพบผู้ป่วยเข้าข่ายสงสัย ตามเกณฑ์ของกรมควบคุมโรค โดยมีการเตรียมห้องแยกโรคความดันลบ (negative pressure room) พร้อมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล มีคลินิกเฉพาะสำหรับรองรับผู้ป่วยที่เข้าข่ายสงสัย แยกออกเป็นสัดส่วน รวมถึงมีแคปซูลเฉพาะสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่ทันสมัย พร้อมเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการในกรณีรับย้ายผู้ป่วย
5 บริหารจัดการบุคลากรของโรงพยาบาล โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพ โดยมีคลินิกสุขภาพพนักงาน พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพและการปฏิบัติตัวในช่วงสถานการณืไวรัสโควิด-19
6 จัดฝึกอบรมและให้ความรู้บุคลากรทางการแพทย์อย่างสม่ำเสมอ และในทุกครั้งที่ภาวการณ์มีการเปลี่ยนแปลง
7 มีการทำความสะอาด และการกำจัดของเสียอย่างเหมาะสม เป็นไปตามหลักวิชาการ
8 จัดระบบการรายงานข้อมูลข่าวสารภายในและระหว่างหน่วยงานสาธารณสุข โดยมีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เพื่อติดตาม เฝ้าระวัง และประชุมกับผู้ชำนาญการเพื่อปรับแผนรองรับสถานการณ์ตามความเหมาะสม
รวมถึงมีการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ข้อมูลและระเบียบข้อปฏิบัติต่าง ๆ ที่จำเป็นให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกองค์กร
สืบเนื่องจากการรับรองให้บำรุงราษฎร์ เป็นหนึ่งในเครือข่ายโรงพยาบาลทั้งหมด 7 แห่งที่สามารถตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้นั้น
ทำให้องค์กรหรือหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงประชาชนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน และเดินทางมาเพื่อขอตรวจไวรัสโควิด-19 ทั้งที่ยังไม่มีความจำเป็น
ผศ. นพ. วิชัย เตชะสาธิต ขออธิบายว่า การตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลเองนั้น ต้องขอสงวนสิทธิ์ในการตรวจให้เฉพาะผู้ที่อยู่ในข่ายสงสัยระดับปานกลางและในระดับสูง
ที่แพทย์วินิจฉัยแล้วว่ามีความจำเป็นในการตรวจเท่านั้น เนื่องด้วยปัญหาที่พบคือ จำนวนชุดตรวจที่ใช้ตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ของห้องปฏิบัติการเครือข่ายของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้ง 7 แห่ง มีจำนวนจำกัดอย่างมาก
จึงจำเป็นต้องสงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่น่าสงสัยเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อป้องกันการขาดแคลนของชุดตรวจในยามจำเป็น จึงขอสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่หน่วยงาน บริษัทต่างๆ
รวมถึงประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง เนื่องด้วยที่ผ่านมา พบว่าบางคนที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง
มีความต้องการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งในความเป็นจริงนั้น ผู้ที่ยังไม่มีไข้ ไม่มีอาการแล้วมาตรวจแล็บ ซึ่งผลตรวจในขณะนั้นจะออกมาเป็นลบ (Negative)
แต่ก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะไม่มีเชื้อไวรัสโควิด-19 จนกว่าจะผ่านพ้นระยะฟักตัวจนครบ 14 วันไปแล้ว คำแนะนำที่ดีที่สุดคือ เมื่อกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ให้แยกตัวเฝ้าสังเกตอาการตนเองจนครบ 14 วัน
ใส่หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (Surgical Mask) ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอก หรือออกไปในที่ชุมชน หรือพบปะผู้คน กินอาหารปรุงสุก
ยึดหลักสุขอนามัยพื้นฐานง่าย ๆ คือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ เป็นต้น และหากเริ่มมีอาการป่วยให้รีบไปพบแพทย์และแจ้งประวัติการเดินทางตามความเป็นจริง
13 มีนาคม 2563
ผู้ชม 4352 ครั้ง