“พาณิชย์” แก้ไขกฎหมายเพื่อธุรกิจสตาร์ทอัพ ลดอุปสรรคทำธุรกิจ ดึงดูดนักลงทุน
“พาณิชย์” แก้ไขกฎหมายเพื่อธุรกิจสตาร์ทอัพ ลดอุปสรรคทำธุรกิจ ดึงดูดนักลงทุน
ข้อมูลของสมาคม Thai Tech Startup พบว่า ในช่วงระยะ 1-2 ปีที่ผ่านมา (2559 - 2560) กลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ทอัพในประเทศไทยมีอัตราการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด ถึงร้อยละ 80
โดยมีจำนวนรวมกว่า 1,500 ราย โดยคาดว่าในอนาคตจะมีผู้ประกอบการสตาร์ทอัพเพิ่มสูงขึ้นถึง 3,000 - 5,000 ราย
ในปี 2560 นี้ สตาร์ทอัพในประเทศไทยมีมูลค่าทรัพย์สินในตลาดรวมกว่า 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 53,000 ล้านบาท และคาดว่าภายในปี 2562 จะมีมูลค่าทรัพย์สินในตลาดรวมไม่ต่ำกว่า 2 - 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 66,000 - 99,000 ล้านบาท
กองบรรณาธิการข่าว เว็บไซต์สุขภาพ medhubnews.com รายงานว่า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่..) พ.ศ.... เพื่อธุรกิจสตาร์ทอัพ ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้นำร่าง พ.ร.บ.แก้ไขฯ ฉบับดังกล่าวรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน และผู้ประกอบการกลุ่มสตาร์ทอัพ จำนวน 4 ครั้ง รวมทั้ง การรับฟังความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (www.dbd.go.th) โดยหลังจากที่ได้รับฟังความคิดเห็นแล้ว กรมฯ ได้นำความเห็น/ข้อเสนอแนะทั้งหมดมาทำการวิเคราะห์ถึงผลกระทบการอาจเกิดขึ้นจากกฎหมายฯ ฉบับนี้
และได้ทำการปรับปรุงแก้ไขร่างกฎหมายฯ ตามที่ได้รับฟังความคิดเห็น และได้นำเสนอขอความเห็นชอบจาก ครม. ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ผ่านความเห็นชอบแล้ว
สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะส่งร่างกฎหมายฯ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ซึ่งหากผ่านการพิจารณาฯ แล้ว ก็จะดำเนินการส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา 3 วาระ...ก่อนตราเป็นกฎหมายบังคับใช้ต่อไป
“หัวใจหลักของการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายฯ คือ ช่วยลดอุปสรรคในการประกอบธุรกิจของธุรกิจสตาร์ทอัพ และเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ
โดยสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.แก้ไขฯ ฉบับนี้ แบ่งออกตามวัตถุประสงค์ 2 ประเด็น ดังนี้ ประเด็นที่ 1 เพื่อดึงดูดนักลงทุนและสร้างแรงจูงใจในการเข้ามาร่วมลงทุน
สาระที่ปรับแก้ : 1) นักลงทุนหรือเจ้าหนี้สามารถเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทได้ โดยการซื้อหุ้นจากการเสนอขายโดยเฉพาะเจาะจง หรือการแปลงหนี้เป็นทุนแล้วแต่กรณี
และ 2) หุ้นบุริมสิทธิที่ออกให้แก่นักลงทุนหรือเจ้าหนี้สามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสิทธิจากที่กำหนดไว้เดิมได้ และสามารถแปลงเป็นหุ้นสามัญได้ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนหรือเจ้าหนี้มีส่วนในการตัดสินใจในการร่วมลงทุนกับบริษัทมากขึ้น”
ประเด็นที่ 2 เพื่อสร้างแรงจูงใจการทำงานให้แก่พนักงานและผู้บริหาร สาระที่ปรับแก้ : 1) ทยอยให้หุ้นแก่พนักงาน (Vesting) เพื่อเป็นการตอบแทนการทำงาน
ซึ่งจะทำให้พนักงานรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นเจ้าของกิจการ และ 2) ซื้อหุ้นได้ในราคาที่กำหนด หรือ ESOP : Employee Stock Option Plan แม้ว่าราคาตลาดในช่วงนั้นจะปรับขึ้นไปอยู่ในระดับใดก็ตาม โดย ESOP เป็นรูปแบบหนึ่งของสวัสดิการที่บริษัทให้แก่กรรมการและพนักงาน เป็นเครื่องมือในการกระจายกรรมสิทธิ์ในทุนของบริษัทให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัท
“การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่..) พ.ศ.... เพื่อธุรกิจสตาร์ทอัพ เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการกลุ่มสตาร์ทอัพสามารถจัดตั้งบริษัท/ดำเนินกิจการได้คล่องตัวมากขึ้นและเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนที่กำลังเข้ามาร่วมลงทุน และดึงดูดให้นักลงทุนทั้งชาวไทย/ชาวต่างชาติตัดสินใจเข้าร่วมลงทุนกับธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้ศักยภาพในการแข่งขันของประเทศมีระดับที่สูงขึ้นตามไปด้วย”
05 มกราคม 2562
ผู้ชม 3551 ครั้ง