ปัญหาใหญ่ ! “นายแพทย์สุขุม” ร่วมกับ ม.โตเกียว วิจัย "สายพันธุ์เชื้อวัณโรค"
ปัญหาใหญ่ ! “นายแพทย์สุขุม” ร่วมกับ ม.โตเกียว วิจัย "สายพันธุ์เชื้อวัณโรค"
ทีมข่าว เว็บไซต์ medhubnews.com รายงานว่า นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุเกี่ยวกับเว็บไซต์ www.genomeweb.com ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเว็บไซต์ ที่นำเสนอผลงานวิจัยและวิชาการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก
โดยได้เผยแพร่ผลงานการศึกษาวิจัยด้านวัณโรค ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างนักวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และมหาวิทยาลัยโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งระบุว่า ในประเทศไทยมีเชื้อวัณโรค ที่พบบ่อยสองสายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ปักกิ่ง และสายพันธุ์แอฟริกาตะวันออกและอินเดีย ซึ่งสายพันธุ์ปักกิ่งมักพบได้ในผู้ป่วยวัยทำงาน ส่วนสายพันธุ์แอฟริกาตะวันออกและอินเดีย
มักพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ การศึกษาทางระบาดวิทยาพันธุศาสตร์ ทำให้ทราบว่าผู้ป่วยวัณโรคที่ติดเชื้อวัณโรคคนละสายพันธุ์ มีความเสี่ยงไม่เหมือนกัน
ทั้งนี้ ผู้ป่วยจากเชื้อวัณโรคสายพันธุ์ปักกิ่ง มักมียีน HLA-DRB1*09:01 ซึ่งเป็นยีนที่พบได้บ่อย ในคนเอเชียและทำหน้าที่ในการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อแบคทีเรีย
ในขณะที่ผู้ที่ป่วยจากเชื้อวัณโรคสายพันธุ์แอฟริกาตะวันออกและอินเดีย มักจะพบยีน CD53 ทำงานไม่เหมือนกับคนปกติ ซึ่งแสดงว่าเชื้อวัณโรคทั้งสองสายพันธุ์มีกลไกในการก่อโรคที่แตกต่างกัน
ทำให้คนที่ป่วยเป็นวัณโรคจากเชื้อสายพันธุ์หนึ่งและรักษาจนหายแล้ว ยังมีโอกาสป่วยเป็นวัณโรคซ้ำจากเชื้อสายพันธุ์อื่นได้อีก สำหรับประเทศไทยและประเทศแถบอาเซียน
พบผู้ป่วยเชื้อวัณโรคหลากสายพันธุ์ทำให้ควบคุมโรคได้ยากกว่าประเทศอื่นที่พบผู้ป่วยวัณโรคเชื้อเพียงสายพันธุ์เดียว
ความหลากหลายทางสายพันธุ์ของเชื้อวัณโรคที่ระบาดในประเทศไทย ทำให้การควบคุมวัณโรคยากลำบากกว่าประเทศอื่น โดยการยุติวัณโรคในประเทศที่มีเชื้อวัณโรคหลากหลายสายพันธุ์
เช่น ในประเทศสหรัฐอเมริกา จำเป็นต้องใช้มาตรการเชิงรุก ได้แก่ การค้นหาผู้ป่วยวัณโรคตั้งแต่ยังไม่มีอาการ การคัดกรองผู้สัมผัสโรคอย่างเป็นระบบ และรักษาวัณโรคแฝงในเด็ก ซึ่งเป็นมาตรการคัดกรองโรคที่มีประสิทธิภาพและเป็นตัวชี้วัดสำคัญ
สำหรับกลยุทธ์ยุติวัณโรค ขององค์การอนามัยโลก ซึ่งประเทศไทยจะต้องรายงานตัวชี้วัดนี้ทุกปี ดังนั้นการค้นหาและตรวจพบผู้ป่วยที่แพร่เชื้อได้ ตั้งแต่ยังไม่มีอาการจะช่วยลดการแพร่เชื้อวัณโรคได้ทุกสายพันธุ์และลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยวัณโรคลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ที่ผ่านมากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีความร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยโตเกียว ในการวิจัยด้านวัณโรคและได้รับการสนับสนุนการวิจัยจาก Japan International Cooperation Agency ( JICA ) ประเทศไทย และ Japan Agency for Medical Research and Development ( AMED ) จนได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ที่สามารถนำมาใช้ประกอบการวินิจฉัยและรักษาวัณโรค
ประกอบไปด้วย การตรวจเลือดเพื่อประเมินการแสดงออกของยีนที่ช่วยในการวินิจฉัยการติดเชื้อวัณโรค การถอดรหัสพันธุกรรมของเชื้อวัณโรคเพื่อการประเมินภาวะดื้อต่อยาต้านวัณโรค
วิธีตรวจระดับยาต้านวัณโรคเพื่อประเมินขนาดยาต้านวัณโรคให้เหมาะสม และการตรวจพันธุกรรม เพื่อปรับขนาดยาต้านวัณโรคให้เหมาะสมกับลักษณะพันธุกรรม
ทำให้การวินิจฉัยโรคได้รวดเร็วขึ้น สามารถเลือกใช้ยาและปรับขนาดยาต้านวัณโรคให้เหมาะสม ส่งผลให้ประสิทธิภาพการรักษาดีขึ้นและลดการเกิดผลข้างเคียงจากยาต้านวัณโรค”
เว็บไซต์ข่าวสุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ วาไรตี้ ฯลฯ
Thailand Health and Wellness News
ติดตามข่าวสารจาก medhubnews.com ได้จาก Facebook : sasook ของเรา
25 ธันวาคม 2561
ผู้ชม 3379 ครั้ง